Skip to main content
sharethis

ชาวบ้านแจงที่ทำกินดั้งเดิม แต่ประกาศเขตรักษาพันธุ์ฯ ทับที่ ชี้ก่อนหน้านี้ชุมนุม สภ.ห้วยยาง แต่เจ้าหน้าที่ไม่สนใจ จึงเปลี่ยนมาร้องนายอำเภอ ด้านนายอำเภอรับจะดูสำนวนเพิ่ม พร้อมขยายเวลายื่นเรื่องอัยการอีก 7 วัน 4 ส.ค.54 ประมาณ 12.30 น.ชาวบ้านทุ่งลุยลาย บ้านโนนศิลา และชุมชนบ้านบ่อแก้ว จำนวนกว่า 120 คน เดินทางไปชุมนุมบริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอคอนสาร จ.ชัยภูมิ เรียกร้องขอเข้าพบนายประทีป ศิลปะเทศ นายอำเภอคอนสาร เพื่อให้ชะลอการส่งสำนวนคดีที่ชาวบ้าน 12 คนถูกจับข้อหาบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติต่ออัยการ จากกรณีเมื่อ วันที่ 1 ก.ค.54 นายอำเภอคอนสาร นำกำลังเจ้าหน้าที่ป่าไม้ และ อส.จำนวนกว่า 200 นาย ร่วมกันจับกุมและตรวจยึดพื้นที่ป่าโคกยาว ต.ทุ่งลุยลาย อ.คอนสาร และ ต.ห้วยยาง อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีกับชาวบ้าน จำนวน 10 คนว่า บุกรุก แผ้วถาง สร้างสิ่งปลูกสร้าง ในบริเวณพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติผาผึ้ง หลังจากนั้นได้มีการจับกุมดำเนินคดีชาวบ้านเพิ่มเติมอีก 2 คน ในข้อหาเดียวกัน นายเด่น คำแหล่ ชาวบ้าน หมู่ 1 ตำบลทุ่งลุยลาย เล่าว่า ก่อนจะเคลื่อนขบวนของตัวแทนผู้ถูกกล่าวหา และผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน เพื่อมาขอพบนายอำเภอ ชาวบ้านได้ชุมนุมบริเวณหน้า สภ.ห้วยยาง ในช่วงเช้าของวันที่ 3 ส.ค.54 โดยได้เข้าแจ้ง ร.ต.อ.นิติพัฒน์ พิกุล เจ้าพนักงานสอบสวน รวมทั้งเข้าพบ พ.ต.อ.ชัยพร อุ่นรัตน์ ผกก.สภ.ห้วยยาง ถึงการมาเรียกร้องครั้งนี้ โดยขอให้เจ้าหน้าที่ชะลอการดำเนินคดีกับชาวบ้านที่ถูกเจ้าหน้าที่ป่าไม้จับกุมทั้ง 12 คน นายเด่น กล่าวเพิ่มว่า ระหว่างคดีอยู่ในการดำเนินการของ สภ.ห้วยยาง ในขณะนี้ ชาวบ้านไม่ได้รับความเป็นธรรม สืบเนื่องจากหน่วยงานรัฐเข้าไปใช้กำลังขับไล่ออกจากพื้นที่ ถือเป็นการละเมิดสิทธิในที่ดินทำกินเดิมของชาวบ้าน และยังส่งผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจ ทำให้คนในชุมชนสูญเสียโอกาส ดังนั้นจึงอยากให้มีการสอบสวน หาข้อมูลเพิ่มเติมด้วยความเป็นธรรม พร้อมทั้งให้มีการขยายเวลาการส่งสำนวนคดีต่ออัยการออกไปก่อน “ผมและตัวแทนพี่น้องที่มาร่วมชุมนุมอยู่หน้า สภ.ห้วยยาง ตั้งแต่เช้ายันเย็น แจ้งบันทึกร้องเรียนก็แล้ว เข้าพบเจรจาผู้กำกับฯ ก็แล้ว กระทั่งพากันหลับนอนค้างคืนด้านหน้าโรงพัก ยังไม่ได้รับคำตอบจากผู้มีอำนาจที่เกี่ยวข้องถึงการที่ช่วยชะลอการส่งสำนวนคดีส่งอัยการ จนช่วงสายวันนี้ (4 ส.ค.54) ได้มีการปรึกษากันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถพึ่งพาแก้ไขปัญหาการเรียกร้องให้แก่ชาวบ้านได้ จึงเปลี่ยนวิธีการชุมนุมเดินทางจากหน้า สภ.เข้าร้องเรียนต่อนายอำเภอ ในฐานะหัวหน้าเจ้าพนักงานสอบสวน และเป็นผู้ที่นำกำลังเข้าจับกุมชาวบ้าน และเป็นผู้ที่มีอำนาจหน้าที่สามารถชะลอการดำเนินคดีส่งต่ออัยการได้อย่างแท้จริง” นายเด่น กล่าว ด้านนายนิด ต่อทุน ประธานชุมชนบ้านบ่อแก้ว ต.