Skip to main content
sharethis

เครือข่ายชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทยเตรียมจัดงานมหกรรมชนเผ่าพื้นเมืองปี 2554 เน้นการพัฒนาเพื่อฟื้นฟูวิิถีชีวิตและสิทธิชนเผ่าพื้นเมืองพร้อมดันนโยบายด้านชนเผ่าพื้นเมืองให้เป็นวาระแห่งชาติ ในการปฏิรูปประเทศ สืบเนื่องจากองค์การสหประชาชาติ ได้ประกาศให้วันที่ 9 สิงหาคมของทุกปีเป็นวัน “ชนเผ่าพื้นเมืองโลก” และกำหนดให้ระหว่างปี พ.ศ. 2548 – 2557 (ค.ศ. 2005- 2014) เป็น “ปีทศวรรษสากลของชนเผ่าพื้นเมืองโลก” (ระยะที่ 2) อีกทั้งเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2550 ที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติได้มีมติรับรอง “ปฏิญญาสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิชนเผ่าพื้นเมือง” อย่างเป็นทางการ เพื่อให้ประเทศสมาชิกและประชาคมโลกตระหนักถึงปัญหาและข้อกังวลต่าง ๆ ของพี่น้องชนเผ่าพื้นเมืองที่ประสบอยู่ และจะได้ร่วมช่วยกันแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างจริงจัง ตลอดจนร่วมส่งเสริม ยืนยันและรับรองสิทธิของชนเผ่าพื้นเมืองในทุกระดับด้วย สำหรับประเทศไทยนั้น ถือเป็นดินแดนที่มีความหลากทางวัฒนธรรมและมีความหลากหลายทางชีวภาพสูง โดยเฉพาะการมีชนเผ่าพื้นเมืองหลากหลายกลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่กระจายตามภูมิภาคต่าง ๆ ซึ่งชนเผ่าพื้นเมืองเหล่านี้ นับได้ว่าเป็นผู้ที่มีภาษา อัตลักษณ์ วัฒนธรรมและบริบทของสังคมที่แตกต่างกันออกไปจากสังคมใหญ่ เช่น ทางภาคเหนือ มีกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยง ขมุ มฺบีซู มลาบรี ม้ง เมี่ยน ลีซู ลาหู่ ลัวะ อาข่า และอื่น ๆ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีชาวกูย ภูไท ญัฮฺกุร โส้ และอื่น ๆ ภาคกลางและตะวันออก มีชาวมอญ ไททรงดำ และชอง และภาคใต้ มีชาวมอแกน มอแกลน อุรักละโว้ย และอื่น ๆ เป็นต้น กลุ่มชนเผ่าพื้นเมืองเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มประชากรขนาดเล็กมีจำนวนไม่มากนัก,มีวิถีการดำเนินชีวิตที่ผูกพันและใกล้ชิดกับธรรมชาติอย่างแนบแน่น เน้นระบบการผลิต การตั้งถิ่นฐานและการใช้ทรัพยากรเพื่อการยังชีพเป็นหลัก มีระบบขัดเกลาทางสังคมและได้บ่มเพาะจนกลับกลายเป็นอัตลักษณ์วัฒนธรรมและแบบแผนการดำเนินชีวิตของแต่ละกลุ่มในระยะต่อมา ซึ่งมีกระบวนการถ่ายทอดและสืบต่อกันมาจากชนรุ่นหนึ่งไปสู่ชนอีกรุ่นหนึ่ง แต่ในระยะหลัง เรื่องราววัฒนธรรมและระบบคุณค่าเหล่านี้เริ่มอ่อนแอและลดความสำคัญลงไป,ส่วนหนึ่งเป็นผลพวงมาจากนโยบายการพัฒนาของรัฐที่ผ่านมาในอดีต,โดยเฉพาะการมุ่งเน้นการพัฒนาและสร้างความเจริญเติบโตภาคเศรษฐกิจเป็นหลัก และนโยบายการรวมพวก ซึ่งต้องการหลอมรวมเอากลุ่มสังคมเล็กๆ เหล่านี้เข้าไปสู่วัฒนธรรมกระแสหลัก ถึงกระนั้นก็ตามชนเผ่าพื้นเมืองกลุ่มต่างๆก็ยังพยายามที่จะยืนหยัดต่อสู้เพื่อให้การดำรงชีวิตและการคงความเป็น เอกลักษณ์ของตนไว้ในกระแสสังคมปัจจุบัน ดังนั้น ทางเครือข่ายชนเผ่าพื้นเมืองกลุ่มต่าง ๆ ร่วมกับองค์กรพัฒนาเอกชนและหน่วยงานภาครัฐที่ทำงานเกี่ยวข้องกับชนเผ่าพื้นเมือง ได้จัดประชุมและประกาศวันชนเผ่าพื้นเมืองในประเทศไทยขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อ 8-9 สิงหาคม 2550 โดยจัดงานมหกรรมชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย ครั้งแรกตั้งแต่ปี 2550 และจัดงานวันชนเผ่าพื้นเมืองมาอย่างต่อเนื่องทุก ๆ ปี โดยมีสำนักกิจการชาติพันธุ์ กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นหน่วยงานหลักที่เล็งเห็นความสำคัญของกิจกรรมและสนับสนุนการจัดงานดังกล่าว และคณะรัฐมนตรีได้มีมติในการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวเลและกะเหรี่ยง เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน และ 3 สิงหาคม 2553 ตามลำดับ เพื่อให้วิถีชีวิตและการธำรงอยู่ของชนเผ่าพื้นเมืองในประเทศไทย สามารถดำเนินต่อไปได้อย่างเหมาะสมภายใต้กระแสการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงของสังคมไทยและสังคมโลกในปัจจุบัน ซึ่งนอกเหนือจากความความพยายามของชนเผ่าพื้นเมืองในประเทศไทยที่ต้องการแก้ไขปัญหาของตนเองแล้ว รัฐต้องเข้ามาให้การคุ้มครองสิทธิชนเผ่าพื้นเมืองและสนับสนุนการสืบทอดและการปฏิบัติตามสิทธิทางวัฒนธรรมเพิ่มมากขึ้น โดยต้องยกระดับประเด็นปัญหา ความสำคัญและความจำเป็นดังกล่าว ให้เป็นวาระหลักอันหนึ่งของประเทศและร่วมสนับสนุนให้ชนเผ่าพื้นเมืองในประเทศไทยได้มีพื้นที่การเรียนรู้สู่เวทีต่าง ๆ ในระดับสากลอีกด้วย ตลอดจนต้องประชาสัมพันธ์และสร้างความเข้าใจต่อสาธารณะในวงกว้าง ที่มุ่งเน้นการส่งเสริมวิถีชีวิตและพัฒนาศักยภาพให้ชนเผ่าพื้นเมืองในประเทศไทย ยืนหยัดอยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี มีอัตลักษณ์และคุณค่าทางวัฒนธรรมอย่างแท้จริงด้วย โดยในปี พ.ศ. 2554 นี้คณะกรรมการจัดงานได้มีการประชุมปรึกษาหารือและได้ร่วมกันกำหนดให้มีการจัดมหกรรมชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย ประจำปี 2554: การพัฒนาเพื่อฟื้นฟูวิถีชีวิตและสิทธิชนเผ่าพื้นเมือง ขึ้น ในระหว่างวันที่ 7-9 สิงหาคม 2554ณ สวนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีเครือข่ายชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย (คชท.) ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนชนเผ่าพื้นเมืองกว่า 25 กลุ่มชาติพันธุ์จากทุกภูมิภาคของประเทศไทย ร่วมกับภาคีองค์กร หน่วยงานทั้งภาครัฐ สถาบันวิชาการ และองค์กรพัฒนาเอกชนที่ทำงานเกี่ยวข้องกับชนเผ่าพื้นเมืองร่วมกับองค์กรพัฒนาเอกชน นักวิชาการ และหน่วยงานรัฐ ที่เป็นคณะกรรมการและคณะทำงานจัดงานฯ ได้เข้าร่วมเหมือนทุกปีที่ผ่านมา นายศักดิ์ดา แสนมี่ ผู้ประสานงาน เครือข่ายชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย (คชท.) ได้กล่าวถึงวัตถุประสงค์ในการจัดงานในปีนี้ว่า เพื่อต้องการสร้างการยอมรับสิทธิทางวัฒนธรรมและสิทธิชนเผ่าพื้นเมืองด้วยการนำเสนอวิถีชีวิตและคุณค่าทางวัฒนธรรมของชนเผ่าพื้นเมืองต่อสังคมและเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งเครือข่ายชนเผ่าพื้นเมืองในการรวมพลังขับเคลื่อนการพัฒนาและการแก้ไขปัญหาที่สอดคล้องกับสิทธิทางวัฒนธรรมและสิทธิชนเผ่าพื้นเมือง “นอกจากนั้น ยังเพื่อเป็นการกระตุ้นและติดตามการปฏิบัตินโยบายของรัฐที่เกี่ยวข้องกับชนเผ่าพื้นเมือง และเสนอแนะแนวนโยบายด้านชนเผ่าพื้นเมืองให้เป็นวาระแห่งชาติในการปฏิรูปประเทศในอนาคตต่อไปด้วย” ทั้งนี้ ทางเครือข่ายชนเผ่าพื้นเมืองไทยแห่งประเทศไทย คาดหวังว่าหลังจากจัดงานมหกรรมชนเผ่าพื้นเมือง ปี 2554 นี้ รัฐบาลไทยจะมองเห็นความสำคัญ ยอมรับและรับรองสิทธิทางวัฒนธรรมและสิทธิชนเผ่าพื้นเมืองที่เป็นไปตามปฏิญญาสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิชนเผ่าพื้นเมือง ตลอดจนส่งเสริมและสนับสนุนกิจกรรมปฏิบัติการต่าง ๆ ของชนเผ่าพื้นเมืองในประเทศไทยอย่างจริงจัง ซึ่งภายในงานดังกล่าว ทางเครือข่ายชนเผ่าพื้นเมืองที่เข้าร่วมงาน จะได้นำเสนอวิถีชีวิตและเห็นคุณค่าทางวัฒนธรรมของตนเอง เกิดความภาคภูมิใจในอัตลักษณ์และภูมิปัญญาของตนเองและพร้อมที่จะร่วมรณรงค์สู่สาธารณะอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนได้รวมพลังเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาและการแก้ไขปัญหาที่สอดคล้องกับสิทธิทางวัฒนธรรมและสิทธิชนเผ่าพื้นเมืองต่อไป.

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net