Skip to main content
sharethis

ไต้หวันร่วมกับไทยส่งแรงงานไทยผิด กม.กลับประเทศ 1,100 คน ไต้หวัน 31 ก.ค.-ไต้หวันจะร่วมกับไทยเริ่มส่งกลับแรงงานไทยผิดกฎหมาย 1,100 คน ตั้งแต่เดือนกันยายนนี้ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าหัวอยู่ จะทรงมีพระชนมายุครบ 84 พรรษาในปีนี้ เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ไทเป ไทม์ส ของไต้หวันรายงานอ้างคำกล่าวของนายเซี่ย หลี่กง อธิบดีสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของไต้หวันว่า ทางการไทยจะจัดเที่ยวบินไปรับแรงงานไทยที่พำนักในไต้หวันเกินระยะเวลาตรวจลง ตราหนังสือเดินทาง และไม่ต้องคดีใด ๆ แต่หากจำนวนแรงงานมีมากพอ ก็อาจจะจัดเป็นเที่ยวบินพิเศษเช่าเหมาลำ ไต้หวันหวังว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยให้คนในไต้หวันเข้าใจเรื่องปัญหา การค้ามนุษย์ และการปกป้องสิทธิ์แรงงานต่างชาติได้ดีขึ้น ด้านสำนักงานการค้าและเศรษฐกิจไทยใน ไทเปเผยว่า รัฐบาลไทยจะช่วยเรื่องเงินทุนที่จำเป็นต้องใช้ และหวังว่าแรงงานไทยผิดกฎหมายที่ถูกกักตัวอยู่ตามศูนย์ต่าง ๆ ทั่วไต้หวัน จะกลับบ้านได้ก่อนวันที่ 5 ธันวาคมปีนี้. (สำนักข่าวไทย, 31-7-2554) กพร.เดินหน้าพัฒนาฝีมือแรงงานรับค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน‏ นายพานิช จิตร์แจ้ง รองอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) กระทรวงแรงงาน (รง.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ นายสมเกียรติ ฉายะศรีวงศ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ได้เรียกประชุมผู้บริหาร กพร.เพื่อวางแผนการฝึกอบรมพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานให้ศักยภาพเหมาะสมกับนโยบาย ค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาทต่อวันของรัฐบาลชุดใหม่โดยที่ประชุมได้ข้อสรุปว่า จะต้องมีการเตรียมความพร้อมแรงงานก่อนเข้าทำงาน และแรงงานที่มีอยู่เดิม โดย กพร.จะต้องจัดทำหลักสูตรเฉพาะเพื่อใช้ในการอบรมพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน ทั้งนี้ ปัจจุบัน กพร.มีหน้าที่ดูแลหลักสูตรและการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานของสถาน ประกอบการต่างๆ ตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ.2545 ดังนั้น จะนำข้อมูลหลักสูตรฝึกอบรมลูกจ้างของสถานประกอบการในสาขาอาชีพต่างๆ ที่มีอยู่แล้วมาวิเคราะห์ แล้วสรุปออกมาเป็นเมนูหลักสูตรฝึกอบรมพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานในสายอาชีพต่างๆ เช่น ช่างไฟฟ้า ช่างยนต์ เครื่องนุ่งห่ม ฯลฯ เพื่อให้สถานประกอบการสามารถเลือกนำไปใช้ฝึกอบรมแรงงานได้ตามความต้องการ “ตอนนี้ยังบอกไม่ได้ว่า เมนูหลักสูตรที่ใช้ฝึกอบรมจะมีทั้งหมดกี่หลักสูตร ขอวิเคราะห์ข้อมูลก่อน อย่างไรก็ตาม คาดว่า จะจัดทำเมนูหลักสูตรอบรมพัฒนาทักษะฝีมือแล้วเสร็จ และบรรจุลงในเว็บไซต์ ของ กพร.