Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

1.......... ภาพนี้อยู่ในความทรงจำผมเสมอมา ภาพที่คนไทยฆ่ากันเองด้วยความเกลียดชัง ...................................................... บ่ายวัน 7 ตุลาคม 2519 เสียงเรียกของพ่อผมเรียกผมให้เอาหนังสือพิมพ์ในเช้าวันนั้นหลายๆฉบับ มาเผาทิ้งที่หลังบ้านตามคำสั่งของคณะปฎิวัติในขณะนั้น ที่ให้ทำลายสิ่งพิมพ์ทุกชนิดทิ้งที่มีข้อความหรือรูปอันใด ที่เกียวกับสถาบันและขบวนการนักศึกษาในช่วงที่ผ่านมา มิเช่นนั้นจะถูกข้อหาการกระทำอันเป็นภัยต่อความมั่นคง หรือพูดง่ายว่าเป็นพวกแดง พวกคอมมิวนิสต์ เราเผาจนหมดเพื่อแน่ใจว่าครอบครัวของเราจะปลอดภัยพอ ..................................................... ช่วงนั้นมีเพื่อนของพ่อหลายคนแวะเวียนมาพูดคุย ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องของลูกๆของเขาที่เป็นนักศึกษาต้องหนีเข้าป่า ผมรับรู้สึกถึงแรงกดดันของทหารที่กระทำต่อประชาชนอย่างลึกๆ แม้จะยังอายุน้อยแต่ก็โตพอจะทราบความบางอย่าง ว่าพ่อแม่และลุงป้าอีกหลายคนเป็นทุกข์อย่างมาก ทุกคนพยายามสืบหาความเป็นตายร้ายดีของพวกเขา ผมได้แต่สงสัยอยู่ในใจและมีความรู้สึกที่สะเทือนใจกับเหตุการณ์นั้นอย่างไม่เคยลืม และไม่เคยติดที่จะให้อภัยต่อผู้อยู่เบื้องหลังกระทำการครั้งนั้น ................................................................ 4-5 ปีต่อมา ที่ท่ารถในจังหวัดจันทบุรี \ อย่าไปยุ่งกับการเมืองนะลูก \" \" อย่าไปประท้วงกับเขานะลูก\" \" ตั้งใจเรียนหนังสือ \" แม่กับพ่อพูดด้วยเสียงกังวลและเป็นห่วงในวันที่ ผมต้องออกจากบ้านมาไกลเพื่อเรียนหนังสือต่อในกรุงเทพเป็นครั้งแรก ที่วิทยาลัยช่างศิลป์ ที่ข้างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. 2.................. จริงๆชีวิตที่วิทยาลัยช่างศิลป์ หรือโรงเรียนเตรียมศิลปากร ในสมัยก่อน ก็ไม่ได้สอนอะไรกับเรามากนักเกี่ยวกับเรื่องการเมืองว่าเกี่ยวข้องกับศิลปะอย่างไร? ส่วนใหญ่ก็สอนให้เราStudyธรรมชาติและก็เรียนรู้พื้นฐานทางศิลปะอย่างเข้มข้น ......................................................................................... เย็นวันหนึ่งในที่ 6 ตุลาคม 5523 ผมกำลังจะไปดูงานที่หอศิลป์ที่มหาวิทยาลัยศิลปากร ผมเดินผ่านต้นโพธิ์ใหญ่ที่กำลังจะทะลุออกไปท่าพระจันทน์และท่าช้าง ผมเห็นรุ่นพี่ธรรมศาสตร์กลุ่มเล็กๆกำลังอ่านบทกวีและรำลึกผู้ที่จากไปในเหตุการณ์ครั้งนั้น ไอ้ภาพเก่าๆที่มันหลบซ่อนอยู่ในห้วจาการทหารสั่งทำลาย ก็กลับมาเยือนอีกครั้ง \" พี่ครับผมอยากรู้ความจริง ว่าใครทำให้ประชาชนฆ่ากัน\" ................................................................................................ เย็นวันเลยไม่ได้ไปดูงานศิลปะเลยเพราะได้หนังสือหลายเล่มจากพี่ๆกลับไปอ่านที่บ้านแทน ปลายปีนั้นเริ่มจะมีข่าวดีว่าจะมีการนิรโทษกรรมให้แก่ผู้หลบหนีเข้าป่า ผมก็ดีใจนะ เพราะว่าเราจะเจอพี่ๆกันเสียที หลังจากกันไปเป็นปี ............................................................................................. จากนโยบาย66/23 ของเปรม ติณสูลานนท์ หลายคนได้กลับบ้านและเรียนหนังสือต่อ จนพัฒนามาเป็นตัวละครในสังคมอีกหลายตัว ที่มีส่วนที่ทำให้สังคมไทยไปเป็น 6 ตุลารอบสอง .................................................................................... หล้งจากนั้นบ้านเมืองก็ยังมีการปฎิวัติและรัฐประหารก็ยังมีอยู่อีกหลายครั้ง แต่ส่วนความขัดแย้งมักเกิดขึ้นกับทหารกัดกันหรือแย่งอำนาจเอง และมักจะจบลงที่การกล่าวหาว่าใครจงรักภักดีและใครไม่จงรักภักดีกว่าใครเสมอ แต่มันไม่ได้กระทบสู่ชีวิตประชาชนโดยส่วนใหญ่ของประเทศ เพราะเรามีแต่รัฐบาลที่มันง่อยและอยู่ภายใต้การกำกับของทหาร การแย่งชิงอำนาจจึงมักเป็นเรื่องของคนกลุ่มบนเสียส่วนใหญ่ เป็นเรื่องของทหารล้วนๆ ............................................................................ หลายปีมานี้ผมเกือบจะหมดความสงสัยแล้ว จนกระทั่ง ........................... 3................... \" ผมพอแล้ว \" คำกล่าวของเปรม ติณสูลานนท์ ในวันที่ลงจากอำนาจ หลังจากอยุู่บนบัลล้งค์อำนาจมา 8 ปี ที่ต้องต่อสู้รบราฆ่าฟันกับน้องๆในกองทัพเสมอ .................................................................................... ในที่สุดเราก็ได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่ชื่อ พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ ขณะนั้นผมกำลังจะจบการศึกษาที่คณะจิตรกรรม ม.ศิลปากร ผมรู้สึกเหมือนกับนักศึกษาทั่วๆไปที่ไม่ค่อยไว้ใจในนักการเมืองมากนัก .................................................................................... แต่พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ ก็ทำให้ผมรู้สึกว่า นายกคนนี้มีวิสัยทัศน์ และดูเหมือนประชาชนในต่างจังหวัด ก็รักใคร่ท่านมากมายคล้ายๆกับทักษิณในสมัยนี้ กล่าวง่ายเป็นคนที่มีไอเดียและทำงานรวดเร็วแต่ก็มีข้อเสียหลายอย่างเหมือนกัน แต่โดยรวมก็ได้นำการเปลี่ยนแปลงมาสู่การเมืองไทยในะดับหนึ่งทีเดียว .................................................................................... หลังจากบริหารประเทศไปสักสองปีกว่าก็มีการร้ฐประหารเกิดขึ้นอีก ด้วยข้อหาเดิมๆ โกงกินคอร์รัปชั่นและไม่จงรักภ้กดี และยังมีการทะเลาะระหว่าง จปร.ด้วยกันแย่งกันเป็นใหญ่ .................................................................................... ผมสงสัยว่าอำนาจประเทศนี้ มันเป็นของพวกมึงไม่ใช่ของกูที่เป็นประชาชน .................................................................................... ผมจึงออกไปเดินถนนเรียกร้องประชาธิปไตยในเดือนพฤษภาคม 2535 .................................................................................... เสียงกระสุนลอยช้ามหัว ภาพคนตาย ภาพทหารของส6รยุทธ์ จุลานนท์กระทืบคน ทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดและเจ็บใจเสมอเป็นการต่อสู้ที่ว่างเปล่ามากๆ ในที่สุด เราก็ได้รัฐบาลจับเสือมือเปล่า ที่กล่าวหาจำลองศรีเมืองพาคนไปตาย คือพรรคประชาธิปัตย์มาเป็นรัฐบาล .................................................................................... ผมขอสารภาพด้วยความที่ยังไม่โตมากในขณะนั้น รู้สึกผิดหวัง เราไม่เข้าใจและตกเป็นเครื่องของคนที่ต้องการอำนาจฉวยโอกาสในทางการเมือง .................................................................................... ทำให้ผมสัญญากับตัวเองว่าผมจะไม่เดินบนถนนเรียกร้องประชาธิปไตยให้ใครอีก. 4....................... \" พี่แมวเป็นเสื้อแดงหรือ ? \" \" พี่แมวรักทักษิณเหรอ ? \" หลายปีที่ผ่านมาหลังพฤษภาทมิฬ คลื่นลมในประเทศนี้ก็ดูสงบเงียบดี ไม่ว่าเราจะได้รัฐบาลเต่าดีแบบชวนเชื่องช้าแต่โกงแบบเทพเทือก หรือรัฐบาลแบบบรรหารหรือแบบชวลิตเราก็อยู่กันมาได้ ทั้งที่นักการเมืองเหล่านี้เล่นการเมืองตั้งแต่ครั้งที่ผมยังเป็นเด็ก ไม่เคยทำให้ประเทศชาติไปถึงไหนเสียที โคตรโกงทั้งนั้น แต่ผมก็ไม่เคยคิดจะไปขับไล่พวกเขาลงจากเก้าอี้แต่อย่างใด เพราะถือคติว่า คนส่วนใหญ่เลือกกันมามันย่อมสะท้อนความคิดคนเลือก ผมจึงทำงานหาเลี้ยงชีพไปโดยไม่ได้คิดมากเรื่องการเมืองแต่อย่างไร .................................................................................... หลังที่ประชาชนในประเทศนี้ได้ตัดสินให้พรรคไทยรักไทยได้จัดตั้งรัฐบาล เราก็ได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่ชื่อ ทักษิณ ชินวัตร ผมก็เหมือนคนอื่นๆที่ขาดแรงจูงใจเกี่ยวกับการเมือง เลือกตั้งไปก็เท่านั้น ก็ได้นักการเมืองแบบเดิม ผมจึงไม่เลือกใคร .................................................................................... แต่หลังจากที่ทักษิณบริหารไปสักสองปี ผมพูดกับเพื่อนว่า ทักษิณมันได้สร้างมาตราฐานใหม่ในการบริหารประเทศ คือทำตามนโยบายที่สัญญากับประชาชน ที่สำคัญดันทำสำเร็จ แต่เรายังไม่วางใจในเรื่องผลประโยชน์ทางการเมือได้มากนัก ผมคิดแบบฝันหวานว่า การตรวจสอบที่เข้มข้นของภาคประชาชนนี่แหละ ที่จะทำให้เราได้นายกที่มาตราฐานในการทำงานแบบทักษิณ แต่มีความโปร่งใสในการบริหารบ้านเมืองกว่าในอนาคต .................................................................................... เวลาเดินไปอย่างรวดเร็ว เมื่อถึงเลือกตั้งครั้งต่อมา เมื่อเขาบริหารประเทศได้ครบสี่ปีเป็นคนแรก คะแนนที่ผมมี จึงเป็นของเขาเป็นครั้งแรก .................................................................................... เสียงของประชาชนค่อนประเทศที่มอบให้เขานั่นแหละ ที่นำภัยร้ายแรงมาสู่ชีวิตของเขา ความเก่งกับความรักที่ประชาชนมีให้เขา เริ่มไม่เข้าตาใครบางคนในประเทศที่ละครอิจฉาริษยาล้นเมือง การก่อตัวของกลุ่มอำนาจและพรรคการเมืองจัญไรแบบประชาธิปัตย์ ที่เคยเกาะกุมผลประโยชน์อย่างเงียบๆ บรรยากาศมันช่างเหมือนกับ 6 ตุลาคม 2519 จริงๆ มีการปลุกระดมทั้งเรื่องโกงกินและความไม่จงรักภักกดี ทั้งก่อนหน้าไม่กี่วันคนไทยยังใส่เสื้อเหลืองเต็มพระบรมรูปทรงม้ากันอยู่เลย .................................................................................... ผมชักสงสัยว่าอำนาจในประเทศนี้ ที่บอกว่าเป็นประชาชนหลังพฤษภาทมิฬน่าจะโดนแหกตา เพราะกลุ่มอำนาจที่เผยโฉมมามันคือกลุ่มอำนาจโบราณเดิมๆ แต่ในใจก็คิดยุคนี้ใครแม่งจะปฎิวัติวะ .................................................................................... และแล้ววันที่ 19 กันยายน 2549 ก็เดินมาถึง................ 5........................ \" ปฎิวัติเสียทีก็ดีประเทศแม่งจะได้สงบ\" \" ตลกดีวะ ลุงแม่งเอาแท๊กซี่ไปชนรถถัง \" \" ไอ้พวกเหี้ยทาสเงินทักษิณ \" คืนวันที่ 19 กันยายน 2549 ไม่มีใครมีจิตใจทำงานหรอก ทุกคนต่างจับจ้องไปที่โทรทัศน์อันดำมืด และรอคอยว่าจะเกิดอะไรขึ้น .................................................. ระหว่างที่ผมขับรถกลับบ้าน ละครที่ผู้มีอำนาจสบคบกับสื่อและปัญญาชนอีกหลายคนเพื่อไล่ทักษิณตบตาผมไม่ได้หรอก ผมสงสัยประเทศห่านี้เกิดอะไรขึ้น? แล้วกูจะต้องทำอย่างไร? อยู่เฉยๆก้มหน้าก้มตาทำมาหากินและยอมรับมันไป หรือจะออกไปประท้วงเพื่อบอกมันว่ากูเกลียดการรัฐประหารเหลือเกิน .................................................. วันรุ่งขึ้นอีกวันขณะที่ผมกำลังขับรถกลับบ้านผ่านสยามสแควร์ ผมเห็นกลุ่มคนเล็กๆยืนแจกใบปลิวและพูดโทรโข่งโจมตีการปฎิวัติรัฐประหารอยู่ เขาคือ ใจ อึ้งภากรณ์ กับนักศึกษาของเขาจำนวนหนึ่ง ..................................................................... วินาทีนั้นผมก็ตัดสินใจได้แล้ว คือหันหน้าต่อสู้กับเผด็จการกับความจอมปลอมในประเทศอีกครั้ง ไม่ใช่เพื่อทักษิณ หรือเพื่อผม แต่เพื่ออนาคตของลูกๆเรา เราไม่ควรยอมให้พวกเขาย่ำยีประเทศอย่างนี้อีกต่อไป .................................................................................. วันเสาร์แรกหลังจากการปฎิวัติผมได้ไปที่สนามหลวง โดยหวังว่าจะเจอใครสักคนที่ไม่เห็นด้วยการรัฐประหารคล้ายๆกับเรา เมื่อมองไกลผมเห็นความว่างเปล่าของสนามหลวง แต่เมื่อเดินไปใกล้ๆจึงเห็นมีคนจับกลุ่มๆกันเป็นกลุ่มเล็กกลุ่มน้อย ด้านเหนือของสนามหลวงมีกลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ ของสุชาติ นาคบางไทรและมีดา ตอร์ปิโด กำลังยืนปราศรัยอย่างเอางานเอาการ และก็ได้เจอกับ คุณ บก.ลายจุด เป็นครั้งแรกซึ่งก็มีกลุ่มของตัวเอง ที่ต่อมากลายเป็นกลุ่มวันอาทิตย์สีแดง และกลายเป็นสีสัญลักษณ์ของการต่อสู้กับเผด็จการต่อมา ด้านทิศตะวันออกมี คุณวรัญชัย โชควัฒนะ และยังได้เจอนักร้องเพื่อชีวิตที่เป็นแรงบันดาลใจ และซื่อสัตย์ต่อวิญญานต้วเองเสมอๆในการต่อต้านเผด็จการอย่าง พี่ จิ้น กรรมาชน ที่ทั้งแต่งเพลงและร้องเพลงให้กำลังใจกับผู้ชุมนุม และที่สำคัญผมได้เจอน้องรักคนหนึงโดยไม่คาดฝัน เขาได้เคียงบ่าเคียงไหล่ในการต่อสู้เผด็จการทุกอาทิตย์ แต่ปัจจุบันนี้เขากลับไม่มีโอกาสอยู่บนแผ่นดินแม่ที่เขารัก .................................................. จากกลุ่มเล็กกลุ่มน้อยในวันนั้น จนถึงวันนี้ที่จะครบรอบ 5 ปีแห่งการรัฐประหาร ขบวนของประชาชนที่คุณตราหน้าว่าเขาโง่ และเป็นทาสทักษิณ นั้นเติบโตไม่หยุด เพราะคุณผลักคนอย่างผมและใครอีกหลายคน ที่ไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร ให้ไปอยู่ในฝั่งที่คุณเรียกว่าพวกไม่รักชาติ .................................................................... ปลายเดือนกันยายนปีนั้นมีข่าว มีคุณลุง เอารถแท๊กซี่ไปชนรถถัง และเจ้าของแท๊กซี่คนนั้นได้ผูกคอตายพร้อม ข้อความไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร ที่ใต้สะพานหน้า สนพ.ไทยรัฐในเดือนถัดมา .................................................. หลายคนอาจมองว่ามันตลกและเป็นการกระทำที่ดูโง่ สุดโต่ง แต่ผมอยากบอกคุณลุงนวมทอง ไพรวัลย์ ว่าผมเข้าใจในความรู้สึกนั้น และรู้ว่าคุณลุงต่อสู้เพื่ออะไร? ขอคาราวะจากใจของคนที่มีความรู้มาก แต่กล้าหาญน้อยกว่า. .................................................. 6...................... \" พวกรักทักษิณกับพวกไม่รักทักษิณ \" \" พวกรักในหลวงกับพวกที่ไม่รักในหลวง \" \" พวกรักชาติกับพวกไม่รักชาติ \" \" พวกกูคนไทยกับพวกมึงไม่ใช่คนไทย \" ก่อนหน้าการปฏิวัติ 19 กันยยายน 2549 ผู้คนส่วนใหญ่ในประทศนี้ก็พร้อมใจกันใส่เสื้อเหลือง และยิ้มแย้มที่จะได้ออกไปเฉลิมพระเกียรติให้แก่ในหลวงกันอย่างพร้อมหน้า โดยไม่มีการแบ่งแยกสีมาก่อน ........................................................................................ แต่หลังจากนั้นก็เริ่มมีการก่อตัวของฝ่ายตรงข้ามกับทักษิณ โดยมุ่งโจมตีในประะเด็นว่าไม่จงรักภักดีและ ใช้สีเหลืองมาเป็นสัญลักษณ์ในการต่อสู้ นับว่าเป็นกลยุทธที่ฉลาดในการผลักดันให้ทักษิณไปเป็นศัตรูกับสถาบัน นี่ข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงสำหรับทุกคนในประเทศนี้ ....................................................................................... ทำให้ผมย้อนความคิดกลับในยุคของการปราบปราม นักศึกษาในสมัย6ตุลาคม2519 เหตุหนึ่งในนั้นคือการหมิ่นสถาบัน มีการปลุกะดมอย่างบ้าคลั่งให้ออกมาทำร้ายฝ้ายตรงข้าม จากหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งเพื่อสร้างความชอบธรรม ให้กับการสังหารหมู่ในครั้งนั้น ....................................................................................... คำถามคือ คุณจะให้ประชาชนที่รักทักษิณและรักในหลวงทำอย่างไร? ในเมื่อคุณบีบบังคับให้เขาต้องเลือกข้างเสียแล้ว ใครกันแน่ที่ทำลายสถาบัน? ....................................................................................... ดาวสยามเมื่อ2519กับASTVเมื่อ2549 ทำหน้าที่ไม่ตางกันแม้จะต่างยุคสมัยกัน ยังคงทำหน้าที่แบ่งฟักฝ่ายอย่างแข็งขัน แต่เป็นที่น่าเสียใจคือASTVในยุคนี้เต็มไปด้วย