ประชาไทบันเทิง: เมียแต่ง : วิชาการเป็นเมีย (ที่ดี) 101

<--break- />

เมียแต่ง : วิชาการเป็นเมีย (ที่ดี) 101

 

“ฮัลโหล...เย็นนี้ว่างหรือเปล่าเธอ ไปดริงก์กันม๊ะ โฟร์ซีซั่นนะ” เพื่อนสาวโทรมาชวนไปนั่งดริงก์นั่งเมาท์ตามประสา

“เอ่อ...เป็นวันพุธ พฤหัส หรือศุกร์ ได้มั๊ยเธอ” ดิฉันพยายามบ่ายเบี่ยง

“แล้วเย็นนี้ไม่ว่างเหรอ” เพื่อนสาวยังตื๊อไม่หยุด

“ไม่ว่างอ่ะ...ชั้นต้องดูเมียแต่ง!”

 

เมียแต่ง

เมียแต่ง

 

แม้จะไม่โด่งดังจนคนต้องโพสต์ข้อความคำพูดเด็ดๆ ขึ้นเฟซบุ๊กทุกค่ำคืนเหมือนเรื่อง ‘ดอกส้มสีทอง’ แต่ตอนนี้ก็คงไม่มีละครเรื่องไหนแรงเท่ากับเรื่อง ‘เมียแต่ง’ อีกแล้ว แหม...เรื่องผัวๆ เมียๆ เนี่ย ไม่ว่าจะเป็นเวอร์ชั่นไหน น้ำเน่า น้ำดี (ดีจนต้องมีพระออกมาเทศน์ให้ฟังว่าดีแค่ไหน) ขอให้มีพล็อตแย่งผัวแย่งเมียกันไว้ก่อน (หากมีฉากด่ากัน เชือดเฉือนกัน ตบกัน หรือพระเอกข่มขืนนางเอกจะมันส์ขึ้นอีกเป็นหลายเท่า) ยังไงก็ดัง

อย่างน้อยดิฉันก็ยอมปฏิเสธไวน์รสเลิศ ข่าวกอสซิปจากวงการไฮโซ เพื่อนั่งดูละครน้ำเน่าที่บ้าน

ในขณะที่ละครออกอากาศพอดีมีโอกาสได้เจอเบนซ์-พรชิตา ปลิงฉัตร เอ้ย! ปรุงฉัตร ในละคร จึงได้รู้ว่าไอ้ลิปสติกสีแดงอย่างกับกินไก่สดมาน่ะ เป็นใบสั่งของการสร้าง ‘คาแร็กเตอร์’ ตัวอิจฉาในละคร (มันจะสวยและดูดีกว่านี้ถ้าเธอทำผมดำ ไว้ทรงแบบมาดมัวแซล จับลอนเปียก หรือบ๊อบสั้น อะไรอย่างนี้ ไม่ใช่ตึ่งโป๊ะเป็นสก๊อย หรือหางเครื่องวงลูกทุ่งแบบนี้) วันนั้นเรายังคุยกันอยู่เลยว่าใช้ลิปสติกสีชมพูอมส้มที่กำลังฮิตกันทั่วบ้านทั่วเมืองดีกว่าไหม สวย เก๋ และอินเทรนด์ กว่าตั้งเยอะ แต่สุดท้ายปรุงฉัตรก็ต้องเป็น ‘ตัวอิจฉา’ ที่ต้องมีคาแร็กเตอร์เดิมๆ ที่ต้องแต่งหน้าจัดๆ (แม้ตอนตื่นนอน เข้าโรงพยาบาล หรือลงเล่นน้ำทะเล) ทำผมไฮไลต์ แต่งตัวเปรี้ยวจี๊ด แต่ดูไม่ไฮโซ เมื่อเปรียบเทียบกับ ‘นางเอก’ อย่างอรุณประไพ ก็จะเห็นได้ชัดว่าใครสวมบทบาทไหน ปิดเสียงยังรู้เลยว่าใครนางเอก ใครตัวอิจฉา ตรงนี้เองที่ทำให้ละครเรื่อง ‘ดอกส้มสีทอง’ โด่งดัง ถึงแม้จะยังคง ‘ขนบ’ เดิมๆ ของละครไทยไว้เช่นเคย แต่ก็มีพัฒนาการในการวางคาแร็กเตอร์ของตัวละคร ที่ไม่ได้จับเข้ากรงขัง การเป็นนางเอก ตัวอิจฉา อย่างเดิมๆ เรยาจึงสวยเช้ง ไม่ต้องสวยน่ากลัว สวยแต่งหน้าจัดๆ แต่งตัวเซ็กซี่ โป๊ๆ อย่างที่ตัวอิจฉา หรือตัวร้ายต้องเป็นมาตลอดในละครไทย

