Skip to main content
sharethis

วันสุดท้ายของงานเทศกาล “madfiFESTO 2011” ส่วน “FALL01” นักศึกษาแต่งชุดครุยพร้อมล่ามโซ่แบกแท่งปูนร่วมแสดงผลงานในเทศกาล ยังไม่สามารถเข้าไปแสดงผลงานได้ แม้จะทำหนังสือขออนุญาตจัดกิจกรรม โดยเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยแนะนำให้ยื่นหนังสือมาตามลำดับขั้นตอนถึงอธิการบดี ด้านเจ้าตัวไม่ผิดหวังโดยถือว่าได้เรียนรู้คำตอบอีกแบบหนึ่ง “โปรเจกต์นี้ไม่มีคำว่าล้มเหลว มันคือการได้เรียนรู้\ ที่มา: ภาพจากสูจิบัตรโครงการ ตามที่ประชาไทนำเสนอข่าว งานเทศกาลศิลปะ madiFESTO 2011 ซึ่งจัดโดยสาขาวิชาสื่อศิลปะและการออกแบบสื่อ คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 26 ก.ย. ที่ผ่านมา ที่หอนิทรรศการศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ด้าน ถ.นิมมานเหมินทร์ โดยนายกีรติ กุสาวดี นักศึกษาบัณฑิตศึกษา สาขาวิชาสื่อศิลปะและการออกแบบสื่อ ได้จัดแสดงผลงาน \"Be good ลองดี\" ภายในงานเทศกาลศิลปะดังกล่าวด้วย โดยเขาได้แต่งกายด้วยชุดครุยวิทยฐานะ พันธนาการตัวเองด้วยโซ่ซึ่งผูกติดกับแท่งปูนทรงลูกบาศก์พิมพ์คำว่า “ดี” พร้อมลากรถเข็น เพื่อตั้งคำถามกับระบบการศึกษา และคุณค่าของ \"ความดี\" อย่างไรก็ตามนับตั้งแต่วันแรกของการเปิดงานเทศกาลศิลปะ นายกีรติยังไม่สามารถเข้าไปยังสถานที่จัดแสดงผลงานคือ อาคารสโมสรนักศึกษา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (อมช.) ได้เนื่องจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของมหาวิทยาลัยไม่อนุญาตให้เขาผ่าน ประตูมหาวิทยาลัยเข้าไปในพื้นที่จัดแสดงงานได้ (อ่านข่าวย้อนหลัง) กีรติ กุสาวดี พยายามเดินทางไปยังที่จัดแสดงผลงานอีกครั้ง แต่เจ้าหน้าที่ รปภ.มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เข้ามาห้ามปรามเช่นเคย และนำเขาขึ้นรถกระบะมายังอาคารยุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่เพื่อสอบถาม โดยเขายังไม่ได้รับอนุญาตให้เขาไปจัดแสดงผลงานในพื้นที่อาคาร อมช. ได้ แม้ว่าวันนี้เขาเตรียมหนังสือขออนุญาตจัดกิจกรรม และวันนี้เป็นวันสุดท้ายของการจัดแสดงผลงาน (ที่มาของภาพ: นพ) ล่าสุดในวันนี้ (30 ก.ย.) ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการจัดแสดงผลงาน นายกีรติได้พยายามเข้าไปในพื้นที่จัดแสดงผลงานคืออาคาร อมช. อีกครั้งโดยครั้งนี้เขาได้เตรียมเอกสารเรียนผู้อำนวยการกองกลาง มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อขออนุญาตจัดแสดงผลงาน ลงลายมือชื่อโดยนายอุทิศ อติมานะ อาจารย์ที่ปรึกษาโครงการ และประธานคณะกรรมการบัณฑิตศึกษา สาขาวิชาสื่อศิลปะและการออกแบบสื่อ โดยในเวลาประมาณ 12.00 น. เศษ เขาได้เดินทางจากหอนิทรรศการศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และเข้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ฝั่งสวนสัก บริเวณประตู ปตท. เลียบถนนคันคลองชลประทาน โดยเจ้าหน้าที่ รปภ. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้เข้ามาห้อมล้อมนายกีรติเช่นเคย และเชิญเขาขึ้นท้ายรถกระบะของทางมหาวิทยาลัย เพื่อนำนายกีรติมาสอบถามที่กองพัฒนานักศึกษา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยนายกีรติได้ยื่นหนังสือขออนุญาตจัดแสดงผลงานด้วย แต่ได้รับการปฏิเสธ โดยเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่กล่าวว่าทำหนังสือมาไม่ถูกขั้นตอน ขอให้ทำหนังสือเรียนอธิการบดีเพื่อขออนุญาต โดยให้ส่งมาเป็นลำดับขั้นจากสาขาวิชาสื่อศิลปะและการออกแบบสื่อ เรียนมายังบัณฑิตศึกษา เพื่อที่บัณฑิตศึกษาจะได้ส่งมายังอธิการบดี นอกจากนี้มีเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยท่านหนึ่งกล่าวด้วยว่า การสวมชุดครุยวิทยฐานะ อาจผิดวินัยนักศึกษา และ ผิด พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ด้วย และขอให้นายกีรติถอดชุดครุยวิทยฐานะออก