Skip to main content
sharethis

Who run the world (Girl) Who run the world (Girl)...

ใน ขณะที่กำลังซ้อมเต้นกับซิงเกิลใหม่ของบียอนเซ่อยู่ เพื่อนสาวไฮโซก็แท็กคลิปยูทูบอันหนึ่งมาให้บนวอลล์ในเฟซบุ๊ก ชื่อว่า ‘Beyonce อยากไปเซ็นทรัลเวิลด์’ ซึ่งเป็นการนำคลิปการแสดงเพลง ‘Who run the world’ ของบียอนเซ่ในงานแฟร์เวลเจ้าแม่ทอล์กโชว์โอปราห์ วินฟรีย์ ที่สิ้นสุดรายการ The Oprah Winfrey Show เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งคอโซเชียลเน็ตเวิร์กหรือยูทูบคงพอจะรู้ว่านี่คืออีกหนึ่งเวอร์ชั่นของ ‘พากย์นรก’ ที่เป็นกระแสอยู่สักพักเมื่อนานมาแล้ว ตั้งแต่ The Matrix จะไปซื้อผ้าที่พาหุรัดแล้ว

โอ๊ยยย...นั่งขำจนน้ำตาเล็ด ไปหาดูกันเองนะคะ

ดิฉัน ว่างานนี้เครือเซ็นทรัลคงต้องจ่ายเงินให้กับคนทำคลิปแล้วล่ะ (ส่วนจะจ่ายให้บียอนเซ่หรือเปล่าก็ไปฟ้องร้องกันในชั้นศาลเอาเอง) เพราะถือว่าเป็นการโฆษณา ‘เซ็นทรัลเวิลด์’ เต็มๆ เลยล่ะงานนี้ ว่าแต่ทำไมต้องเป็น ‘เซ็นทรัลเวิลด์’ ทำไมไม่เป็นพารากอน สยามสแควร์ ดิ เอ็มโพเรียม หรือเกษร (คาดว่าบียอนเซ่คงไม่ไปเซียร์ รังสิต พันทิพย์ หรือเดอะ มอลล์ แน่ เพราะแลดูจะไม่ไฮโซเท่าไหร่)

นั่นสิ...ทำไมต้องเป็น ‘เซ็นทรัลเวิลด์’

ปกติ ดิฉันไม่ค่อยจะเดินเซ็นทรัลเวิลด์เท่าไหร่ เพราะอย่างที่รู้กันว่าไม่ค่อยมีซูเปอร์แบรนด์ให้ช้อป ไฮโซตัวจริงนอกจากจะไม่ช้อปในประเทศแล้ว ถ้าเกิดฉุกเฉินจริงๆ ก็น่าจะช้อปกันที่เกษร ดิ เอ็มโพเรียมมากกว่า อย่าว่ากระนั้นกระนี้เลย พารากอน ยังไม่อยากจะเดิน ส่วนเซ็นทรัลเวิลด์น่ะเหรอ มีแต่สลิ่มไปหาข้าวกินกับดูหนังเท่านั้นแหละ

ก่อนหน้าที่จะชื่อว่า ‘เซ็นทรัลเวิลด์’ ที่ตรงนี้เป็นที่รู้จักกันในนาม ‘เวิลด์เทรด’ อันเป็นชื่อเหมือนตึกเวิลด์เทรดที่ล้มพังพาบไปเมื่อเหตุการณ์ 911 อันเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คของมหานครนิวยอร์ก คนตั้งชื่อก็คงกะว่า ‘เวิลด์เทรด’ ก็คงจะเป็นแลนด์มาร์คของกรุงเทพฯ เช่นเดียวกัน แต่หลังจากเจ๊งมาหลายครั้ง ก็เลยรีโนเวทใหม่ปลี่ยนชื่อเป็น ‘เซ็นทรัลเวิลด์’ (มีคนบอกกันว่าที่ตรงนั้น ‘ของ’ เค้าแรง เนื่องจากเป็นสี่แยกที่มีมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนาอยู่หลายองค์ หลายทิศ ก็เลยแผ่ความ ‘แรง’ ใส่กัน เชื่อได้มากน้อยแค่ไหนไม่รู้ แต่ถ้าถามแม่ชีทศพรว่าทำไมเซ็นทรัลเวิลด์ถึงโดนเผา ดิฉันว่าแม่ชีทศพรก็จะอธิบายด้วยเหตุผลนี้แหละ...จริง...จริ๊ง...)