แม้พล็อตเรื่องจะไม่ต่างกัน คือแย่งผัวแย่งเมียกันเหมือนเดิม

แต่อย่างน้อย ละครเรื่องนี้ ก็ยังพัฒนาขึ้นอีกแง่หนึ่ง พระเอกยังทำงาน (อาจเป็นเพราะมีเรื่องราวที่เกี่ยวกับการแย่งชิงกันทางธุรกิจ) ตัวร้ายก็ทำงาน (บ้าง) แต่ที่เด็ดสุด คือนางเอกก็ ‘ทำงาน’ แถมไม่ใช่งานเก่าๆ แบบนางเอกสมัยก่อนด้วยนะคะ (เดาเอาว่า) เป็นถึง Food Stylist เสียด้วย เก๋เสียไม่มี ซึ่งตรงนี้นี่เอง เป็นอีกในรหัสหลักสูตรการสอน ‘การเป็นเมียที่ดี’ ที่ละครเรื่องนี้ พยายามติวเข้มให้คนดูอยู่ทุกตอน คาดว่าตอนเกิดอรุณประไพน่าจะคาบคัมภีร์สอนหญิง หลักสูตรเมียแต่งที่ดีมาด้วยแน่ๆ เลย

มาดูกันค่ะว่าหลักสูตรการเป็นเมีย (แต่ง) ที่ดี นั้นมีอะไรบ้าง

 

1. เมียที่ดีต้องอดทน

ละครเรื่องนี้ สื่อสารประเด็นนี้ได้ชัดเจนมากกก...และเป็นประเด็นที่อยู่ในเรื่องเล่า How To การเป็นเมียที่ดีที่พูดคุย

กันอยู่ในสังคมทั่วๆ ไป ทั้งในรายการเล่าข่าวแบบผู้ยิ้งงงง...ผู้หญิง หรือนิตยสารผู้หญิงทั่วไป รวมถึงบรรดา ‘ผู้หญิงตัวอย่าง’ ทั้งหลายที่ออกมาให้สัมภาษณ์ผ่านทั้งรายการโทรทัศน์ นิตยสาร หรือสื่อต่างๆ เกี่ยวกับการประสบความสำเร็จในการครองเรือน นั่นก็คือ ‘ความอดทน’ ความอดทนที่ว่านี้คือคือความอดทนต่อพฤติกรรมของสามี ไม่ว่าจะไปมีกิ๊ก มีเมียน้อย เมียใหม่ ทั้งจับได้ หรือยังจับไม่ได้ การเป็นเมียหลวงที่ดีนั้นต้องอดทน ไม่ใช่ชวนสามีทะเลาะบ้านแตก ด่าทอ ตบตี ตามสืบตามจับ ตามไปราวีไม่หยุดไม่หย่อน

