Skip to main content
sharethis

ทีวีไทยชี้แจงรัฐสภา “เทพไท เสนพงศ์” แนะทีวีไทยสัมภาษณ์ “ทักษิณ” ต้องอำพรางหน้าด้วยเพราะเป็นนักโทษ จวกไปสัมภาษณ์คนหนีคดีได้อย่างไร ถ้านักโทษคนอื่นอยากใช้สื่อบ้างจะได้หรือไม่ “เทพชัย หย่อง” แจงเหตุสัมภาษณ์เพราะ “ทักษิณ” ทรงอิทธิพลสุดทำให้เพื่อไทยชนะเลือกตั้งและไม่อยากสัมภาษณ์ “หุ่นกระบอก” ชี้กรณีนี้ไม่ต่างจากที่บีบีซีไปสัมภาษณ์ไออาร์เอ หรือลูกน้องบินลาเดน เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ รายงานว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรช่วง 17.00 น. วานนี้ (8 ส.ค.) ที่มีนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ทำหน้าที่ประธานการประชุม มีการรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานประจำปี2553 องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ทีวีไทย) ซึ่งการอภิปรายของสมาชิกได้แสดงความเห็นต่อบทบาทและการดำเนินการของสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส อย่างกว้างขวางต่อการแสดงบทบาทการทำหน้าที่ของสื่อสารมวลชน อาทิ ประเด็นการสัมภาษณ์พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในช่วงที่มีการรายงานผลการเลือกตั้ง 2554 การไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 53 ที่ยังคงมีการเสนอข่าวสถานการณ์ โดยไม่ทำตามคำสั่งของ ศอฉ. ที่ให้ออกอากาศเพลงแสดงความรักชาติและคำสั่งที่ให้ระงับการเผยแพร่ข่าว ชวนแนะใช้ชื่อรายการเป็นภาษาไทย นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้อภิปรายให้กำลังใจการทำงานของทีวีไทย โดยถือว่าทีวีไทยเป็นองค์สื่อที่มีรายได้จากรัฐ ไม่ต้องพึ่งเอกชนถือเป็นส่วนที่สถาบันแห่งนี้จะเป็นความภาคภูมิใจ โดยนายชวนกล่าวว่าเคยเสนอคณะกรรมการบริหารให้สถาบันแห่งนี้เป็นที่ภาคภูมิใจของคนไทยด้วย การใช้ชื่อเป็นภาษาไทย จึงหวังว่าคณะกรรมการบริหารจะพิจารณาเรื่องนี้อีกครั้ง นอกจากชื่อสถานีเป็นภาษาไทยควรให้ชื่อรายการเป็นภาษาไทยด้วย “เทพไท” แนะสัมภาษณ์ “ทักษิณ” ต้องอำพรางหน้าตา ด้านนายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เป็นไปได้อย่างไรที่ผู้บริหารสถานีจะอนุมัติให้นักข่าวไปดูไบ เพื่อสัมภาษณ์นักโทษหนีคดี แล้วถ้านักโทษหนีคดีคนอื่น อยากใช้สื่อสาธารณะเหมือนนักโทษหนีคดีที่ดูไบคนนี้จะได้หรือไม่ เพราะนักโทษคนอื่นออกทีวีต้องพรางให้หน้าเบลอ แต่นักโทษที่ดูไบให้สัมภาษณ์ผ่านรายการตอบโจทย์ไม่มีการอำพรางหน้าตา ทั้งที่หน้านักโทษคนนั้นไม่ต่างอะไรกับเขียงหมู ดังนั้น การไปสัมภาษณ์ครั้งนี้ต้องได้รับการอนุมัติงบจากผู้บริหารสถานีแน่นอน วันนี้การเมืองมีสงครามสื่อค่อนข้างรุนแรง ไม่ว่าสื่อแท้หรือเทียมล้วนเป็นอาวุธที่สำคัญทางการเมืองอย่างยิ่ง “เทพชัย หย่อง” แจงมีฝ่ายการเมืองเคลื่อนไหวคว่ำ “ทีวีไทย” หลังจากที่มีผู้อภิปรายคนอื่นๆ แล้วเสร็จ นายเทพชัย หย่อง ผู้อำนวยการองค์การแพร่ภาพและกระจายเสียงสาธารณะ ชี้แจงว่า ขณะนี้มีนักการเมืองบางกลุ่มเคลื่อนไหวให้ออกกฎหมายกเลิกไทยพีบีเอส โดยให้เห็นผลว่าประชาชนบางส่วนไม่ค่อยพอใจการทำงาน สถานีเห็นว่าประเทศที่เป็นประชาธิปไตยควรมีสื่อที่เป็นอิสระ กล้าเปิดโปงทุกกลุ่มในสังคม โดยไม่มีใครสามารถเข้ามาครอบงำได้ สื่อที่เป็นอิสระเป็นหัวใจของประชาธิปไตย ไทยพีบีเอสมีกลไกและหลักประกันในการตรวจสอบตัวเองได้ ไม่ให้คนในองค์กรเอาองค์กรไปแสวงหากำไรได้ เลิกฝันเสียทีว่าสักวันหนึ่งจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม สังคมยอมรับองค์กรนี้ว่าเป็นสื่อสาธารณะไปแล้ว จากเวทีที่จัดกับภาคประชาชน ประชาชนส่วนหนึ่งได้รู้สึกไปแล้วว่าไทยพีบีเอสเป็นสื่อของเขา ให้นักข่าวไปสัมภาษณ์ “ทักษิณ” เพราะทรงอิทธิพลสุดทำให้ “เพื่อไทย” ชนะเลือกตั้ง นายเทพชัย กล่าวว่า ส่วนที่ไปสัมภาษณ์พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะยุทธศาสตร์ทิศทางการเดินทั้งหลายสื่อมวลชนทุกประเภทมองตรงกันว่า พ.ต.ท.ทักษิณเป็นคนที่ทรงอิทธิพลที่สุดที่ทำให้พรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้ง เรื่องไปสัมภาษณ์อาชญากรหรือไม่ ตนคงไม่อยากไปสัมภาษณ์คนที่เป็นหุ่นยนต์หุ่นกระบอกที่ถูกชักใยอยู่แน่นอน ซึ่งไม่ต่างอะไรกับที่สื่อไปสัมภาษณ์นายปิ่น จักกะพาก นายราเกซ สักเสนา หรือที่บีบีซีไปสัมภาษณ์ไออาร์เอ หรือลูกน้องของบินลาเดน ลั่นไม่เคยเขียนคอลัมน์หนุนปฏิวัติ มาทำทีวีไทยเพราะเชื่อเรื่องสื่อสาธารณะ “ส่วนที่มีผู้อภิปรายกล่าวหาว่าผมทำงานเข้าข้างเผด็จการ ผมไม่เห็นด้วยกับการยึดอำนาจ ผมไม่ได้เขียนคอลัมน์สนับสนุนให้ทหารปฏิวัติ แต่ผมมาทำที่นี่เพราะเชื่อในสื่อสาธารณะ เงินเดือนผมหายไปครึ่งหนึ่งจากที่เดิม ส่วนนายสุทธิชัย หยุ่น พี่ชายผมเป็นสื่อที่สังคมยอมรับ ในยุคที่มีรัฐบาลเสียงข้างมากใช้อำนาจเงินซื้อสื่อได้ มีการส่งญาติที่สนิทมากมาคุยกับผม ว่าเนชั่นอย่าโจมตีรัฐบาลได้ไหม ถ้าไม่โจมตี อยากได้อะไร แต่เราไม่รับเงินหรืออะไรทั้งสิ้น” นายเทพชัย กล่าว ส่วนกรณีที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์การไม่ทำหน้าที่ตามคำสั่งของ ศอฉ.เพราะเราปฏิบัติตามคำสั่งของศอฉ.มาโดยตลอด สิ่งที่ไทยพีบีเอสนำเสนอรายการสดมากกว่าการเผยแพร่มิวสิควีดิโอรักชาติ แต่รายงานความรู้สึกของคนที่กำลังสิ้นหวังถือเป็นการทำหน้าที่สื่อมวลชนที่จะทำหน้าที่บนหลักการของสื่อสาธารณะ มีรายงานว่า มีการอภิปรายนานกว่า 5 ชั่วโมง และนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง ซึ่งทำหน้าที่ประธานได้สั่งปิดการประชุมในเวลา 19.45 น.

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net