ยิ่งลักษณ์จะทำให้ภาคใต้สงบลงได้หรือไม่?

เมื่อยิ่งลักษณ์ลงมาหาเสียงก่อนการเลือกตั้งที่จังหวัดปัตตานีเธอสวมฮิญาบสีเลือดหมู และสัญญาว่าหากเธอได้รับเลือกเธอจะพยายามนำสันติสุขกลับมาสู่พื้นที่อันขาดความสงบแห่งนี้ที่มีประชากรส่วนใหญ่เป็นมุสลิม และมีเชื้อชาติมาเลย์ พรรคเพื่อไทยของยิ่งลักษณ์นั้นชนะการเลือกตั้งแบบถล่มทลายในเดือนนี้ แต่ในปัตตานี, ยะลา และนราธิวาส -สามจังหวัดภาคใต้ที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นมุสลิม- ไม่มีนักการเมืองของพรรคเพื่อไทยได้ที่นั่งแม้แต่ที่เดียว ที่นั่งทั้งหมดเป็นของพรรคประชาธิปัตย์ที่พยายามจะแก้ปัญหาความสัมพันธ์ สมานแผลเก่าที่เกิดขึ้นในสมัยที่ทักษิณ พี่ชายของยิ่งลักษณ์นั้นเป็นนายกรัฐมนตรี ในภูมิภาคนี้มีประวัติความขัดแย้ง เมื่อรัฐบาลที่กำลังจะเข้ามาบริหารงานประเทศนั้นได้มีความหวาดกลัวว่าเหตุการณ์ปัญหานี้จะย่ำแย่ลงกว่าเดิมเมื่อพรรคเพื่อไทยชนะ ไม่นานหลังจากที่เขาเข้ามาบริหารงานในปี 2554 อดีตนายกฯ ทักษิณนั้นได้ขยายอิทธิพลเข้ามามีบทบาทในภูมิภาคนี้ และนั่นก็นำไปสู่การต่อต้านอย่างรุนแรง สองวันหลังจากการเลือกตั้ง สมชาย (นามสมมติ) ออกมาถอดป้ายหาเสียงป้ายใหญ่ ๆ ที่เรียงรายอยู่บนถนนในเมืองปัตตานี เมืองใหญ่ที่สุดในบรรดาจังหวัดอื่นทางใต้สุดของประเทศไทย เขาบอกว่ากรอบไม้ของป้ายหาเสียงนั้นจะเน่าเปื่อยไป แต่ตัวป้ายที่เป็นพลาสติกนั้นยังเอาไปขายเพื่อทำการรีไซเคิ่ลได้ สมชายกล่าวต่อ นิวมาทิลด้าว่า “เธอ (ยิ่งลักษณ์) มาขอเสียงจากเรา แต่หากเราอยากจะเจอเธอ เธอก็จะไม่มีเวลาให้เราเพราะเธอเป็นใหญ่เป็นโตไปแล้ว” ในการเลือกตั้ง กว่า 12,000 กองกำลังรักษาความปลอดภัยนั้นได้ถูกให้มาคุ้มกันที่จุดเลือกตั้ง ถึงแม้จะไม่มีการรายงานเหตุการณ์รุนแรงใด ๆ แต่การรักษาความปลอดภัยอย่างหนาแน่นนั้นก็เป็นเรื่องปกติในพื้นที่แห่งนี้ มีเคอร์ฟิวในเวลากลางคืน และการปิดกั้นถนนของกองทัพ และทหารก็ติดอาวุธหนักผลัดเปลี่ยนกันตรวจตราในพื้นที่ต่าง ๆ กองกำลังรักษาความปลอดภัยของไทยนั้นถูกกล่าวหาว่าได้ละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างกว้างขวาง ไม่ว่าจะเป็น การทรมาน, การใช้เทคนิคสอบปากคำอย่างผิดกฎหมาย และวิสามัญฆาตกรรม พวกเค้าทำตัวนอกกฎหมาย “ไม่มีทหารแม้แต่คนเดียวที่ถูกตัดสินว่ากระทำผิดเนื่องจากการละเมิดสิทธิมนุษยชน ดังนั้นมันจึงมีวัฒนธรรมที่คนบางคนจะทำอะไรก็ได้โดยที่ไม่โดนกฎหมายลงโทษ” ยับ สวี เซง, ผู้อำนวยการบริหารฟอรั่มเอเชีย (Asia Forum for Human