เมียแต่งที่ดีต้องสงบเงียบ เอาความดีเข้าข่ม ไม่ตีโพยตีพาย ไม่ชวนทะเลาะตบตี ตัวอย่างที่เห็นในเรื่องคือการสร้างคู่ตรงข้ามให้เห็น คืออรุณประไพ (ชมพู่ อารยา) เมียแต่งที่อดทนกับการที่ผัวมีคู่นอนอีกคน คือปรุงฉัตร ไม่ตามราวี (แต่ปรุงฉัตรตามมาราวี เพราะถือว่าเธอมาก่อน) ไม่พูดมาก ไม่ตอบโต้ ไม่ชวนทะเลาะ ไม่ตีโพยตีพาย อยู่เงียบๆ และพิสูจน์ตัวเองในฐานะเมียแต่งว่าดีพอ ดีกว่าบรรดาคู่นอนนั้นแน่ๆ (‘ดี’ มีความหมายกินความถึงอะไรบ้าง เดี๋ยวมาว่ากันต่อ) ซึ่งการปฏิบัติตัวของอรุณประไพนั้นแตกต่างจากรุ่นพี่ที่ทำงานของเธอ ซึ่งแสดงโดยคุณปุ้ย-พิมลวรรณ พิธีกรรายการผู้หญิงถึงผู้หญิง ที่เป็นเมียหลวงที่น่าเบื่อตามแบบฉบับภาพเสนอในสังคม คือตามไปราวีสามีตลอด ออกรบกับบรรดาเด็กๆ ของสามีทุกเมื่อเท่าที่ทำได้ ไม่เคยไว้หน้าให้เกียรติสามี รวมถึงอีกหนึ่งตัวละครคือ ‘เบญ’ ที่ขึ้นชื่อว่าแย่งผู้ชาย คนรัก (เก่า) ของอรุณประไพกัน เธอก็เป็น ‘เมียแต่ง’ อีกคนที่ประพฤติตัวไม่ดี คอยชวนผัวทะเลาะ หึงหวงไม่มีที่สิ้นสุด น่าเบื่อน่ารำคาญที่สุด มีเมียอย่างนี้ผัวที่ไหนจะรัก

มีประโยคหนึ่งที่อรุณประไพพูดกับเพื่อนรุ่นพี่ของเธอที่เล่นเกมโปลิสจับขโมยกับสามีไม่หยุดไม่หย่อนว่า เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับ ‘ศักดิ์ศรี’ แต่มันคือการ ‘ให้อภัย’ การเป็นสามี-ภรรยา (นางเอกจะไม่ใช้คำว่า ‘ผัวเมีย’ เด็กขาด มันหยาบคาย!) จะมีอะไรยิ่งใหญ่ไปกว่าการให้อภัยกันและกัน แน่นอน...คำว่า ‘ให้อภัย’ ของเธอรวมถึงการที่สามีไปมีผู้หญิงอื่น เพราะเมียที่ดีต้องแยกให้ออกว่าผู้หญิงประเภทไหนคือเมีย ประเภทไหนคือคู่นอน (อันนี้ในละครเขาพูดอยู่ในไดอะล็อกเลยนะ) ซึ่งในละครก็นำเสนอว่า ก็เมียแต่งทำตัวแบบนี้นี่แหละ (แบบคุณปุ้ย พิมลวรณ และตัวละครที่ชื่อเบญ) สามีถึงทนไม่ได้ ไปหาเศษหาเลยนอกบ้าน) มันสมเหตุสมผลจะตาย เพราะฉะนั้นการจะเป็นเมียที่ดี ต้องอดทน!

 

2. เมียที่ดีต้องมีอารมณ์ทางเพศกับสามีและไม่ขัดขืน

คุณคงไคย (ผู้ชายอะไร ชื่อประหลาด เคยได้ยินแต่ ‘คงควย’ เอ้ย! คงคย อย่างวงร็อกคงคย เพลงลูกทุ่งกลิ่นเขมรที่

เคยดังเป็นเทรนด์อยู่สักพักในวงการลูกทุ่ง) ตั้งฉายาให้เมียแต่งตัวเองว่า ‘ยัยผีดิบ’ ซึ่งมีความหมายสื่อตรงไปว่า ‘ไม่มีอารมณ์ ความรู้สึก’ ซึ่งมีนัยส่อไปอีกถึง ‘ความรู้สึกทางเพศ’ นี่ดิฉันไมได้พูดเอง คิดเองนะคะ แต่จากการที่นั่งดูทุกตอนไม่เคยขาด เวลาเข้าพระเข้านางทีไร (อย่างเช่นพระเอกดึงนางเอกเข้ามากอด จะหอม จะจูบ) แล้วนางเอกไม่ขัดขืน แต่ทำตัวทำหน้าเฉยๆ พระเอกก็จะแหย่ว่า ‘คุณรู้สึกอยากจะมีอะไรกับผมแล้วใช่ไหม” แต่พอนางเอกก็ยังเฉยอยู่ แลวผละหนีไปได้ พระเอกก็จะบ่นลับหลังว่า ‘ยัยผีดิบเอ้ย’ เป็นนัยว่า ผู้หญิงอะไรวะ มาอยู่ในอ้อมกอดผู้ชายหล่อล่ำ หน้าตาดีขนาดนี้ ยังไม่รู้สึกอะไร ไม่มีอารมณ์ทางเพศเลย

