Skip to main content
sharethis

บันเทิงประชาไทวันนี้ขอรายงานบรรยากาศคอนเสิร์ตที่คนส่วนหนึ่งของประเทศรอคอยมาหลายสิบปีกับวงที่เป็นตำนานของญี่ปุ่นและเอเชีย X-JAPAN ได้ทำการแสดงไปเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ณ อิมแพค อารีนา เมืองทองธานี และเป็นประเทศสุดท้ายในการทัวร์คอนเสิร์ตต่างประเทศ (world Tour) ของวง นอกจากบรรยากาศความมันส์ (ท่ามกลางดรามาน้ำท่วมแล้ว) ผู้เขียนในฐานะแฟนคลับเดนตายคนหนึ่งขอวงรับประกันความสุดยอดและขอบอกไว้ก่อนว่าหาอ่านได้ที่ประชาไท ที่นี่ที่เดียวค่ะ X-JAPAN เป็นต้นแบบของวงดนตรีร็อคแนว Visual Kei [1] (มีคนนิยามคำว่า Visual Kei หลากหลายมาก โดยผู้เขียนขอนิยามสั้นๆ ว่าเป็นวงดนตรีที่มีเสื้อผ้าหน้าผม หรือ Image ที่แสดงออกอย่างร้อนแรงแรงไม่แพ้เพลงละกันนะคะ) พวกเขาก่อตั้งวงในปี 1985 โดยมี YOSHIKI (มือกลอง เปียโน หัวหน้าวง) และ TOSHI (ร้องนำ) โดยใช้ชื่อวงว่า X (ก่อนหน้านี้เคยตั้งวงดนตรีเล่นร่วมกันในนาม Noise ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมแต่ในช่วงแรกเริ่มก่อนตั้งวง X เปลี่ยนสมาชิกที่เล่นตำแหน่งอื่นบ่อยมาก) เมื่อสมาชิกในวงในตำแหน่งต่างๆ ลงตัว ในปี 1987 ได้แก่ HIDE (กีตาร์) PATA (กีตาร์) และTAIJI (เบส) ได้เล่นดนตรีตาม LIVE HOUSE ในโตเกียวจนมีชื่อเสียง (และขึ้นชื่อว่าเป็นวง “อันตราย” เนื่องจากหลังจากเล่นดนตรีเสร็จแล้วจะ “อาละวาด” จน LIVE HOUSE บางที่ไม่ยอมให้เล่นดนตรีอีกเลย) จากนั้นได้ก่อตั้งค่ายเพลงของตนเอง Extasy Record และออกอัลบั้มอินดี้อัลบั้มแรกชื่อ Vanishing Vision ซึ่งขึ้นอันดับ 1 ในชาร์ตเพลงอินดี้ [2] ต่อมาจึงเซ็นสัญญากับ Sony Music ออกอัลบั้มแรก BLUE BLOOD (1989) และ JEALOUSY (1991) ซึ่งทั้ง 2 อัลบั้มประสบความสำเร็จอย่างสูง และได้สร้างชื่อเสียงสูงสุดในวงการบันเทิงญี่ปุ่นยุค 90’s จากนั้น TAIJI ได้ลาออกจากวงและเปลี่ยนมือเบสใหม่เป็น HEATH พวกเขาออกมินิอัลบั้ม ART OF LIFE (1993) ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็น X-JAPAN ในที่สุด แต่หลังจากออกอัลบั้ม DAHLIA (1996) แล้ว TOSHI ก็ได้ลาออกจากวงและประกาศยุบวง ต่อมาในปี 1998 HIDE มือกีตาร์ของวงได้เสียชีวิตลง ซึ่งตอนนั้นเป็นช่วงที่กระแส JAPAN FEVER บ้านเรากำลังมาแรง หลังจากนั้น 10 ปี X-JAPAN ก็กลับมารวมวงกันใหม่อีกครั้ง (2007) โดยมี SUGIZO (มือกีตาร์วง LUNA SEA) มาเล่นแทนตำแหน่งของ HIDE และประกาศว่าจะเปิดการแสดงทั่วโลก (ภาพจากซ้ายไปขวา) การมาแถลงข่าวที่ไทยปี 1996 ปี 2007 และปี 2011 ตามลำดับ สำหรับคอเพลงสากล คงจะเคยได้ยินชื่อ X-JAPAN จากรายการวิทยุของคุณโจ มณฑาณี สันติสุขและทางสื่อบันเทิงสากลต่างๆ ในช่วงปี 1995 และเมื่อ YOSHIKI ได้เดินทางมาประเทศไทยครั้งแรกเมื่อปี 1996 การมารอต้อนรับของแฟนๆ ที่สนามบินก็เป็นปรากฏการณ์ทำให้สังคมสนใจวงดนตรีวงนี้มากขึ้น (โดยแฟนคลับ X-JAPAN ได้ก่อวีรกรรมที่สนามบินดอนเมืองจนเป็นที่เล่าขานถึงความร้อนแรงและความอันตราย-ฮา) แม้ว่าจะยุบวงไปแล้วแฟนเพลงชาวไทยยังติดตามผลงานของสมาชิกคนอื่นๆ มีแฟนคลับหน้าใหม่ที่ติดตามผลงานเพิ่มขึ้นอยู่เสมอ เมื่อกลับมารวมวงกันแล้ว YOSHIKI