Rights and Development) กล่าวในการให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์จากกรุงเทพฯ กรณีของการละเมิดสิทธิของบุคคลในกองทัพนั้นถูกยกฟ้องโดยศาลชั้นต้นที่บอกว่าไม่มีอำนาจเหนือการกระทำของผู้ที่อยู่ในกองทัพ พระราชกำหนดที่ฝ่ายบริหารประกาศในสภาวะฉุกเฉินที่มีผลตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2548 ได้เพิ่มอำนาจให้แก่กองทัพ มาตรา 17 ในพระราชกำหนดฯ นั้นตีความได้ว่าบุคคลในกองทัพที่ได้ทำการละเมิดสิทธิมนุษยชนนั้นจะได้รับการละเว้นโทษ เนื่องจากไม่มีช่องทางกฎหมายให้ประชาชนนั้นได้รับความเป็นธรรม ประชาชนจึงต้องการหาทางออกโดยการใช้ความรุนแรง มันจะเกิดวงจรแห่งการแก้แค้นระหว่างกองทัพกับผู้ที่ก่อความไม่สงบที่ดูจะไม่จบลงง่าย ๆ ผู้ที่แข็งข้อนั้นปฏิบัติการอยู่เบื้องหลัง และเป็นที่เชื่อกันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับกลุ่มเคลื่อนไหวอิสลามข้ามชาติ ในขณะเดียวกันก็ไม่มีกลุ่มเคลื่อนไหวที่ต้องการแบ่งแยกดินแดน และประชาชนโดยรวมแล้วไม่ได้แสดงความต่อต้านต่อรัฐไทย ความไม่เสมอภาคทางเศรษฐกิจระหว่างพื้นที่ทางใต้ และในย่านอันร่ำรวยของประเทศนั้นเป็นสาเหตุหนึ่งของความขัดแย้ง เศรษฐกิจของไทยนั้นอยู่ในขั้นดีในปีที่ผ่าน ๆ มา และยังคาดกันว่าจะยิ่งดีขึ้นไปอีก ในเดือนเมษายน 2554 ธนาคารโลกรายงานว่าการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในประเทศนั้นเป็นที่มาของการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ แต่คนที่ยากจนนั้นได้ส่วนแบ่งเพียงนิดเดียวเท่านั้นจากการเจริญเติบโตของความมั่งคั่งนี้ บางคนแย้งว่าการจัดสรรส่วนแบ่งที่ไม่เป็นธรรมนี้เป็นตัวจุดชนวนให้เกิดปัญหาภายในภูมิภาค ในขณะที่ความสัมพันธ์กับรัฐบาลของทักษิณนั้นเป็นปัญหา ชาวปัตตานีบางคนนั้นยกย่องการกระทำของทักษิณว่าพยามจะลดช่องว่างระหว่างพื้นที่ทางภาคใต้ และที่อื่น ๆ ของประเทศไทย “หลายคนไม่ได้เลือกยิ่งลักษณ์ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาเห็นว่าเธอไม่ดี อย่างน้อยในขณะที่ทักษิณนั้นยังมีอำนาจเขาพยายามที่จะจัดสรรส่วนแบ่งความมั่งคั่งมาให้บ้าง” มาห์มุด ครูผู้สอนที่มูลนิธิโพมมิงเพื่อการศึกษาวัฒนธรรมอิสลาม กล่าวต่อนิวมาทิลด้า อีกจุดหนึ่งในประวัติศาสตร์แห่งความขัดแย้งระหว่างชนกลุ่มน้อยมุสลิม และกลุ่มคนส่วนใหญ่ที่เป็นชาวพุทธ รัฐบาลไทยนั้นได้ส่งเสริมให้คนไทยชาวพุทธเข้าไปอาศัยอยู่ในพื้นที่ ผู้ก่อความไม่สงบเชื้อสายมาเลย์นั้นได้ใช้ความรุนแรงเพื่อที่จะขับไล่ชาวพุทธออกไป กองทัพไทยที่ส่วนใหญ่นั้นเป็นชาวพุทธจึงมีประวัติของการใช้กำลังปราบปราม และต่อต้านชาวมุสลิม คนในท้องที่บางคนนั้นรู้สึกว่าศาสนานั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับความขัดแย้ง แต่เป็นเพราะการขาดการส่งเสริมคนหนุ่มสาวให้ยืนได้ด้วยตนเอง “ศาสนานั้นไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหาอยู่ที่ธุรกิจ ถ้าหากคนหนุ่ม ๆ นั้นมีโอกาสทางธุรกิจที่ดีและเป็นได้เป็นส่วนหนึ่งของประเทศ พวกเขานั้นก็คงไม่หันเหความสนใจไปที่การแบ่งแยกดินแดนจากไทย” มีนา อาซิบ, เจ้าของธุรกิจเครื่องแต่งกาย และเครื่องตกแต่งในงานแต่งตามประเพณีอิสลาม กล่าว คำถามที่ท้าทายนั้นอยู่ที่เรื่องของการเมือง และสังคมไทย: คนยากจนส่วนใหญ่นั้นจะมีชีวิตอยู่อย่างสบายได้โดยที่ไม่ต้องพึ่งพาการจัดสรรส่วนแบ่งของคนร่ำรวยได้อย่างไร แคมเปญของพรรคการเมืองใหญ่ ๆ ในการเลือกตั้งครั้งนี้นั้นได้ให้คำมั่นว่าจะให้ช่วยเหลือคนที่ไม่มีอันจะกิน แต่หลายคนนั้นสงสัยถึงความเป็นไปได้ของโครงการเงินทุนที่ฟุ่มเฟือยของรัฐที่ให้ประโยชน์แก่คนยากคนจน และมันจะก่อให้เกิดความไม่พอใจในหมู่คนรวยของไทย สิ่งหนึ่งที่ท้าทายรัฐบาลไทยมากที่สุดนั่นก็คือการเริ่มเจรจากับกลุ่มต่าง ๆ ดังที่ สวี เซง จาก ฟอรั่มเอเชีย (Asia Forum for Human Rights and Development) “อนาคต [ของพื้นที่ภาคใต้ของไทย] นั้นขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลใหม่นั้นจะใช้นโยบายอะไร เราหวังว่าพวกเขาจะยืนมือเข้ามา และสนับสนุนให้มีการพูดคุย และที่สำคัญที่สุดนั้นพวกเขาต้องจัดการกับปัญหาคอรัปชั่น และการละเมิดสิทธิมนุษยชน และหาผู้กระทำผิดมาลงโทษ ก่อนที่จะก้าวต่อไป” การทำงานในสมัยของยิ่งลักษณ์นั้นเริ่มต้นด้วยความยากลำบาก คณะกรรมการการเลือกตั้งนั้นได้ประกาศออกมาเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคมนั้นว่าจะไม่รับรองสถานะของเธอจนกว่าการการสืบสวนหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการโกงการเลือกตั้งนั้นเสร็จสมบูรณ์ นี่เป็นที่กลัวกันว่ามันเป็นความพยายามไม่ให้เพื่อไทยขึ้นมามีอำนาจ ถ้าหากว่าคณะกรรมการการเลือกตั้งไม่รับรองชัยชนะของยิ่งลักษณ์ มันก็อาจจะนำไปสู่การออกมาประท้วงของผู้สนับสนุนที่พร้อมอยู่แล้ว และทำให้ประเทศไทยตกอยู่ในวิกฤตทางการเมืองตามที่หลายคนนั้นคาดการณ์ไว้ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งครั้งนี้

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท