Skip to main content
sharethis

 

มติชนออนไลน์รายงานว่า วันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม 2554 เวลา 1๐.๐๐ น. ศาลปกครองกลาง ได้อ่านคำพิพากษาคดี ในคดีหมายเลขดำที่ 11๗3/2554 ระหว่าง นายสุรนันท์ วงศ์วิทยกำจร (ผู้ฟ้องคดี) กับ คณะกรรมการสรรหากรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ที่ 1 กับพวกรวม 2 คน (ผู้ถูกฟ้องคดี) เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย (กรณีขอให้ส่งรายชื่อผู้ฟ้องคดีเข้ารับการสรรหาเป็นคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ)

คำพิพากษาระบุว่า คดีนี้ผู้ฟ้องคดี (นายสุรนันท์ วงศ์วิทยกำจร) ฟ้องว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 (กรรมการสรรหา กสทช.) และผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 (เลขาธิการวุฒิสภา) ดำเนินการคัดเลือก ผู้สมควรได้รับเลือกเป็น กสทช. ด้านเศรษฐศาสตร์ โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเป็นเหตุให้มติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ที่ได้มีมติให้มีการลงคะแนนใหม่เพื่อทำการคัดเลือกผู้สมควรได้รับเลือกเป็น กสทช. ด้านเศรษฐศาสตร์ แทนนายอรรถชัย บุรกรรมโกวิท ซึ่งเป็นผู้ได้รับคัดเลือก

แต่ต่อมาได้ถูกเพิกถอนเนื่องจากเป็นผู้ขาดคุณสมบัติ โดยไม่ได้เลื่อนผู้ฟ้องคดีที่ได้รับคะแนน ในครั้งแรกในลำดับที่ 5 ขึ้นมาแทน และผู้ร้องสอด (นายยุทธ์ ชัยประวิตร) เป็นผู้ได้คัดเลือก โดยไม่มีกฎหมายและระเบียบให้อำนาจกระทำได้ จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2554 ว่า การที่ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ได้ให้ผู้สมัครยื่นใบสมัครเข้ารับการคัดเลือกมากกว่าหนึ่งด้านไม่มีกฎหมายระเบียบจำกัดสิทธิให้สมัครเพียงด้านเดียว และในขณะที่นายอรรถชัยสมัครเข้ารับการคัดเลือกได้ลาออกจากการเป็นกรรมการบริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) ประธานของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 (นายจตุรงค์ ปัญญาดิลก) ซึ่งเป็นกรรมการบริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) จึงยังไม่มีความสัมพันธ์กับนายอรรถชัยในขณะนั้น ส่วนการแสดงวิสัยทัศน์ด้วยวาจา เป็นส่วนหนึ่งของเอกสารแสดงวิสัยทัศน์ การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 มีมติไม่ให้มีการซักถามผู้แสดงวิสัยทัศน์กับผู้สมัครทุกคน โดยเท่าเทียมกันจึงไม่ได้เป็นเหตุให้กระบวนการสรรหาเสียไป

ส่วนการที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 มีมติให้ทำลายบัตรลงคะแนน แม้ธรรมเนียมในทางปฏิบัติจะต้องเก็บบัตรลงคะแนนเพื่อใช้ในการตรวจสอบในกรณีมีผู้ร้องคัดค้าน แต่ในกรณีนี้ผู้ฟ้องคดีมิได้คัดค้านว่าการลงคะแนนไม่ชอบกับยอมรับผลการลงคะแนนดังกล่าวว่าผู้ฟ้องคดี ได้คะแนนเป็นลำดับที่ 5 จึงไม่เป็นเหตุให้กระบวนการสรรหาเสียไปเช่นเดียวกัน และแม้ข้อเท็จจริงจะปรากฏว่าวันที่ 22 เมษายน 2554 นายอรรถชัยได้รับเลือกให้เป็นกรรมการบริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) ก่อนที่จะมีการลงคะแนนคัดเลือกในครั้งแรกเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2554 ซึ่งประธานของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ที่เป็นกรรมการบริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) เช่นเดียวกับนายอรรถชัยและทราบอยู่แล้วในขณะนั้นว่านายอรรถชัยเป็นผู้ขาดคุณสมบัติ แต่ก็ให้มีการลงคะแนนในวันที่ 25 เมษายน 2554 จนมีผู้ได้รับการคัดเลือกครบ 4 คน โดยหนึ่งในสี่ของผู้ได้รับเลือกมีนายอรรถชัยรวมอยู่ด้วย

กรณีจึงถือได้ว่านายจตุรงค์ประธานของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 มีสภาพร้ายแรงทำให้การพิจารณาทางปกครองไม่เป็นกลางตามมาตรา 16 แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 แต่ในภายหลังได้มีการดำเนินการแก้ไขความบกพร่องในเรื่องคุณสมบัติของนายอรรถชัยและเหตุที่มีสภาพร้ายแรงอันทำให้การพิจารณาทางปกครองไม่เป็นกลางของนายจตุรงค์ประธานของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 แล้วโดยได้เพิกถอนสิทธิของนายอรรถชัย และถือว่าในวันนั้น (25 เมษายน 2554) ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 มีมติเลือกผู้สมควรได้รับเลือกเป็น กสทช. ด้านเศรษฐศาสตร์ เพียง 3 คน เมื่อมีผู้ได้รับคัดเลือกเพียง 3 คน ไม่ครบจำนวน 4 คน ตามที่กฎหมายกำหนด

และเมื่อระเบียบของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ไม่ได้กำหนดวิธีการคัดเลือกในกรณีนี้ไว้ จึงเป็นปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ซึ่งข้อ 13 ของระเบียบดังกล่าวกำหนดให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 เป็นผู้วินิจฉัย และเมื่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ได้วินิจฉัยโดยมีมติเป็นเอกฉันท์ให้มีการลงคะแนนใหม่ จึงเป็นการใช้อำนาจตามข้อ 13 ของระเบียบผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ที่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ และระเบียบของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ที่มีวัตถุประสงค์ชัดเจนที่จะให้ผู้ได้รับคัดเลือกเป็น กสทช. มาจากการลงคะแนนของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 แล้ว และเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2554 มีผู้ได้รับการคัดเลือก และผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ให้การรับรองว่าเป็นผู้มีคุณสมบัติเพียง 3 คน โดยผู้ฟ้องคดีไม่ได้รับการเลือก จึงยังไม่อาจถือได้ว่าผู้ฟ้องคดีเป็นผู้มีคุณสมบัติที่เลื่อนผู้ฟ้องคดีขึ้นไปแทนนายอรรถชัยได้

และเมื่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ได้ทำการลงคะแนนใหม่ปรากฏว่า ผู้ร้องสอดเป็นผู้ได้รับคะแนนสูงสุด ผู้ร้องสอดจึงเป็นผู้ได้รับการคัดเลือกและเป็นผู้ที่ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 รับรองคุณสมบัติแล้ว มติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ที่เลือกผู้ร้องสอดเป็นผู้ที่ได้รับคัดเลือกเป็นผู้สมควรได้รับเลือกเป็น กสทช. ด้านเศรษฐศาสตร์ แทนนายอรรถชัย จึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว ศาลจึงมีคำพิพากษายกฟ้อง

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net