Skip to main content
sharethis

ด้าน \สนธิ ลิ้มทองกุล\" ให้สัมภาษณ์สื่อจวก กกต. เร่งรับรองผลการเลือกตั้ง สะท้อนต้นเหตุการเมืองล้มเหลว เผยจะให้โอกาสรัฐบาล \"เพื่อไทย\" ทำงาน หากยังยึดหลักธรรมาภิบาล แต่ถ้าแก้กฎหมายให้พวกพ้อง - จาบจ้วงสถาบันฯ พันธมิตรฯ จะออกมาเคลื่อนไหว \"สนธิ\" วิจารณ์ กกต. เร่งรับรองผลการเลือกตั้ง สะท้อน กกต.ต้นเหตุการเมืองล้มเหลว เอเอสทีวี ผู้จัดการออนไลน์ รายงานเมื่อวานนี้ (3 ส.ค.) ว่า นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวระหว่างไปรับฟังคำพิพากษาคดีหมิ่นประมาทตระกูลดามาพงศ์ ที่ศาลอาญา โดยนายสนธิตำหนิการทำหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่เร่งรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส.เพื่อให้สามารถเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้ ซึ่งถือว่าผิดวัตถุประสงค์การทำหน้าที่แท้จริงของ กกต. เพราะหากทำตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดแล้ว ปัญหากรณีนายจตุพร พรหมพันธุ์ คงจะไม่เกิดขึ้น ทำให้เห็นว่า กกต.เป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้ระบบการเมืองล้มเหลว เพราะไม่ทำหน้าที่ควบคุมดูแลตรวจสอบการเลือกตั้งให้มีความบริสุทธิ์ยุติธรรม ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า กกต.ชุดนี้ไม่แตกต่างจากชุดที่มี พล.ต.อ. วาสนา เพิ่มลาภ เป็นประธาน “โดยสรุปแล้วบทบาทของ กกต.ไม่ใช่บทบาทที่ควรจะเป็นตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย เพราะฉะนั้นแล้วเรื่องของคุณจตุพร ก็เลยกลายเป็นเรื่องเล็กเมื่อเทียบกับบทบาทหน้าที่ของ กกต.ถ้า กกต.ทำหน้าที่จริง ตรวจสอบจริง ปัญหากรณีคุณจตุพร ย่อมไม่เกิดขึ้น ผมไม่ตำหนิคุณจตุพร ไม่ตำหนิคนเสื้อแดง ผมตำหนิคณะกรรมการการเลือกตั้ง “ที่น่าเสียใจก็คือว่า แต่ละคนนี่เป็นอดีตผู้พิพากษาที่มีประสบการณ์ในการดูแลหลักนิติรัฐกันมาตั้ง หลายคน คนหนึ่งก็เป็นถึงรองอัยการสูงสุด คุณวิสุทธิ์ โพธิแท่น ก็เช่นกัน อยู่คณะรัฐศาสตร์ (ธรรมศาสตร์) คนเหล่านี้ยังไม่สามารถที่จะตีความเจตนารมณ์ของกฎหมายได้นี่ ผมคิดว่าการเมืองไทยนี่ ระบบการเมืองที่มันล้มเหลว อย่าไปโทษนักการเมือง เพราะว่า กกต.ทำให้การเมืองไทยล้มเหลว และถ้าการเมืองไทยล้มเหลวแล้วนี่ ประเทศชาติก็ล้มเหลวเช่นกัน” สนธิให้โอกาสรัฐบาลเพื่อไทยทำงาน หากยังยึดหลักธรรมาภิบาล นายสนธิ ยังกล่าวถึงการเตรียมจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย ว่า ตราบใดที่รัฐบาลใหม่ ยึดหลักธรรมาภิบาลก็ต้องให้โอกาสในการทำงาน แต่หากทำเพื่อผลประโยชน์ของครอบครัว และพวกพ้องแล้วคงเป็นหน้าที่ของพรรคประชาธิปัตย์ที่จะต้องทำหน้าที่ในการ ตรวจสอบ ส่วนพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย คงแค่จับตาดู แต่เมื่อใดที่มีการแก้กฎหมายนิรโทษกรรมให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หรือมีการจาบจ้วงสถาบัน