และพระเอกเรื่องนี้ก็แตกต่างจากพระเอกละครอีกหลายเรื่องที่ชอบใช้กำลังบังคับข่มขืน ซึ่งคาดว่าตรงนี้เอง เป็น ‘กุญแจ’ ที่จะบอกไปยังผู้หญิงว่า ‘จงมีอารมณ์ทางเพศกับสามี’ เพราะในฉากเข้าพระเข้านางหลายฉากที่หวุดหวิดจะปล้ำกันแล้ว พระเอกก็ไม่ได้ข่มขืนนางเอกอย่างในเรื่องอื่นๆ แต่รอให้นางเอก ‘มีอารมณ์’ ร่วมด้วย (อย่างในไดอะล้อกที่กล่าวไป) จนมาถึงวันที่ ‘ได้กัน’ เป็นครั้งแรก ดิฉันก็นั่งลุ้นมาตั้งแต่สัปดาห์ก่อน เพราะมีช่วงพรีวิวสั้นๆ ให้ดูว่าสัปดาห์หน้าได้กันแน่ ในหัวก็จินตนาการไปว่า มันต้องเป็นไปตามพล็อตเดิมๆ แน่ๆ อย่างทะเลาะกันขั้นรุนแรง แล้วพระเอกก็ถือโอกาใช้กำลังรวบรัดตัดความปล้ำนางเอกเสียเลย (ซึ่งเรื่องอื่น พระเอกก็จะได้รู้ว่านางเอกยัง ‘จิ้น’ อยู่ และนางเอกก็จะร้องไห้ เกลียดพระเอกมากๆ ด้วย) แต่การณ์กลับกลายเป็นว่า ‘สมยอม’ กันเสียอย่างนั้น เซ็ง! เลยค่ะ

ซึ่งพอกลับมานั่งคิดดีๆ ก็จะเห็นว่านี่เป็นอีกหนึ่งคำสอนในวิชาการเป็นเมียแต่งที่ดี นอกจากจะต้องมีอารมณ์ทางเพศ กับสามี ไม่ใช่ทำตัวเป็นผีดิบไร้อารมณ์แล้ว ยังจะต้องไม่ดีดดิ้นขัดขืนด้วย (ทำได้แต่พองาม) เมียแต่งคนอื่นๆ จงดูไว้ว่า สาเหตุที่ผัวไปเมียอะไรกับผู้หญิงคนอื่นนั้น เป็นเพราะภรรยาไม่มีอารมณ์ทางเพศกับสามีหรือเปล่า ไม่สามารถตอบสนองความต้องการทางเพศของสามีหรือเปล่า และพอสามีมีความต้องการทางเพศ ภรรยาขัดขืน ไม่ยอมหรือเปล่า ซึ่งทั้งหมดนั้นเป็นพฤติกรรมที่ไม่ดีนะจ้ะ ถือเป็นเมียแต่งที่ใช้ไม่ได้ อย่าทำตัวเป็นผีดิบ เพราะแม้แต่แวมไพร์อย่างเอ็ดเวิร์ด คัลเลน ใน Twilight ยังอยากมีเมียเป็นมนุษย์อย่างสาวเบลล่า สวอน เลย

 

3. เมียที่ดีต้องมีเสน่ห์ปลายจวัก งานบ้านอย่าให้ขาดตกบกพร่อง

อันนี้ขอสารภาพว่า ‘งง’ มากค่ะ ไม่นึกว่าคำสอนแต่โบร่ำโบราณจะยังตกทอดและมีมนตร์ขลังศักดิ์สิทธิ์มายังผู้หญิง