แต่ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากมีโซ่คล้องทับชุดครุยอีกชั้นหนึ่ง และโซ่ดังกล่าวถูกล็อกกุญแจ ทั้งนี้ ตามมาตรา 71 ของ พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ระบุแต่เพียงว่า การใช้ครุยวิทยฐานะโดยที่ตนไม่มีสิทธิ ถ้าได้กระทำเพื่อให้บุคคลอื่นเชื่อว่าตนมีสิทธิจะใช้หรือมีวิทยฐานะหรือตำแหน่งเช่นนั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือนหรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทำให้สุดท้ายนายกีรติไม่สามารถเข้าไปจัดแสดงผลงานได้ที่อาคาร อมช. ตามที่วางแผนไว้ โดยขากลับนายกีรติต้องออกจากอาคารยุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ฝั่งสวนสัก ออกไปทางประตู ปตท. เพื่อกลับไปยังหอนิทรรศการศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยนายกีรติสวมชุดครุยเดินพร้อมโซ่พันธนการมือเท้าและลากรถเข็นบรรทุกแท่งปูนพิมพ์คำว่า “ดี” ทั้งนี้ นายกีรติ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ถ้าเขาได้ไปใช้ชีวิตที่ อมช. ตั้งแต่วันแรกของการจัดแสดงผลงาน “ผมอาจจะเห็นอะไรในอีกแง่มุมหนึ่ง และคำตอบที่ผมได้ก็คงจะต่างไปจากตอนนี้ แต่ว่าตอนนี้ผมใช้ชีวิตข้างนอก คำตอบที่ผมได้พบก็เป็นคำตอบอีกแบบหนึ่ง” โดยเขาไม่ถือว่าเป็นความสำเร็จหรือล้มเหลว แต่ถือว่าคำตอบที่ได้รับเป็นอีกแบบหนึ่ง “มันวัดไม่ได้ โปรเจกต์นี้ไม่มีคำว่าล้มเหลวอยู่แล้ว มันคือการได้เรียนรู้” นายกีรติกล่าว นักศึกษาศิลปะผู้นี้กล่าวด้วยว่า คงจะไม่ไปทำหนังสือขึ้นมาตามลำดับขั้น ตามที่เจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยแนะนำแล้ว เพราะขั้นตอนคงกินเวลาหลายวัน “ถ้ายื่นมาแต่แรก ก่อนเริ่มโปรเจกต์จะผ่านหรือเปล่าก็ไม่รู้ ถ้าไม่ผ่าน ก็เท่ากับโปรเจกต์ผมไม่เริ่มด้วยซ้ำ” นายกีรติกล่าว “ผมคิดว่าในเมื่อมันไม่ได้ผิดกฎระเบียบข้อบังคับก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ระเบียบแค่บอกว่าใช้ในโอกาสที่เหมาะสม และสถานที่ที่เหมาะสม สถานที่ไม่เกี่ยงหรอกผมก็ใช้ในมหาวิทยาลัยคงเรียกว่าไม่เหมาะสมไม่ได้หรอก ใช้เหมาะสมใช้อย่างไร ผมก็ใช้ปกติ ผมก็ไม่ได้ไปทำอะไรไม่ดี” นายกีรติกล่าว ทั้งนี้นายกีรติได้เดินทางกลับไปที่หอนิทรรศการศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อกล่าวเปิดใจหลังการทำโปรเจกต์ในเวลา 18.00 น. ซึ่งเป็นเวลาปิดงานของการจัดแสดงผลงานในส่วน “FALL01” โดยเขาจะเชิญภารโรงของหอนิทรรศการศิลปวัฒนธรรมเป็นผู้ไขกุญแจโซ่ให้ รศ.ประทีป จันทร์คง รองคณบดีฝ่ายพัฒนาคุณภาพ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดผู้ล็อกโซ่พันธการด้วยตัวเอง เมื่อ 26 ก.ย. (ที่มา: Paamanja) นอกจากนี้ ยังมีผู้โพสต์ในเฟซบุคก่อนหน้านี้เปิดเผยว่า ผู้ไขกุญแจล็อกโซ่พันธนาการนายกีรติในวันแรกของการจัดแสดงผลงาน คือ รศ.ประทีป จันทร์คง รองคณบดีฝ่ายพัฒนาคุณภาพ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สำหรับเทศกาล madiFESTO 2011 ดังกล่าวจัดติดต่อกันเป็นประจำทุกปีมาตั้งแต่ปีพ.ศ.2552 โดยในปีนี้จัดขึ้นภายใต้หัวข้อชื่อ “FALL” กิจกรรมในงานมีตั้งแต่การจัดแสดงงานศิลปะ ฉายภาพยนตร์ ศิลปะการแสดงสด และปฏิบัติการทางวัฒนธรรม ทั้งในบริเวณหอศิลปวัฒนธรรม และในพื้นที่สาธารณะต่างๆ หลายแห่งในเมืองเชียงใหม่ สำหรับเทศกาล madiFESTO ดังกล่าว นอกจากที่หอศิลป์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และที่คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่แล้ว ยังมีการจัดโครงการในหลายพื้นที่ทั่วเมืองเชียงใหม่ โดยแบ่งส่วนจัดแสดง 3 ส่วน โดยนอกจากส่วนแรก FALL01 ซึ่งสิ้นสุดการจัดแสดงในวันนี้นั้น ยังมีอีก 2 ส่วนการจัดแสดงที่ยังดำเนินอยู่ได้แก่ส่วน FALL02 จะจัดระหว่างวันที่ 20 ก.ย. - 3 ต.ค. และ FALL03 จัดระหว่างวันที่ 27 ก.ย. - 3 ต.ค. โดยรายละเอียดของกำหนดการ และสถานที่สามารถชมได้ในเว็บของ madiFESTO"

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net