ไม่ว่าจะเป็นเวิลด์เทรด หรือเซ็นทรัลเวิลด์ ก็ไม่เคยเป็นแลนด์มาร์คของกรุงเทพฯ แม้ว่าจะพยายามจัดงานปีใหม่ทุกปีก็ตาม

แล้วมันเกี่ยวอะไรกับบียอนเซ่ ?

ที่ พล่ามมาเสียยืดยาวเพื่อจะพล่ามต่อว่า ไม่นานหลังจากนั้น (ก่อนจะถึงวันเลือกตั้ง) ก็มีคลิปอีกอันที่ดิฉันได้รับแท็กมาในหน้าวอลล์เฟซบุ๊ก เป็นคลิปเกี่ยวกับเหตุการณ์การเผาเซ็นทรัลเวิลด์ โดยประโยคที่ใช้นั้นกล่าวว่าคุณยังจำได้ไหม...ว่าใครเป็นคนเผาบ้านเผาเมือง (อะไรอีกก็จำไม่ได้แล้ว เพราะไม่ได้คลิกดู มัวแต่ดูมิวสิค Who run the world) แน่นอน คลิปนี้ ใจความนี้ และในช่วงเวลานั้น มันมีนัยถึงการเลือกตั้ง (ที่ผ่านมา) ว่าคุณจะเลือกคนที่เผาบ้านเผาเมืองให้ขึ้นมาปกครองบ้านเมืองหรืออย่างไร เหมือนกับที่หลังจากเลือกตั้งเสร็จสิ้นแล้ว ปรากฏว่าพรรคเพื่อไทยได้คะแนนเสียงข้างมากพร้อมจัดตั้งรัฐบาล ข้อความบนหน้าวอลล์เฟซบุ๊กก็เต็มไปด้วยการเสียดสีประมาณว่า ต่อไปนี้คงไม่มีคนเผาบ้านเผาเมืองอีกต่อไปแล้ว เพราะมันได้มาปกครองบ้านเมืองแล้ว อืม...ประมาณนั้น

ไอ้เรื่องการเผา บ้านเผาเมือง ใครทำอะไรยังไง ดิฉันไม่ค่อยจะรู้เรื่องอะไรเท่าไหร่ จำได้ว่าช่วงนั้นไม่ได้อยู่เมืองไทย มัวแต่ลั้นลากับผู้ชายอยู่เมืองนอก เลยไม่ค่อยได้สนใจข่าวสารบ้านเมืองสักเท่าไหร่ (ซึ่งปกติก็ไม่ค่อยจะสนใจข่าวการเมืองพวกนี้ เพราะงานหลักคือเขียนข่าวกอสซิปดาราเมืองนอก กับรายงานเทรนด์แฟชั่นเมืองนอกค่ะ) ยกเว้นเรื่องของซ้อเจ็ดที่ต้องเปิดอ่านเป็นประจำ แต่ที่ทำให้ต้องหวนกลับมาคิดถึงนั้นก็เพราะว่า

ตกลง ‘บ้านเมือง’ ที่ว่านี้คือ ‘เซ็นทรัลเวิลด์’ เหรอ...???

เอา ล่ะ...อุปมาว่าด้วยจินตนาการแห่งความเป็นรัฐ เป็นชาติ อย่างที่ธงชัย วินิจจะกูล ว่าไว้ (ดิฉันไม่ได้ว่า อ้างคนอื่นเค้ามาอีกที) แม้มันจะไม่มีจริง เป็นเพียงจินตนาการก็ตามที แต่เราก็ต้องมีสัญลักษณ์มารองรับเพื่อทำให้สามารถ ‘ประเทศไทย รวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย’ ได้ ซึ่งสัญลักษณ์สุดฮิตเพื่อสร้างบ้านแปงเมือง หรือความเป็นไทยขึ้นได้ ก็มีไม่กี่อย่าง ธงชาติไทยเอย การไหว้เอย (ไม่รวมพับเพียบนะคะ แพลงกิ้งก็ไม่เอา) เพลงชาติเอย ประวัติราชวงศ์ต่างๆ ที่เรียนในแบบเรียนสังคมศึกษาอันลากยาวมาตั้งเทือกเอาอิไตอิไต เอ๊ะ! ไม่แน่ใจนะคะ อัลไต หรืออิไตอิไต (เรียนอินเตอร์มาค่ะ ขออภัย) ซึ่งเรื่องจินตนาการความเป็นชาติ ความเป็นบ้านเมืองของเราด้วยการปลูกฝังผ่านสัญลักษณ์ต่างๆ นี้ คงมีคนพูดกันจนเฝือแล้ว (ไปหาอ่านเอาเอง) แต่ที่ดิฉันขอตั้งข้อสงสัยก็คือ ชาติ บ้านเมือง (ไทย) มันกลายเป็นเพียง ‘เซ็นทรัลเวิลด์’ ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ (ยังไง เพราะอะไร) ไฉนเลยชาติบ้านเมืองของเรา มันจึงหดกะจิดริดจากขวานทอง (อันนี้ก็อุปมาอุปไมย) อันใหญ่โต สวยงามเหลือเพียงห้างสรรพสินค้าที่ชื่อว่า ‘เซ็นทรัลเวิลด์’

จากความ หมายของคลิป ความหมายของข้อความในเฟซบุ๊กที่เกิดขึ้นตั้งแต่เหตุการณ์การเผาห้างเซ็นทรัล เวิลด์ มาจนถึงก่อนเลือกตั้ง ทำให้เห็นว่ามีคนกลุ่มหนึ่ง (ไม่ทราบจำนวนและอาจเป็นไปด้วยความไม่ตั้งใจ) พยายามสร้างความหมาย (และวาทกรรม ?) ของคำว่า ‘บ้านเมือง’ (ที่ถูกเผาวอดวาย) ให้เหลือห้างสรรพสินค้าห้างหนึ่ง เพื่อบอกต่อความหมายนี้ไปยังคนอีกหลายคน (ในเฟซบุ๊ก ?) ว่าคนที่ทำลาย ‘บ้านเมือง’ ของตัวนั้น ไม่สมควรที่จะได้รับการเลือกตั้งเพื่อมาปกครอง ‘บ้านเมือง’ (ของเรา ?)

ที่ จริงปรากฏการณ์การสร้างความหมาย (และวาทกรรม ?) ของความเป็นชาติ บ้านเมือง ให้เหลือเพียง ‘อะไรอย่างหนึ่ง’ ที่ลดทั้งขนาด (จากขวานทอง) ความศักดิ์สิทธิ์ (เพลงชาติ) หรือระยะเวลา (ประวัติศาสตร์ราชวงศ์ผู้ปกครองบ้านเมือง) ฯลฯ (อาจจะมีมากกว่านี้นะคะ พอดีคิดไม่ออก ไม่ค่อยจะมีความรู้น่ะค่ะ นอกจากเรียนจบหลักสูตรอินเตอร์มาแล้ว ยังจบแค่ป.ตรี มหาวิทยาลัยเล็กๆ ริมแม่น้ำที่ยากจนมากๆ เพราะใช้งบฯ ทั้งหมดไปสร้างภาพจนไม่เหลือเงินไปซื้อหนังสือมาให้นักศึกษาอ่านในห้องสมุด นักศึกษาอย่างดิฉันก็เลยโง่นี้ดดด..นึง ปล. ขอนอกเรื่อง ได้อ่านบทสัมภาษณ์ของนักศึกษามหาวิทยาลัยนี้ ที่ถามคำ ผกา ในประเด็นการรับน้อง เมื่อเห็นถึง ‘โวหารที่ใช้ในคำถาม’ ที่ดูโอ้อวดเรื่องเสรีภาพ อะไรเทือกนั้นเหลือเกิน แล้วรู้สึกคันคะเยอ คลื่นไส้ แล้วอยากจะอ้วกเสียจริง!) นั้น ไม่ใช่เรื่องใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้น เซ็นทรัลเวิลด์ ไม่ได้เป็นตัวแทนความเป็นชาติบ้านเมือง ในยุคโพสต์โมเดิร์นของเรา ก่อนหน้านี้เรามีทั้งเสื้อยืดสกรีนคำเชยๆ โหลๆ มีทั้งริสต์แบนด์ มีเข็มกลัด เพลงปลุกใจสมัยว่าด้วยความปรองดอง หรือแม้กระทั่งเอสเอ็มเอส และภาพโปรไฟล์ในเฟซบุ๊ก ฯลฯ