ทางกลุ่มพันธมิตรฯ จะมีการกำหนดท่าทีในการเคลื่อนไหวอีกครั้ง “ผมคิดว่า ผมพยายามมองโลกในแง่ดี ตราบใดที่เขายังยึดหลักธรรมาภิบาลอยู่ ผมคิดว่า เป็นอะไรบางอย่างที่ต้องให้โอกาสเขา แต่ถ้าเขาเข้ามาแล้ว พิสูจน์ว่า เขาเข้ามาทำงานเพื่อครอบครัวเขา เพื่อตัวเอง และพวกพ้องเขา นั่นก็อีกประเด็นหนึ่ง แต่ในส่วนของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เราบอกแล้ว เราก็บอกแล้วว่าเราจะอยู่เฉยๆ จนกว่า 2 ข้อที่เราตั้งไว้ คือ แก้กฎหมายแล้วก็จาบจ้วงสถาบัน” นายสนธิ กล่าว ศาลอุทธรณ์สั่งจำคุก 6 เดือน ปรับ 5 หมื่น สนธิ-สโรชา กล่าวหาตระกูลดามาพงศ์โกง ให้รอลงอาญา 3 ปี สำหรับคดีที่นายสนธิ เดินทางมาฟังคำพิพากษานั้น มติชนออนไลน์ รายงานว่าเป็นคดีที่ พล.ร.ท.เกียรติศักดิ์ ดามาพงศ์ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพเรือ ญาติคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร์ อดีตภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ฟ้องนายสนธิ กับพวก เป็นจำเลยที่ 1-10 ในความผิดฐานร่วมกันดูหมิ่น และหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา กรณีร่วมกันจัดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจรบริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า ถ่ายทอดออกอากาศผ่านสถานีโทรทัศน์ ASTV ช่องนิวส์ 1 และเผยแพร่ตีพิมพ์ทาง น.ส.พ.ผู้จัดการรายวัน และเว็บไซต์ www.manager.co.th โดยกล่าววิจารณ์การขายหุ้นบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ด้วยถ้อยคำลักษณะใส่ร้ายตระกูลดามาพงศ์และบุคคลในตระกูลดามาพงศ์ของโจทก์ให้ ได้รับความเสียหาย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 24 มกราคม - 4 กุมภาพันธ์ 2549 โดยเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2550 ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาว่า ข้อเท็จจริงที่ได้จากคำเบิกความพยานโจทก์ยังคลาดเคลื่อนในทางนำสืบ จึงมีน้ำหนักไม่มั่นคงให้รับฟังได้ว่าโจทก์ได้รับความเสียหายจากการกระทำของจำเลย จึงไม่เข้าองค์ประกอบความผิดฐานหมิ่นประมาทฯ จึงพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้ง 10 ต่อมาโจทก์ยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่า เมื่อพิจารณาจากข้อความตามฟ้องโจทก์ เช่น ชินวัตร...ดามาพงศ์ โกงทั้งโคตร ขายชาติเลี่ยงภาษี แม้ไม่มีชื่อโจทก์แต่การที่ลงชื่อตระกูลทำให้ผู้อ่านย่อมเข้าใจไปได้ว่าหมาย ถึงทั้งตระกูลโจทก์จึงเป็นผู้เสียหาย อีกทั้งข้อความดังกล่าวยังเป็นความหมายในทางลบทำให้ประชาชนทั่วไปรู้สึกว่า การกระทำของตระกูลโจทก์กระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐที่จะดำเนินการไม่ใช่หน้าที่จำเลยมาตัดสิน ข้อความตามฟ้องของจำเลยที่ 1 จึงไม่ใช่การเสนอข้อเท็จจริงโดยสุจริต ส่วนจำเลยที่ 2

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net