ที่ www.dsd.go.th เพื่อเปิดให้สถานประกอบการเข้ามาเลือกนำไปใช้ได้ภายในเดือนกันยายนนี้ รวมทั้ง กพร.จะจัดทีมที่ปรึกษาลงไปสู่สถานประกอบการในพื้นที่ต่างๆ เพื่อให้คำแนะนำในการจัดอบรมและวางแผนลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิตด้วย นอกจากนี้ การฝึกอบรมแรงงานนั้นจะต้องมีบุคลากรขององค์กร หรือสมาคมสายอาชีพต่างๆ และ กพร.มาร่วมกันดำเนินการจัดฝึกอบรมเพื่อเป็นหลักประกัน ว่า การฝึกอบรมได้คุณภาพและแรงงานมีทักษะฝีมือเหมาะสมกับการที่จะรับค่าจ้างขั้น ต่ำ 300 บาทต่อวัน นอกจากนี้ สถานประกอบการที่จัดอบรมจะได้รับสิทธิประโยชน์ตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงานสามารถนำค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมมาขอลด หย่อนภาษีได้ 2 เท่า” รองอธิบดี กพร.กล่าว (ASTV ผู้จัดการออนไลน์, 1-8-2554) อดีตคนงานไทยในลิเบีย กว่า 30 คน ร้องขอความช่วยเหลือจาก ก.แรงงาน ติดตามค่าจ้างค้างจ่ายจากนายจ้าง อดีตคนงานไทยในลิเบีย กว่า 30 คน เข้าร้องขอความช่วยเหลือกับเจ้าหน้าที่กรมการจัดหางาน หลังเดินทางกลับจากประเทศลิเบียนานกว่า 5 เดือน แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีวี่แววว่าจะได้เงินค่าจ้างค้างจ่าย รวมถึงเงินชดเชยที่บริษัทจัดส่งแรงงานรับปากว่าจะได้ โดย นายสมศรี คะแก้ว ชาว จ.นครพนม วัย 41 ปี กล่าวว่า ตนเองเดินทางไปทำงานที่ลิเบียกับบริษัทไทยเอเชี่ยนเซอร์วิส จำกัด ได้สัญญาจ้าง 2 ปี เสียค่าใช้จ่ายให้บริษัทไป 130,000 บาท โดยนำที่ดินไปจำนองไว้กับธนาคาร ก่อนเกิดเหตุความไม่สงบที่ลิเบีย ทำงานได้ประมาณ 1 ปี 3 เดือน นายจ้างค้างจ่ายค่าจ้าง 2 เดือน เป็นเงินกว่า 4 หมื่นบาท เมื่อกลับมาเมืองไทย ตัวแทนบริษัทฯ รับปากว่าจะติดตามทวงถามค่าจ้างค้างจ่าย รวมถึงเงินชดเชยให้ แต่จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีความคืบหน้า เมื่อติดต่อไปที่บริษัทฯ กลับได้รับแจ้งว่าให้รอไปก่อนอย่างไม่มีกำหนด ทำให้เดือนร้อนมาก เพราะต้องหาเงินมาผ่อนธนาคาร และหนี้นอกระบบที่กู้มาเป็นค่าใช้จ่ายระหว่างไปทำงานต่างประเทศ ซึ่งดอกเบี้ยทบต้นรวมแล้วกว่า 2 แสนบาท ซึ่งปัจจุบันตนเองและเพื่อนคนงานส่วนใหญ่ต้องไปเป็นกรรมกรก่อสร้างได้ค่าแรง ขั้นต่ำประทังชีวิต (สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์, 1-8-2554) คนงานแห่ร้องทุกข์หลังถูกหลอกไปทำงานอิสราเอล ก.แรงงาน 1 ส.ค.- คนงานแห่ร้องทุกข์ หลังถูกหลอกจะพาไปทำงานที่ประเทศอิสราเอล เผยถูกหลอกเงินคนละ 75,000-200,000 บาท พร้อมนัดวันบินก่อนปิดบริษัทฯ หนี เผยใช้วิธีส่งไปรษณียบัตรชักชวนไปที่บ้าน หวั่นมีเหยื่อถูกหลอกอีกนับหมื่น นายสราวุธ คำนวณพิทักษ์ ชาว จ.ขอนแก่น พร้อมด้วยเพื่อนคนงานรวม 4 คน เข้าร้องเรียนกับเจ้าหน้าที่กองตรวจและคุ้มครองคนหางาน กระทรวงแรงงาน หลังถูกกลุ่มมิจฉาชีพ เปิดบริษัทจัดหางานเถื่อน หลอกลวงว่าจะพาไปทำงานที่ประเทศอิสราเอล เก็บค่าใช้จ่ายคนละ 75,000-200,000 บาท พร้อมนัดวันขึ้นเครื่องบิน แต่สุดท้ายกลับปิดบริษัทหอบเงินหนี นายสราวุธ เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ มีไปรษณียบัตรของบริษัทไทยโอเอ เอ็นเตอร์ไพรส์ ตั้งอยู่ที่ 68/808 หมู่บ้านไพลินปารค์ ซ.รัตนธิเบศร์ 28 ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี มีนายเอกพล รัตนดำรงค์ อายุ 36 ปี เป็นเจ้าของ มาถึงบ้านพักตนที่ จ.ขอนแก่น พร้อมระบุว่ามีตำแหน่งงานในอิสราเอล เสียค่าใช้จ่ายคนละ 25,000 บาท โดยไม่เสียค่านายหน้า ตนสนใจเดินทางมาติดต่อ และพบว่าที่บริษัทมีคนงานสนใจมาติดต่อจำนวนมาก ที่สำคัญยังมีการนำชาวต่างชาติ 2 คน ซึ่งอ้างว่าเป็นนายจ้างมาสัมภาษณ์งานด้วยตนเอง ทำให้หลงเชื่อ นำที่ดินไปจำนองกับธนาคารเป็นเงิน 100,000 บาท เพื่อเสียค่าใช้จ่ายให้บริษัทฯรวม 75,000 บาท โดยมีเพื่อนคนงานรวม 35 คน ถูกนัดให้มาขึ้นเครื่องบินเดินทางพร้อมกัน เมื่อวันที่ 5 ก.ค. และ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา นายสราวุธ กล่าวอีกว่า ก่อนถึงกำหนดนัด วันที่ 4 ก.ค. ตนและเพื่อนคนงานไม่สามารถติดต่อตัวแทนบริษัทฯ ได้ จึงตามไปที่บริษัทฯ และพบว่ามีการปิดบริษัทฯ หนีไปแล้ว จึงไปร้องเรียนที่จัดหางานจังหวัดนนทบุรี และแจ้งความที่ สภ.ลาดโตนด จ.นนทบุรี แต่จนถึงขณะนี้คดียังไม่มีความคืบหน้า ล่าสุดตำรวจเพียงออกหมายเรียก นางวิลาวรรณ จันทวงศ์ เสมียนบริษัทฯ มาสอบสวนเพียง 2 ครั้ง ซึ่งตนกลัวว่าจะมีเพื่อนคนงานหลงเชื่อ ตกเป็นเหยื่อเหมือนตนจำนวนมาก เพราะขณะไปสมัครงานที่บริษัทฯ พบไปรษณียบัตรลักษณะเดียวกับที่ตนเคยได้รับรอการส่งอีกนับหมื่นใบ ทั้งนี้ หลังการร้องเรียนที่กองตรวจฯ เจ้าหน้าที่ได้ทำการสอบสวน จนพบว่า นายเอกพล รัตนดำรงค์ ชื่อเดิมคือ นายอเนก เงินสุวรรณ อายุ 36 ปี เคยถูกพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ ออกหมายจับในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันจัดหางานให้คนหางานเพื่อไปทำงานยังต่างประเทศ ตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังเคยมีหมายจับจากการก่อคดีในลักษณะเดียวกันอีกหลายพื้นที่ เช่นพิษณุโลก เชียงใหม่ กระบี่ ชลบุรี และกรุงเทพฯ รวมเกือบ10 คดี (สำนักข่าวไทย, 1-8-2554) 12 ส.อุตฯ จ่อยื่น 3 ข้อ รบ.ใหม่ขึ้นค่าจ้าง 300 นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กลุ่มอุปนายกสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องเรือนไทย ในฐานะตัวแทน 12 สมาคมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า หากทางรัฐบาลมีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาท/วัน จะกระทบต่อภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะรายย่อย หรือ SME ทำให้อาจต้องมีการปิดกิจการกว่า 1,000 ราย หรือ กระทบแรงงานในระบบที่อาจจะต้องปลดออกกว่าร้อยละ 30 ของแรงงานทั้งหมด หรือ ประมาณ 3 แสนคน เพื่อความอยู่รอด อย่างไรก็ตามทางกลุ่มของสมาคมอุตสาหกรรม เตรียมยื่นหนังสือเรียกร้องไปยังรัฐบาลใหม่ ใน 3 ข้อ คือ 1. หากมีการปรับขึ้นค่าแรงอยากให้ทำแบบค่อยเป็นค่อยไป 2.