สิ่งเหล่านี้ ส่วนใหญ่ ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่ามันได้กลายร่างจากนามธรรม หรือของสูงส่งสูงค่า ให้เหลือเพียงวัตถุอันว่าด้วยการบริโภค และ ‘ไลฟ์สไตล์’ อุปมาว่าด้วยบ้านเมือง หรือความเป็นชาติจึงต้องถูกปรับแต่งให้เข้ากับยุคกับสมัย ลดทอนให้เหลือเพียงสิ่งที่สลิ่มทั้งหลายสามารถปรับเข้าได้ (ง่ายๆ) กับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง (คนเมือง ?) ไม่ว่าจะเป็นการใส่ริสต์แบนด์ (เก๋มากกก...อินเทรนด์) เสื้อยืดสกรีนลาย (โอ๊! นี่ก็แลดูเท่ ใส่แล้วมีอะไรกว่าเสื้อห่านคู่สีขาวเสียอีก) และ ‘เซ็นทรัลเวิลด์’ (กรี๊ด! ชั้นไปเดินบ่อยเชียว ไปกินข้าวที่ชั้น 6 ดูหนังที่ชั้น 7 พวกแกมาเผาของชั้นทำม้าย...)

สลิ่ม (ถ้าเป็นชื่อพ่อ ชื่อแม่ หรือญาติผู้ใหญ่ใครขอกราบขออภัยด้วยค่ะ) จึงลดทอนความซับซ้อน และโบราณคร่ำครึของอุปมาว่าด้วยชาติที่เชยเฉิ่มให้กลายเป็นเพียงอะไรก็ได้ ที่ยังพอมี ‘กลิ่น’ ที่เข้ากับไลฟ์สไตล์การบริโภคของตน และถ้าเซ็นทรัลเวิลด์ไม่ถูกเผา ก็คงไม่ถูกยกระดับให้กลายเป็นอุปมาของคำว่า ‘บ้านเมือง’ ของเราเฉกเช่นปัจจุบันนี้ ดิฉันว่าเซ็นทรัลต้องขอบคุณคนที่เผานะคะ ที่ช่วยยกระดับเซ็นทรัลเวิลด์ให้มีหลากหลายมิติและเลอเลิศถึงขั้นหลายเป็น ตัวแทนของ ‘บ้านเมือง’ (ของเรา ?) ได้ถึงเพียงนี้

ในอีกแง่หนึ่งที่ น่าสนใจ คือ อุปมาว่าด้วยชาติ ที่เคยเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่ ศักดิ์สิทธิ์ ยาวนาน นั้น ก่อนหน้านี้ต้องหาสัญลักษณ์ที่สามารถ ‘หว่านคลุม’ คนทุกคนในประเทศเพื่อให้ห่ม (หรือถูกคลุมในผืนผ้าอันใหญ่ ?) ได้ นอกจากจะสามารถหว่านคลุมได้ทุกผู้ทุกคนแล้ว ยังเป็นสัญลักษณ์ที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียว แต่ทุกคนสามารถอ้างการเป็นส่วนหนึ่งได้ มันคือ ‘การรวมหมู่’ (หรือสังหารหมู่ ?) โดยนัย แต่ในขณะที่สัญลักษณ์แนวใหม่ที่ถูกสร้างความหมาย (วาทกรรม ?) นี้กลับกลายเป็น ‘สิ่งอัน’ ที่ปัจเจกแต่ละคนสามารถครอบครองได้ด้วยตัวเอง และความลักลั่นที่เกิดขึ้นก็คือ มันไม่สามารถห่มคลุมคนทั้งหมด (หรือส่วนใหญ่) ได้

การสร้างความหมาย (วาทกรรม ?) ของเซ็นทรัลเวิลด์ให้เป็น ‘บ้านเมือง’ ของเรานั้น จึงไม่สามารถห่มคลุมคำว่า ‘ของเรา’ แก่คนทุกคนในประเทศได้ (คนกว่า 67 ล้านคนในประเทศไทยเดินเซ็นทรัลเวิลด์กันครบทุกคนหรือยังคะ ?) ในแง่นี้มันจึงไม่ ‘ศักดิ์สิทธิ์’ และยังถูกตั้งคำถามอีกด้วยว่าของเรานั้น ‘ใคร ?’ กลุ่มไหน ด้วยเหตุอันใด