อดีตนักศึกษาที่เคยผ่านเหตุการณ์เลวร้ายในปี2519มาแล้วทั้งสิ้น ....................................................................................... ความจอมปลอมและความฉ้อฉลของปัญญาชนพวกนี้เอง ที่เป็นสะพานทอดให้ทหารเดินเข้ามารัฐประหารฆ่าประชาธิปไตยอย่าง่ายดาย ....................................................................................... ผมนึกถึงวันที่ผมต้องเผาหนังสือต่างๆ ที่เป็นภัยของความั่นคงตามคำสั่งทหารกับพ่อเมื่อหลายสิบปีก่อน ผมเดินไปหยิบหนังสือของหลายคนที่ผมคิดว่า ครั้งหนึ่งพวกเขาเคยเป็นแรงบันดาลใจและฮีโร่ในวัยเด็กของผม ในการต่อสู้กับเผด็จการมาเผาทิ้งอย่างไม่ใยดี ผมว่าผมหมดศรัทธากับมันแล้วและครั้งน้ี้ไม่มีใครบังคับผม ....................................................................................... เวลาอาจเปลี่ยนเราหลายเรื่องก็จริง แต่จริงหรือที่คนเราสามรถทรยศต่อจิตวิญญานของตัวเอง และวิญญานของผู้ที่ตายจากไมากมายในเหตุการณ์6ตุลาและพฤษภาทมิฬได้หรือ ....................................................................................... ไม่ว่าจะกี่ปีความคิดที่จะไม่ชอบการปฏิวัติ และรัฐประหารไม่เปลี่ยนจากใจผมเลยแม้แต่น้อย ....................................................................................... ในที่สุดผู้คนหลายคนก็ผลักให้ผมมาอยู่ใน ฝั่งที่รักทักษิณและเกลียดพ่อและไม่รักชาติ จากการคิดเห็นต่างของผม ....................................................................................... ผมสงสัยว่า โลกนี้มันมีทั้งเรื่องรักและไม่รักเสมอ และขัดแย้งกันเสมอ ทำไมต้องให้ผมเลือกข้าง ให้ผมอยู่กับความขัดแย้งด้วยเหตุด้วยผล แบบอารยะชนไม่ได้หรือ. ....................................................................................... 5 ปีมานี้ไม่วันไหนที่ผมไม่เสียใจที่อยู่ในประเทศนี้. 7........................... หลังประกาศว่ามีการปฎิวัติ19กันยายน2549 การสื่อสารประเทศนี้ก็ดับไปพร้อมกับชีพจรของประเทศ ................................................................................. ผมอยากจะคุยกับใครสักคนเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น ด้วยความคิดโง่ที่ว่า ยุคนี้ไม่มีใครปิดกั้นการสื่อสารได้อีกต่อไป ซึ่งมันก็ดูเหมือนจะจริง เพราะเวบที่เกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ ประเภท กิน แดก เที่ยว ก็ยังรับใช้ชีวิตผู้คนตามปกติ ................................................................................. แต่เว็บบอร์ดที่แสดงความคิดเห็นทางการเมืองนี่สิ หายวับไปกับการปฎิวัติ เว็บบอร์ดทางการเมืองเกือบทุกเวบต่างปิดตัวเอง ที่น่าเสียใจที่สุดคือ พันทิพห้องราชดำเนิน ผมคิดมาตลอดว่า ที่นี่น่าจะเป็นที่ๆชุมนุมของคนหัวใจประชาธิปไตยในประเทศนี้ และเป็นพลังเล็กๆที่จะต่อต้านการรัฐประหาร และเจ้าของน่าจะเป็นคนที่มีหัวใจประชาธิปไตยและมีความกล้าหาญ แต่เอาเข้าจริง เจ้าของนี่ขี้ขลาดกว่าใครเพื่อนเลย เขาเลือกที่จะปิดและเซ็นเซอร์ตัวเอง ................................................................................. ในขณะที่กำลังสับสนและต้องการข่าวสารอย่างมาก แต่ดูเหมือนจะมีโชคนิดหน่อยก่อนที่เขาจะเซ็นเซอร์ตัวเอง มีPostเล็กๆบอกว่าให้ไปแสดงความคิดเห็นที่เว็บประชาไทกัน นับจากนั้นผมก็ไม่เคยไปเหยียบพันทิพอีกเลย ................................................................................. แนวรบของคนที่รักประชาธิปไตยเกิดขึ้นที่จุดนี้ ทำให้ผมได้รู้ว่ายังมีนักวิชาการที่กล้าหาญและซื่อสัตย์ต่อตัวเองอีกหลายตน เช่นอ.สมศักด์ เจียมฯ อ.วรเจตน์ อ.พิชิต และ อีกหลายท่าน อีกทั้งทำให้ผมได้รู้จักกับเพื่อนพี่น้องอีกหลายคนที่เกลียดการรัฐประหารก็จากที่นี่ ................................................................................. นับตั้งแต่ทักษิณขึ้นครองอำนาจ มันทำให้ผมเห็นเนื้อแทัที่มันจอมปลอมภายใต้หน้ากากของ วีรบุรุษวีรสตรีเดือนตุลาหลายคนที่ ขี้ขลาดและสอพลอ จนการปฎิวัติเกิดขึ้น วีรบุรุษเหล่าก็ตายไปจากใจผมตลอดกาล ................................................................................. ห้าปีมานี้ มีหลายคนที่เป็นฮีโร่และกล้าหาญ ที่ยืนหยัดอยู่บนความยุติธรรมหลายคน แต่คนหนึ่งที่ผมอยากยกย่องเธอจากใจของผมก็คือ คือผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งที่ยืนหยัดที่จะเปิดพื้นที่ทางความคิดนี้ ให้พวกเราได้มีที่การแสดงออกความคิดเห็น ในยามที่บ้านเมืองถูกกฏหมายเผด็จการควบคุมอยู่ การกระทำอันกล้าหาญของเธอทำให้เธอถูกจับ จากความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ............................................................................... เธอคือคุณจีรนุช เปรมชัยพร แห่งประชาไท ............................................................................... ผมไม่เคยรู้จักเธอมาก่อนแต่ก็รับรู้ได้ว่าเธอต่อสู้เพื่อพวกเราไม่น้อย สิ่งที่เธอทำได้ขับเคลื่อนการเมืองภาคประชาชนให้เติบโตอย่างไม่เคยมีมาก่อน นี่นับว่าเป็นคุณูปการณ์ต่อประชาธิปไตยในอนาคต ผมคิดว่าเธอคือฮีโร่อีกคนหนึ่งในใจผมเสมอ ............................................................................... ขอบคุณนะครับที่ช่วยเปิดแสงสว่างทางความคิด ในวันที่มืดที่สุดของระบอบประชาธิปไตย. 8................... \" บก.ลายจุด\" \" คนอะไรวะชื่อประหลาดดี \" \" แล้วทำห่าอะไรมั่ง \" ผมได้ยินชื่อนี้เป็นครั้งแรกในเวบบอร์ดพันทิพห้องราชดำเนิน ก่อนปฎิวัติสักเล็กน้อย รู้เพียงแต่ว่าเขาเป็นNGOทำงานเกี่ยวกับเด็ก แต่ก็รู้สึกเฉยๆ ไม่ได้สนใจความคิดบนคอมเม้นต์ของเขามากนัก เพราะเข้าพันทิพมั่งไม่ได้เข้ามั่ง เลยไม่ได้ตามความคิด .............................................................................. จนวันเสาร์แรกหลังจากการปฎิวัตื19 กันยายน 2549 