ทุ่งพระ อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ ผู้มาชุมนุม ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า ชาวบ้านเข้าทำกินในพื้นที่นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2496 โดยปลูกข้าวโพด ถั่ว มะขามหวาน ลำไย ฯลฯ รวมทั้งบ้านทุ่งลุยลายได้รับการจัดตั้งเป็นหมู่บ้านตามกฎหมายครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2508 กระทั่งวันที่ 28 ต.ค.2543 ได้ถูกประกาศเป็นพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าผาผึ้ง ครอบคลุมพื้นที่ ต.ทุ่งพระ ต.ทุ่งนาเลา และ ต.ห้วยยาง อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ จากการประกาศเขตรักษาพันธุ์ฯ ทำให้ซับซ้อนกันระหว่างพื้นที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยเดิม จึงเป็นที่มาของปัญหาที่ชาวบ้านถูกกระทำโดยไม่ได้รับความเป็นธรรม ทั้งจากการคุกคาม ข่มขู่ และถูกดำเนินคดีในข้อหาบุกรุก ทั้งที่เป็นพื้นที่ทำกินของชาวบ้านมาแต่ครั้งบรรพบุรุษ “ปัจจุบันชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนเพิ่มมากขึ้น ส่วนผู้ถูกดำเนินคดีบุกรุกเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าผาผึ้ง โดยมีสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 7 (นครราชสีมา) พร้อมด้วยอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พร้อมเรียกค่าเสียหายทางเพ่ง ให้ชำระค่าปรับเป็นจำนวนเงินกว่า 1,155,860.97 บาท พวกผมยากจนอย่างนี้ ปลูกพืชไร่ ปลูกผักหาเลี้ยงครอบครัว ในที่ทำดินของตัวเองก็ถูกไล่ออกมา แล้วจะหาเงินเป็นจำนวนมากในข้อกล่าวหาให้มาชำระได้จากที่ไหน” ประธานชุมชนบ้านบ่อแก้วกล่าวด้วยสีหน้าวิงวอน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลาประมาณ 14.30 น.ชาวบ้านส่งตัวแทน คือนายเหลือ ซึมดอน นายสา สมบัติมาก และนายประชัน ชำนาญวาส เข้ายื่นหนังสือข้อเรียกร้องและขอเข้าพบนายอำเภอเพื่อให้มารับฟังปัญหาความเดือดร้อน และการช่วยเหลือด้านคดีเพื่อให้ขยายเวลาการส่งสำนวนต่ออัยการ อยากไรก็ตาม นายชนะโชติ ศรีกุล ปลัดอำเภออาวุโส ได้ออกมารับหนังสือแทน โดยอ้างว่านายอำเภอติดธุระไม่สามารถออกมาพบได้ ชาวบ้านจึงลุกฮือพยายามขึ้นไปพบที่ห้องทำงาน บนชั้น 2 ของอาคาร เพราะไม่เชื่อคำพูดของปลัดอำเภออาวุโส และไม่เชื่อใจในตัวนายอำเภอ เนื่องจากที่ผ่านมาเคยบ่ายเบี่ยงเพื่อหลีกเลี่ยงการพบกับชาวบ้านมาแล้วหลายครั้ง กระทั่ง เวลา 15.00 น. นายอำเภอ ลงมาพบพูดคุยกับกลุ่มผู้มาเรียกร้อง เป็นเวลานานกว่าชั่วโมง พร้อมให้คำมั่นว่าจะขอดูสำนวนการสอบสวนเพิ่มเติม รวมทั้งจะขยายเวลายื่นต่อไปยังอัยการ อีก 7 วัน ชาวบ้านยอมรับข้อเสนอและเดินทางกลับยังที่พัก พร้อมแสดงเจตจำนงต่อหน้านายอำเภอว่าเมื่อครบกำหนดชาวบ้านจะมาทวงสัญญาการแก้ไขปัญหา เรื่องและภาพโดย: ศรายุทธ ฤ. หมายเหตุ: แก้ไขข้อมูลเพิ่มเติมเมื่อวันที่ 7 ก.ย.54 เวลา 19.40 น. จำนวนผู้ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 1 ก.ค.54 แก้ไขจาก 12 ราย เป็น 10 ราย โดยแยกเป็น 4 คดี ดังนี้ 1.นายเด่น คำแหล้ นางภาพ คำแหล้ (ผู้เดือดร้อนสามีภรรยา) 2.นายบุญมี วิยาโรจน์ นางบุญ วิยาโรจน์ (ผู้เดือดร้อนสามีภรรยา) นางเตี้ย อินอิ่ม ผู้เดือดร้อน 3.นายทอง กุลหงส์ นาสมปอง กุลหงส์ (ผู้เดือดร้อนบิดาและบุตร) 4.นายสนาม จุลละนันท์ นายคำบาง กองทุย นางสำเนียง กองทุย (ผู้เดือดร้อนกลุ่มเลี้ยงวัว)

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net