แน่นอนส่วนหนึ่งของคนที่พยายาม ‘เคลม’ คำว่าของเรานั้น คือคนที่เป็นเจ้าของกิจการในนั้น เป็นลูกจ้างในนั้น มีหุ้นในนั้น เคยไปเดินเล่น ไปช้อปปิ้ง นัดชู้ไปดูหนัง (ส่วนแฟนอยู่พารากอน ?) ฯลฯ ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่ได้ ‘สัมพัทธ์’ กับเซ็นทรัลเวิลด์เลยก็ตกเป็นเหยื่อของการสร้างความหมายของคำว่า ‘บ้านเมือง’ ไป เพราะหากพูดกันจริงๆ เซ็นทรัลเวิลด์ไม่ใช่บ้านเมือง มันเป็นแค่ห้างสรรพสินค้า และเป็นทรัพย์สินของเอกชนอีกด้วย ! (เอาเงินภาษีของคนไทยไปสร้างก็ไม่ใช่ แต่เงินที่ได้ไปจากคนไปช้อป ไปกิน ไปดูหนัง ไม่แน่)

ทำไมรุ้งรวีถึงพูดแบบนี้ รุ้งรวีไม่รักชาติ รุ้งรวีไม่รักบ้านเมือง รุ้งรวีไม่โกรธที่เซ็นทรัลเวิลด์ถูกเผา รุ้งรวีไม่สงสารเจ้าของห้างร้านที่ต้องวอดวายหมดตัว ไม่สงสารคนที่ต้องตกงานหรอกหรือ ทำไมรุ้งรวีถึงสวยแต่ใจดำ รุ้งรวีไปเห็นดีเห็นงามกับคนที่เผา ที่ทำผิดกฎหมาย สร้างความวุ่นวายและทำลายทรัพย์สินได้อย่างไร รุ้งรวีเข้าข้างอีพวกแดงเผาบ้านเผาเมืองได้อย่างไร หรือว่ารุ้งรวีเป็นแดง ???

ดิฉันเห็นสมควร ร้อยเปอร์เซ็นต์ ว่าคนที่ได้กระทำการทำลายทรัพย์สินของผู้อื่นต้องได้รับโทษทั้งทางแพ่งและ อาญา (กรี๊ด! ได้ใช้งานเรื่องที่เรียนจบมาก็ประโยคนี้แหละ!) และสิ่งที่ดิฉันพล่ามมาทั้งหมดก็เพื่อทำให้เห็นว่า อย่า ‘เคลม’ เอาเซ็นทรัลเวิลด์ไปเป็น ‘ชาติบ้านเมือง’ มันผิดตรรกะ (ก็บอกแล้วว่านี่ของเครือเซ็นทรัล ไม่ใช่ของรัฐบาลที่เอาเงินภาษีประชาชนไปสร้าง และชาติบ้านเมืองนี้ไม่สามารถห่มคลุมคนทั้งประเทศได้!) และเมื่อผิดตรรกะตั้งแต่ต้นแล้วก็อย่าเอาคำว่า ‘ชาติบ้านเมือง’ (ที่นัยความหมายคือเซ็นทรัลเวืลด์) ไปเคลม ไปบลัฟ ไปคลุม ไปด่า คนอื่น ว่าทำไมเขาไม่รักชาติบ้านเมือง ทำไมคนส่วนใหญ่จึงเลือกคนที่เผาบ้านเผาเมืองมาปกครองบ้านเมือง

มันผิดตรรกะมาตั้งแต่ต้นแล้วค่า...อันเดอร์แสตนด์ ???

หลัง จากที่เลือกตั้งเสร็จสิ้น (แต่ดิฉันยังไม่เสร็จภาระกิจการแกะท่าเพลง Who run the world) สารพัดข้อความที่เฟซบุ๊กทำเอาดิฉันละเหี่ยใจ แต่ก็ปลอบใจตัวเองว่า นอกจากเซ็นทรัลเวิลด์ไม่ใช่ ‘บ้านเมือง’ ของเราแล้ว เฟซบุ๊กก็ยังไมใช่ประเทศของเราอีกด้วย เพราะฉะนั้นคนที่อยู่ในเฟซบุ๊กก็ไม่ใช่ประชาชนส่วนใหญ่และทั้งหมดของประเทศ ที่ Run This Country นี้ !!!

ปล. บทความนี้มีไว้อ่านเพื่อความบันเทิง ผู้เขียนไม่อนุญาตให้นำไปเผยแพร่ต่อ (นอกจากในเว็บแห่งนี้) ไม่ใช่อะไรหรอกค่ะ กลัวว่าผู้สันทัดกรณีวิชาการอันว่าด้วยชาติ การสร้างความหมาย สัญลักษณ์ จินตนาการ บลา บลา บลา บลา ทั้งหลายเค้าอ่านแล้วจะงงว่า...อีนี่พล่ามอะไรของมัน

Central World

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net