ผมได้เจอเขาเป็นครั้งแรกเขายืนบนเวทีเตี้ยๆและกำลังปราศัยต่อต้านเผด็จการอยู่ ซึ่งต่อมากลายเป็นกลุ่มวันอาทิตย์สีแดง และสีแดงก็กลายเป็นสีสัญญาสักษณ์ในการต่อสู้ เขาเป็นคนแปลกจากนักปราศัยคนอื่นกล่าวคือ เขาหน้าตาแบบดูดีมีอันจะกิน เป็นคนจีน แต่สุภาพฉลาดมีอารมณ์ขันและวิธีพูดก็มีความเป็นวิชาการ ต่างจากผู้ปราศัยท่านอื่นที่เต็มไปด้วยความรู้สึก และต้องส่งเสียงปลุกเร้าผู้ฟังตลอด ............................................................................. ในใจก็คิดสู้อย่างนี้กับทหารแล้วมันจะรอดเหลือวะอีกกี่ชาติถึงจะสำเร็จ และก็ออกจะไม่ค่อยเห็นด้วยกับความคิดของบก.ลายจุดเท่าไรนัก คือมันใช้เวลานานกว่าจะเป็นรูปเป็นร่าง ............................................................................ ความคิดที่ว่าของแกก็คือเขาอยากจะปลูกความคิดและสร้างโรงเรียน ที่สอนประชาธิปไตยให้กับคนรากหญ้า เพื่อเป็นพล้งในการต่อต้านเผด็จการ ความคิดนี้ดูท่าทางต้องใช้เวลายาวนานในการจะได้ประชาธิปไตยคืน .............................................................................. แต่ผมว่าด้วยความหลักแหลมของบก.ลายจุดนี่แหละ 4-5ปีที่ผ่านมาในช่วงที่อำมาตย์หลงระเริงในอำนาจ การก่อต้วของโรงเรียนประชาธิปไตยในความคิดของบก.ลายจุด หรือที่รู้จักในนามโรงเรียนประชาธิปไตยแกนนอน ทำให้พลังในการต่อสู้ของประชาชนเติบโตอย่างรวดเร็ว นี่ก็เป็นคุณูปการณ์และเป็นรากฐานต่อประชาธิปไตยในอนาคตไม่น้อยเลย .............................................................................. ตั้งแต่วันที่มีคนไม่ถีง500คน ที่ยืนฟังการปราศรัยที่ท้องสนามหลวงจนถึงวันนี้ ผมเชื่อโรงเรียนประชาธิปไตยที่บกลายจุดทำ น่าจะเป็นโรงเรียนที่ดีกว่ามหาวิทยาลัยจุฬาหรือธรรมศาสตร์ ที่เราเคยคาดหวังว่าจะเป็นธงนำในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและผู้คนที่ยากไร้กว่า เพราะมันได้ปลูกความรู้บนคนจริงๆและได้ออกดอกผลมาเป็น คนที่รักประชาธิปไตยเกลียดเผด็จการรัฐประหารอย่างมากมาย ทั้งเขาเหล่านั้นก็คือคนโง่ในสายตาของคนเมือง .............................................................................. อยากจะบอกว่าดีใจที่ผมมีส่วนช่วยงานแม้จะเล็กน้อยก็ตามและร่วมต่อสู้มาด้วยกัน ขอบคุณนะอาจารย์สมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด ของน้องๆ 9.........................(สุดท้าย.) \" พี่ๆอนาคตประเทศไทยจะเป็นอย่างไร \" \" พี่ๆแล้วทหารจะปฏิวัติอีกมั้ย? \" \" พี่ๆแล้วจะแบกประเทศกันอยู่มั้ย? \" ตอนเด็กๆผมโตมากับเพลงBlowin' in the wind.แต่งและร้องโดยBob Dylan ในยุคสมัยที่มีการปราบปรามนักศึกษาเมื่อ 6 ตุลาคม 2519 และสงครามเวียดนามเหนือ-ใต้ที่รบกันกำลังวิกฤต โดยมีสหรัฐอเมริกาเป็นคู่สงคราม ........................................................................................ The answer

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net