สมัยใหม่ที่ทำงานนอกบ้าน ไม่มีเวลาไปจ่ายตลาด และมีร้านอาหารอร่อยๆ นอกบ้านเพียบ (และมีเงินไปแฮงเอาต์นอกบ้านได้ด้วย) แต่ก็ลืมไปว่านางเอกมีคนใช้ ไม่ต้องไปจ่ายตลาดเอง อาจไม่ต้องล้างผัก เด็ดผักเอง ให้คนใช้ทำทุกอย่างเตรียมไว้ ที่เหลือก็แค่ไปปรุงให้ออกมาเป็นอาหาร แต่ถึงอย่างไรมันก็ต้องใช้ ‘ปลายจวัก’ อยู่ดี ละครเรื่องนี้วางคาแร็กเตอร์ให้นางเอกเชี่ยวชาญในด้านอาหารและโภชนาการ แม้จะไม่ได้สื่อโดยตรงว่ารสมือของเธอทำให้ผัวยอมสงบ ผัวรักผัวหลง แต่ในฉากหนึ่งก็แสดงให้เห็นว่าหน้าที่ของภรรยาที่ดีคือต้องมีรสมือเป็นอาวุธ ทั้งตอนที่คงไคยไม่สบาย กินอาหารที่อรุณประไพทำมาจนหมด หรือตอนที่ไปหามิสเตอร์ทานากะเพื่อติดต่อทางธุรกิจ อรุณประไพก็โชว์ฝีมือทำน้ำพริกปลาทู จนมิสเตอร์ทานากะต้องชมและพูดกับคงไคยว่าภรรยาที่เพียบพร้อมขนาดนี้ ถือเป็นภรรยาที่ดี หาไม่ได้ง่ายๆ

นอกจากจะมีรสมือไว้เป็นอาวุธแล้ว เมียแต่งที่ดียังต้องทำงานบ้านไม่ให้ขาดตกบกพร่องด้วย ในหลายๆ ฉากแสดงให้เห็นว่าอรุณประไพนั้นเอาใจใส่ในการดูแลสามีเป็นอย่างดี คอยเก็บเสื้อผ้าในห้องนอน ทั้งผ้าเช็ดตัว ชุดนอน เสื้อผ้า ไม่เพียงแค่นั้นเธอยังทำหน้าที่เป็นลูกสะใภ้ที่ดี ทำอาหารเองให้คนในครอบครัวรับประทานทุกเช้า ดูแลแม่สามียามที่ท่านป่วย เรียกได้ว่าทั้งผัว แม่ผัว ญาติผัว คนในบ้านทุกคน เมียแต่งที่ดีต้องดูแลให้ไม่ขาดตกบกพร่อง

 

4. เมียที่ดีต้อง ‘ทำงาน’ และช่วยเหลือสามีในเรื่องงานได้ด้วย

ข้อนี้เป็นอะไรที่เพิ่มเข้ามาใหม่หลังการปรับปรุงหลักสูตร ให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน จะปล่อยให้ผัวไปทำงานนอก

บ้านเลี้ยงครอบครัวคนเดียวไม่ได้ เป็นผู้หญิงสมัยใหม่ เป็นเมียแต่งสมัยใหม่จะต้องทำงานช่วยเหลือจุนเจือสามีและครอบครัว อย่างอรุณประไพเอง นอกจากเธอจะมีงานทำเป็นของตัวเองแล้ว เธอยังเป็นผู้ที่ช่วยให้กิจการสามีอยู่รอดปลอดภัยอีกด้วย เธอแก้ปัญหาให้ได้หลายครั้ง ทั้งการไปออกงาน แล้วสวยจนแขกต่างชาติประทับใจ ทั้งช่วยจัดแจงเรื่องงานเลี้ยง อาหาร จนคู่ค้าที่เป็นต่างชาติประทับใจ ทั้งเรื่องการพาไปเจราจาคู่ค้างธุรกิจกับมิสเตอร์ทานากะ ที่บังเอิ้น...บังเอิญเป็นสามีของเพื่อนรุ่นพี่ของเธอ จนมาถึงการเข้ามาช่วยงานในตำแหน่ง ‘ผู้ช่วยด้านวัฒนธรรม’ ของบริษัทอีกด้วย (สังเกตว่าเมียที่ดีนั้น ต้องเป็นแค่ ‘ตัวช่วย’ อย่ามาเก่ง หรือเด่นเกินสามี เป็นอันขาด และก็อย่าเก่งมากจนถึงขั้นนั่งบริหาร ดูการตลาด ติดต่อกับต่างประเทศ มาทำอะไรนิดๆ หน่อยๆ อย่างเรื่อง ‘วัฒนธรรม’ ก็พอ) แม้จะต้องดูแลเรื่องอาหารการกิน ดูแลเรื่องในบ้าน ดูแลแม่สามีที่ป่วย และต้องทำงานประจำของตัวเองอีกต่างหาก ด้วยความเป็นเมียที่ดีแล้ว ต้องแบ่งเวลามาช่วยกิจการของผัวด้วย