การปรับขึ้นค่าแรงควรพิจารณาผ่านคณะกรรมการไตรภาคี และ 3.หากจะมีการปรับขึ้นค่าแรงรัฐบาลควรใช้มาตรการอื่นๆ แทน ในการช่วยเหลือแรงงาน แทนการปรับขึ้นค่าแรงในครั้งเดียว ด้านนายอารักษ์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า การปรับขึ้นค่าแรงดังกล่าวนั้น หากกระทำจริงจะกระทบต้นทุนของผู้ประกอบการกว่าร้อยละ 35-40 พร้อมมองว่าการใช้มาตรการในการลดภาษี คงไม่สามารถช่วยผู้ประกอบการได้ เนื่องจากการลดภาษีจะเป็นการให้ความช่วยเหลือในกิจการที่ได้ผลกำไรเท่านั้น (ไอเอ็นเอ็น, 2-8-2554) ก.แรงงานเปิดเว็บไซต์รวมงานวิจัยเผยแพร่องค์ความรู้ด้านแรงงาน โรงแรมเจ้าพระยาปาร์ค 2 ส.ค. - นพ.สมเกียรติ ฉายะศรีวงศ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดงานสัมมนาเครือข่ายวิจัยด้านแรงงานประจำปี 2554 โดยมีข้าราชการจากสำนักงานเศรษฐกิจการแรงงาน นักวิชาการ และนักวิจัยจากสถาบันต่าง ๆ เข้าร่วมว่า ปัจจุบันงานวิจัยนับว่ามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนและพัฒนาเศรษฐกิจและ สังคมของประเทศ ตั้งแต่ระดับนโยบายจนถึงระดับปฏิบัติการ แต่ที่ผ่านมาการเผยแพร่งานวิจัยมักอยู่ในวงจำกัด โดยเฉพาะงานวิจัยด้านแรงงานที่อยู่อย่างกระจัดกระจาย ทำให้สืบค้นได้ยาก ดังนั้น กระทรวงแรงงานจึงมอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจการแรงงานรวบรวมงานวิจัยและองค์ ความรู้ที่เกี่ยวข้อง โดยจัดทำระบบฐานข้อมูลงานวิจัยด้านแรงงานลงทางเว็บไซต์ www.mol.go.th หรือ http://research.mol.go.th เพื่อความสะดวกในการสืบค้นข้อมูล ล่าสุดมีการรวบรวมงานวิจัยที่เกี่ยวกับด้านแรงงานแล้วกว่า 2,000 เรื่อง และมีผู้สนใจคลิกเข้าชมแล้วกว่า 200,000 ครั้ง ขณะที่ในอนาคตกระทรวงฯ จะเน้นให้ทุนสนับสนุนงานวิจัยด้านแรงงานให้มากขึ้น เพื่อประโยชน์ในการนำองค์ความรู้มาตัดสินใจในนโยบายที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ ในงานสัมมนายังได้มีการเผยแพร่ตัวอย่างงานวิจัยด้านแรงงานที่เป็นประโยชน์ เช่น โครงการศึกษาเพื่อหารูปแบบการส่งเสริมการมีงานทำแก่ผู้สูงอายุในชนบท และโครงการศึกษากรอบความร่วมมือการพัฒนาศักยภาพกำลังแรงงานไทยใน 32 ตำแหน่งงาน ภายใต้ข้อตกลงอาเซียน (สำนักข่าวไทย, 2-8-2554) ธ.กสิกรไทยหนุนขึ้นค่าแรง 300 บาท นายสมเกียรติ ศิริชาติไชย รองกรรมการผู้จัดการ สายงานทรัพยากรบุคคล ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300บาทต่อวันและขึ้นเงินเดือนปริญญาตรีที่15,000บาท ของรัฐบาลชุดใหม่แม้จะกระทบกับต้นทุนผู้ประกอบการบ้าง แต่การปรับขึ้นค่าแรงครั้งนี้จะช่วยให้ฐานรายได้ของคนไทยสอดรับกับเงินเฟ้อ ที่เพิ่มขึ้นในรอบ10ปีที่ผ่านมา หากเพิ่มค่าแรงเป็น300บาทต่อวัน จะทำให้ฐานรายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ9.5. ซึ่งใกล้เคียงกับเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นร้อยละ10.9 อีกทั้งยังช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานภาคการเกษตรได้อีกด้วย แต่รัฐบาลควรปรับค่าแรงขั้นต่ำให้สอดคล้องตามพื้นที่แต่ละจังหวัด และปรับแบบค่อยเป็นค่อยไป รวมทั้งออกมาตรการภาษีเพิ่มเติมเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการด้วย ทั้งนี้หากปรับค่าแรงขั้นต่ำเป็น300บาทต่อวัน จะทำให้ค่าแรงขั้นต่ำรายจังหวัดเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ70 ซึ่งในส่วนของภาคอุตสาหกรรมสิ่งทอ,ประมง รองเท้าและเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งต้องใช้แรงงานจำนวนมาก จะได้รับผบกระทบมากที่สุด จึงต้องเร่งปรับตัวรับกับค่าแรงที่เพิ่มขึ้น ขณะที่นายปรีดี ดาวฉาย รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่าจากสถานการณ์การเมืองที่ชัดเจนขึ้นจากการเลือกตั้ง ส่งผลต่อความเชื่อมั่นภาคเอกชนให้มีการจับจ่ายเพิ่มขึ้น รวมทั้งภาคการส่งออกที่เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ ทำให้คาดว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจทั้งปี54จะอยู่ที่ร้อยละ3.5-4.5 เงินเฟ้อทั้งปีจะอยู่ที่ร้อยละ3.8-4.4 ขณะที่อัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในภาวะขาขึ้น โดยคาดว่าในช่วงที่เหลือของปีจะมีการปรับขึ้นอีก2ครั้ง ทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายเฉลี่ยทั้งปีจะอยู่ที่ร้อยละ3.5-3.75 (Voice TV, 2-8-2554) โคนม \วังน้ำเย็น\" ขึ้นค่าแรง 300 บ. เมื่อวันที่ 2 ส.ค. ที่สหกรณ์โคนมวังน้ำเย็น อ.วังสมบูรณ์ จ.สระแก้ว นายสุรชาติ คหินทพงษ์ ประธานกรรมการสหกรณ์โคนมวังน้ำเย็น ประกาศขึ้นค่าแรงให้กับพนักงานของสหกรณ์เป็น 300 บาท โดยมีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป การขึ้นค่าแรงในครั้งนี้ไม่มีผลกระทบอะไรกับสหกรณ์โคนมวังน้ำเย็น แต่จะเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้กับพนักงาน ซึ่งเป็นกำลังสำคัญของสหกรณ์และยังเป็นการสร้าง คุณภาพ สร้างรอยยิ้มให้กับผลิตภัณฑ์มากกว่า ซึ่งสหกรณ์โคนม วังน้ำเย็น ประกอบธุรกิจอย่างอื่นมากมาย เช่น รับซื้อน้ำนมดิบ ธุรกิจร้านค้าสวัสดิการ ธุรกิจรง.อาหารสัตว์ ธุรกิจโรงงานผลิต ผลิตภัณฑ์นม โรงสีข้าว และยังมีธุรกิจเกิดขึ้นใหม่ที่ทางสหกรณ์ จะดำเนินการเพิ่มได้แก่ ฟาร์มโคนม ซึ่งมีแม่โคนมรีด ประมาณ 500 แม่โค งบประมาณ 50 ล้านบาท เสร็จไปกว่า 40% ปั๊มน้ำมัน ปั๊มแก๊ส LPG ขนาด 24 หัวจ่าย งบประมาณ 50 ล้านบาท นายสุรชาติ กล่าวต่อว่า คณะกรรมการบริหารสหกรณ์โคนมพิจารณาขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำ 300 บาท รวมทั้งหมด 160 คน ซึ่งเดือนหนึ่งเราเพิ่มถึง 350

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net