Skip to main content
sharethis

วันที่ 25 ส.ค. 54 ศาลแขวงดุสิตนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินเมื่อเดือนพฤษภาคม 2553 รวม 6 คดี มีจำเลยทั้งสิ้น 7 คน แต่มีจำเลยมาศาลเพียง 4 คน ศาลจึงอ่านคำพิพากษาเฉพาะคดีที่มีจำเลยมาเท่านั้น ทั้งนี้ จำเลยทั้ง 7 คน ถูกจับในวันที่ 19-20 พ.ค.53 อัยการส่งฟ้องวันที่ 21 พ.ค. 53 ทุกคนรับสารภาพ ศาลชั้นต้นจึงอ่านคำพิพากษาในวันเดียวกันนั้นเลย โดยลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 ปี ยกเว้นกรณีของนายชุมพล อรัญหล้า อาสาทหารพราน ซึ่งถูกจับพร้อมมีดปลายแหลมและสนับมือ จึงได้ลดโทษ 1 ใน 4 คงจำคุก 1 ปี 6 เดือน โดยคำพิพากษาว่าเนื่องจากในขณะนั้น บ้านเมืองอยู่ในภาวะที่ไม่ปกติ ซึ่งจำเลยย่อมทราบ แต่กลับกระทำการอันเป็นส่วนหนึ่งที่ก่อให้เกิดความไม่สงบสุข จึงไม่มีเหตุสมควรรอการลงโทษ ต่อมาจำเลยทั้งหมดได้ยื่นอุทธรณ์และประกันตัวออกไป สำหรับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์นั้น ในคดีของนายวิเชียร การุณชาติ พิพากษาให้จำคุก 2 เดือน ปรับ 1,000 บาท โทษจำคุกรอลงอาญาเป็นเวลา 1 ปี คดีของนายดลวิทย์ เกิดโสรส เป็นจำเลยที่ 1 และนายจรัส เรือนไพศาล เป็นจำเลยที่ 2 ศาลอุทธรณ์ให้จำคุก 1 ปี ปรับ 1,000 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี คดีของอาสาทหารพราน ชุมพล อรัญหล้า ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำคุก 2 เดือน โทษจำคุกให้กักขัง 2 เดือน แทน นายชุมพลจึงยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวในระหว่างการยื่นฎีกา และศาลอนุญาตให้ประกันโดยเพิ่มวงเงินประกันจาก 40,000 บาท ในชั้นอุทธรณ์ เป็น 48,000 บาท โดยสำนักกฎหมายราษฎรประสงค์ได้นำเงินสด 8,000 บาท ไปวางตามที่ศาลสั่งเพิ่มมา ส่วนจำเลยที่เหลืออีก 3 ราย ไม่มาศาล จึงไม่มีการอ่านคำพิพากษาอุทธรณ์ ทั้งนี้ โทษกักขังหมายถึงการส่งไปควบคุมตัวในสถานกักขังที่รัฐจัดไว้ซึ่งไม่ใช่เรือนจำ และการยื่นฎีกาหากผู้พิพากษาไม่ลงนามรับรองข้อเท็จจริง คดีจะถือเป็นเด็ดขาดและจะถูกกักขังทันที

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net