 

5. เมียที่ดีต้องไม่แรดไปกับผู้ชายอื่น

อันนี้เป็นคุณสมบัติหลักก็ว่าได้ จะเห็นได้ว่าในละคร แม้คงไคยจะขึ้นเตียงกับปรุงฉัตรอย่างโจ๋งครึ่ม ไม่ต้องวิ่งตามไป

สืบ ไปจับ ไปราวีอรุณประไพก็เห็นจะๆ อีกทั้งอรุณประไพก็มีผู้ชายมาชอบถึง 2 คน คนหนึ่งเป็นอดีตคนรักที่ไปทำผู้หญิง (ซึ่งก็คือน้องของเธอ) ท้อง เธอจึงต้องปลีกตัวออกมาให้แฟนหนุ่มของเธอตัดสินใจในสิ่งที่ถูกต้องรับผิดชอบโดยการแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้น แต่เขาก็ยังตามเทียวไล้เทียวขื่อเธออยู่ (ถ้าเป็นสุวรรณี สุคนธา หรือ ร.จันทะพิมพะ คงได้พล็อตเรื่องเป็นอีกเรื่องประมาณว่าอรุณประไพคงหนีไปกับแฟนเก่าแน่ๆ) อีกคนคือเพื่อนที่ทำงานด้วยกัน ที่ออกตัวว่ารักและห่วงใยและรอวันที่เธอจะเปลี่ยนใจมาเห็นใจเขาบ้าง แต่แม้ผัวจะไปนอนกับผู้หญิงอื่นตำตาอย่างไร แม้ผัวจะไม่นอนกับเราอย่างไร เราจะมีอารมณ์ทางเพศอย่างไร และมีผู้ชายที่พร้อมเสนอตัว เสนอใจมาให้เรามากมายอย่างไร เมียแต่งที่ดีก็ต้องประพฤติตนอยู่ในกรอบของศีลธรรม (แม้ผัวจะอยู่อีกคนละกรอบ) ไม่ประพฤติตัวเป็นนางกากี หญิงมากผัว แต่งงานกับใคร แม้ผัวไม่รัก ผัวไม่นอนด้วยก็ใช่ว่าจะไปนอนกับคนอื่นได้ ไม่เช่นนั้นเขาจะหาว่า ‘มีชู้’ แต่ผัวไปนอนกับผู้หญิงอื่นได้ เพราผู้หญิงอื่นนั้นถือเป็นแค่ ‘คู่นอน’ ไม่ได้สลักสำคัญเท่ากับเมียแต่ง

ละครเรื่องนี้น่าจะเป็นความภาคภูมิใจของกระทรวงวัฒนธรรมและเจ้เบียบ-ระเบียบรัตน์เป็นแน่ ส่วนใครที่หาว่าทำไมดิฉันไม่มองในแง่มุมของผู้ชายบ้าง ว่าละครเรื่องนี้ก็เป็นการ ‘สอน’ ผู้ชายในฐานะที่เป็น ‘สามี’ เหมือนกันว่าให้กลับมาเป็น ‘สามีที่ดี’ รักเดียวใจเดียว ให้เข้าใจว่าผู้หญิงแบบไหนที่เหมาะจะเป็นเมียแต่งที่มายืนอยู่เคียงข้างในทุกขณะของชีวิต ผู้หญิงแบบไหนที่เป็นได้เพียงคู่นอน และผู้หญิงแบบไหนที่ควรจะยกย่อง ใช่ค่ะ...ในเรื่องราวของละครก็ ‘สอน’ ผู้ชายในประเด็นดังกล่าว แต่ในการสอนนั้น ใช้บทเรียนของผู้หญิงคนหนึ่งเป็นตัวพิสูจน์ ที่ต้องประพฤติตัวตามหลักสูตรเมียแต่งที่ดีให้ครบทุกข้อ เพื่อที่จะให้สามีหันหลับมามอง มารัก มามีเซ็กซ์ด้วย มาอยู่เดียว รักเดียวใจเดียว (ชั่วคราวหรือถาวร ?)

หากเราจะพูดอย่างแกนๆ โดยไม่มองเรื่องอารมณ์ความรู้สึก ความเป็นผัวเป็นเมีย เป็นเฟมินิสต์สุดแข็งกร้าว ก็จะเห็นได้ว่ามันช่างเป็นละครที่กดขี่ผู้หญิงภายใต้วาทกรรม ‘เมียที่ดี’ เสียยิ่งกระไร ผัว (คงไคย) ไปนอนกับคนอื่น ไม่นอนกับเรา เราก็ไปนอนกับคนอื่นได้ไหม ฉัน (อรุณประไพ) ก็มีอารมณ์ทางเพศเหมือนกันนี่ ทำไมฉันจะต้องอดทนในพฤติกรรมที่ ‘ทำร้ายจิตใจ’ กันภายใต้คำว่า ‘ให้อภัย’ ด้วยล่ะ แล้วถ้าฉันไม่อยาก ‘ให้อภัย’ แล้วเลือกศักดิ์ศรี จะดูเป็นผู้หญิง หรือเมียที่ไม่ดี ไม่อดทนไหม (อดทนแล้วมันจะได้ ‘ดี’ ตอบแทนในอนาคตจริงไหม) ทำไมฉันจะต้องเหนื่อยทำทั้งงานบ้าน งานตัวเอง งานผัว ทำทุกอย่างทุกหน้าที่ นอกบ้านในบ้านเพื่อที่จะเป็นเมียที่ดี เพรียบพร้อม ด้วยล่ะ เลือกสักอย่างได้ไหม จะ ‘ดี’ น้อยลงไหม หรือต้องโหมทุกอย่างให้สมบูรณ์ให้เพอร์เฟ็กต์ เนี้ยบไม่มีที่ติ (หลอกใช้กันหรือเปล่าวะเนี่ย)

 

ทำไมและทำไม...

แต่ในความเป็นจริงเราตอบไม่ได้หรอก ต้องให้ผัวและเมียเขาถามและตอบกันเอาเอง สถาบันครอบครัว มันคงไม่ได้เลวร้ายไปเสียหมด ไม่ใช่นั้นคนอยากจะแต่งงานกันไปทำไม (ถึงแม้จะแต่งแล้วหย่าก็ตามเหอะ) เพียงแต่ว่าในกระบวนการการถาม (ตัวเอง) และหาคำตอบนั้น อย่าแบกคำว่าเมียแต่งที่ดีไว้เพื่อรอคำตอบที่เลื่อนลอย เพื่อเจ็บปวดจากการโดนผัวซ้อม เพื่อทำงานหนักโดนที่ผัวไม่ได้เหลียวแล จงชั่งใจให้หนักเอาเองว่า ภายใต้ความเจ็บปวดที่ได้รับ ไม่ว่าทางจิตใจหรือร่างกายนั้นคุ้มกับการขึ้นชื่อว่าได้เป็นเมียแต่งที่ดีหรือเปล่า และจงกล้าที่จะตัดสินใจที่จะอยากจะเลิกเป็นเมียแต่งที่ดี หากมันเกินจะทน อย่าไปยึดติดกับวาทกรรมการเป็นเมียที่ดีโดยไม่ดูผัวว่ามันดีหรือเปล่า...ก็แค่นั้นเอง อย่าทำตัวเป็นอรุณประไพ หากผลลัพธ์ที่ได้นั้นไม่เท่ากับที่เธอได้รับ ผัวสุดหล่อ หุ่นล่ำเซี๊ยะ มีธุรกิจของตัวเอง เป็นถึงประธานกรรมการบริษัทร่ำรวย แถมเม่ผัวก็มีมรดกมากมายที่รอวันตายแล้วคงยกให้ (เห็นไหม...ดิฉันไม่ได้ว่าอรุณประไพสักแอะ เพราะถ้าฉันเป็นอรุณประไพก็คาดว่าคงคาบหลักสูตรเดียวกัน)

ถ้าได้อย่างที่อรุณประไพได้...ก็จงท่องหลักสูตรการเป็นเมียแต่งที่ดีต่อไป แต่ถ้าได้ไม่เท่า ก็บวกลบคูณหารในใจแล้วค่อยตัดสินใจอีกที

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท