Skip to main content
sharethis

เครือข่ายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอีสานจับมือกรมส่งเสริมสิ่งแวดล้อม จัดเสวนาถอดบทเรียนนโยบายการจัดการทรัพยากรชาติ เตรียมเสนอทางเลือกรบ.ใหม่ เชื่อนโยบายไม่ต่าง “นโยบายทักษิณ” ในอดีต เมื่อวันที่ 2 ก.ค.54 เวลา 8.00 น. ณ ศูนย์ประชุมแก่งเลิงจาน จ.มหาสารคาม เครือข่ายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมภาคอีสาน ร่วมกับกรมส่งเสริมสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้จัดเวทีเสวนาแลกเปลี่ยนถอดบทเรียนการจัดการทรัพยากรภาคอีสาน และทิศทางการจัดการทรัพยากรของภูมิภาคโดยภาคประชาชนในอนาคต โดยมีตัวแทนจากเครือข่ายองค์กรพัฒนาเอกชนด้านสิ่งแวดล้อมเข้าร่วมกว่า 100 คน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายในเวทีมีการถอดบทเรียนนโยบายการจัดการทรัพยากรธรรมชาติในภาคอีสานของรัฐบาล นับแต่แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 1 จนถึงในช่วงแผนฯ ฉบับที่ 10 ครอบคลุมทั้งในมิติ ดิน น้ำ ป่า และแร่ธาตุ เพื่อสรุปบทเรียนปัญหาร่วมกันทั้งในเชิงพื้นที่และภาพรวมของภูมิภาค นายมนัส ถำวาปี คณะกรรมการชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบจากแนวสายส่งไฟฟ้าแรงสูง กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลยังไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมมากนัก เพราะแผนการพัฒนาของรัฐยังมุ่งเก็งกำไร เอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้ประกอบการ เอื้อนายทุน หรือรัฐวิสาหกิจเป็นหลัก เช่น กรณีโครงข่ายไฟฟ้าแรงสูง 500 Kv ที่ส่วนตัวได้รับผลกระทบอยู่ขณะนี้ ดังนั้นจึงอยากเสนอให้รัฐบาลใหม่หันมาสนับสนุนการใช้ทรัพยากรทางเลือกที่มีอยู่ เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งสามารถใช้ได้ตลอดชั่วลูกชั่วหลาน แม้ในระยะแรกอาจมีค่าใช้จ่ายในการติดตั้งสูง แต่ต่อๆ ไป จะมีเพียงแต่ภาระค่าบำรุงรักษาเท่านั้น อีกทั้งยังไม่ได้สร้างผลกระทบเหมือนโครงการพัฒนาขนาดใหญ่อย่างที่รัฐได้ดำเนินการอยู่ในขณะนี้ ส่วนนายบุญเลิศ เหล็กเขียว แกนนำกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี กล่าวฝากถึงรัฐบาลที่จะเข้ามาบริหารใหม่ว่า ให้ฟังเสียงประชาชนบ้าง ฟังว่าพวกเขาจะเอาหรือไม่เอา ถ้าประชาชนเจ้าของพื้นที่เขาไม่เอาก็ควรฟัง เพราะนั่นเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของเขา ไม่ใช่รัฐบาลมัวเห็นแต่ผลประโยชน์ หน่วยงานรัฐก็ไม่ควรที่จะมาบีบคั้นประชาชนให้ยอมรับตาม เช่น เวลาประชาชนไปเรียกร้องสิทธิก็กลับมาหาว่าเขาคัดค้านโครงการ หรือคัดการปฏิบัติงานของรัฐแล้วเอาเจ้าหน้าที่ตำรวจมาจับ ทั้งๆ ที่ประชาชนมีสิทธิตามรัฐธรรมนูญ มีสิทธิโต้แย้ง มีสิทธิคัดค้าน มีสิทธิประท้วง มีสิทธิเรียกร้อง ซึ่งส่วนตัวมันไม่เป็นธรรมสำหรับประชาชนอย่างพวกเขา ก็ขอฝากรัฐบาลให้ใจกว้างขึ้นหน่อย ยอมรับความคิดที่แตกต่างของชาวบ้านบ้าง ด้านนายสนั่น ชูสกุล ผู้อำนวยการโครงการทามมูล ให้ความเห็นปิดท้ายว่า จริงๆ แล้วเราก็มองว่านโยบายของรัฐบาลใหม่คงไม่ได้ต่างกับนโยบายทักษิณในอดีต ที่เน้นเรื่องการจัดการเรื่องทุน เรื่องฐานทรัพยากรที่มองว่าเป็นทุน คิดว่าช่วงต่อจากนี้คงเกิดความเครียดเพิ่มขึ้นกว่าเดิมพอสมควร แต่ก็อาจจะเป็นการกระตุ้นให้ชุมชนเกิดความตระหนัก เกิดความตื่นตัวที่จะลุกขึ้นมาปกป้องทรัพยากรกันมาขึ้น ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า วงแลกเปลี่ยนมีข้อสรุปร่วมกันว่ารากเหง้าของปัญหาในการจัดการทรัพยากรที่สร้างผลกระทบให้กับชุมชนท้องถิ่นอีสานในแต่ละภูมินิเวศนั้น ล้วนเป็นผลมาจากการรวมศูนย์อำนาจการจัดการทรัพยากรเข้าสู่ส่วนกลาง การมุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจอุตสาหกรรมและความเจริญเติบโตของตัวเลขเศรษฐกิจเป็นหลักใหญ่ ซึ่งได้นำมาสู่การลิดรอนสิทธิชุมชนในการจัดการทรัพยากร การใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือกดขี่ข่มเหงชาวบ้านสารพัดรูปแบบโดยไม่เคารพศักดิ์ศรีและความเป็นมนุษย์ของคนอีสาน ฉะนั้นทางออกของปัญหาที่มีร่วมกันก็คือการปรับดุลอำนาจในการจัดการทรัพยากรกับรัฐเสียใหม่ เพื่อให้ชุมชนในแต่ละภูมินิเวศสามารถจัดการทรัพยากรด้วยตนเองได้อย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับนิเวศวัฒนธรรมเฉพาะถิ่นนั้นๆ ทั้งนี้ การประชุมมีตัวแทนจากเครือข่ายองค์กรพัฒนาเอกชนด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้าร่วมแสดงความเห็น อาทิ โครงการทามมูล กลุ่มนิเวศวัฒนธรรมศึกษา สมาคมเพื่อนภู มูลนิธิเพื่อการบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการ ตัวแทนชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการพัฒนาทั่วภาคอีสาน อาทิ กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี กลุ่มผู้ได้รับผลกระทบจากแนวสายส่งไฟฟ้าอุดรธานี เครือข่ายองค์กรชุมชนฟื้นฟูป่าภูกระแต กลุ่มชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการสร้างเขื่อนปากชม กลุ่มชาวบ้านลุ่มน้ำเสียวและลุ่มน้ำชี กลุ่มชาวบ้านพื้นที่ชุ่มน้ำแก่งละว้าและกลุ่มผู้ได้รับผลกระทบจากเขื่อนหัวนา-ราษีไศล เป็นต้น รายงานโดย: ฐากูร สรวงศ์สิริ ศูนย์สื่อชุมชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ศสธ.)

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net