ได้เดินทางมาเมืองไทยอีกครั้งพร้อมเปิดเว็บไซต์ [3] X-JAPAN ของประเทศไทยอย่างเป็นทางการและประกาศว่าจะจัดคอนเสิร์ต ในวันที่ 31 มกราคม 2551 ณ สนามศุภชลาศัย แต่ก็ต้องเลื่อนกำหนดการณ์อย่างไม่มีกำหนดเพราะเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมือง จากนั้นอีก 2 ปี YOSHIKI ก็ประกาศผ่านเว็บไซต์ของตนว่าจะมาเล่นที่ประเทศไทยในปี 2011 หลังจากการทัวร์คอนเสิร์ตที่อเมริกาใต้ บรรยากาศการจองบัตรคอนเสิร์ตล่วงหน้า ณ Central World ด้านบนเป็นหนึ่งคืนของการเปิดจองบัตรและด้านล่างเป็นแถวที่ยาวออกมาจากตึก ในเดือนสิงหาคม ก็มีการจองบัตรคอนเสิร์ต X-JAPAN ล่วงหน้า (Presale) ที่ Central World โดยมีสาวก X-JAPAN บางส่วนไปรอกันตั้งแต่คืนก่อนวันเริ่มจองบัตรและบรรยากาศในวันจองบัตรมีแฟนๆ มากันอย่างมืดฟ้ามัวดิน (จนมีคนกลัวเรื่องการก่อความไม่สงบ ทำให้ Central World แตก เพราะวีรกรรมสาวกวงนี้เป็นตำนานจริงๆ-ฮา) บัตรคอนเสิร์ตจำหน่ายหมดภายในเดือนกันยายน แต่แฟนๆ ก็ลุ้นว่าคอนเสิร์ตจะเลื่อนหรือไม่เพราะสถานการณ์น้ำท่วม (เพราะเคยเลื่อนมาแล้วในไทย และแฟนพันธุ์แท้ X-JAPAN จะทราบว่าวงนี้เคยเลื่อนมาแล้วที่ญี่ปุ่น ก่อนคอนเสิร์ตจะเริ่มเพียงไม่กี่ชั่วโมง) แต่ YOSHIKI ก็ยืนยันที่จะจัดคอนเสิร์ตและให้กำลังใจแฟนเพลงชาวไทยผ่านทางทวิตเตอร์หลายครั้งในเดือนตุลาคม และในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2554 สมาชิกทุกคนก็เดินทางมาถึงประเทศไทย ด้วยสายการบิน China Airline เวลา 16.45 น. ณ สนามบินสุวรรณภูมิ หลังจากเล่นคอนเสิร์ตที่ไต้หวัน จากนั้น YOSHIKI ได้เดินทางไปบริจาคเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมผ่านรายการครอบครัวข่าว 3 จำนวน 500,000 บาท พร้อมมอบหนังกลองพร้อมลายเซนเพื่อนำไปประมูลหารายได้เพิ่มเติม และ TOSHI เดินทางไปบริจาคที่ ThaiPBS จำนวน 500,000 เยน (ประมาณ 195,000 บาท) LIVE REPORT ในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2554 แฟนเพลงบางส่วนได้เดินทางมายัง Impact Arena เมืองทองธานี ตั้งแต่ 8 โมงเช้า และในช่วงบ่ายมากขึ้นเรื่อยๆ โดยรอบงานมีกิจกรรมให้ร่วมสนุกจากผู้สนับสนุนและการขายสินค้าที่ระลึก จากที่ผู้เขียนสังเกต แฟนเพลงที่มาน่าจะอายุ 30 ขึ้นไปเป็นส่วนใหญ่ สำหรับแฟนๆ มีการแต่ง Cosplay เป็นศิลปินที่ตนชื่นชอบ ส่วนใหญ่จะเป็น YOSHIKI, HIDE และ TOSHI บ้างก็แต่ง Cosplay แนว Gothic Lolita สำหรับแฟนเพลงที่ไม่ได้ Cosplay มาก็แต่งกายสไตล์ J-ROCK หรือไม่ก็ใส่เสื้อที่พิมพ์ลวดลายเกี่ยวกับ X-JAPAN นอกจากนี้ยังมีแฟนเพลงชาวต่างประเทศเดินทางมาชมคอนเสิร์ตจำนวนหนึ่งด้วยเช่นกัน (แฟนเพลงชาวญี่ปุ่น Cosplay เป็น YOSHIKI ได้สวยไม่แพ้สาวกชาวไทยเลยค่ะ ♥) พอเวลาประมาณ 19.00 น. แฟนเพลงเริ่มทยอยเข้าไปในฮอลล์ใช้เวลาโหลดคนเข้านานพอสมควร ขณะที่มีการลองเสียงเครื่องดนตรีก็มีเสียงกรี๊ดจากแฟนเพลงเป็นระยะๆ แต่พอไฟทั้งหมดดับลงพร้อมเสียงเพลงประสานเสียงดังขึ้นคล้ายเสียงบทสวดคาธอลิค แสงไฟสาดส่องประสานในเงามืดราวกับว่าอยู่อีกมิติหนึ่งในจักรวาล แล้วแสงสีทองก็ส่องมาที่ตำแหน่งกลอง YOSHIKI ยืนเด่นเป็นสง่าบนคลองคริสตัลกระเดื่องคู่ราวกับเทพเจ้า เรียกเสียงกรี๊ดสนั่นฮอลล์จากแฟนเพลง เมื่อสิ้นเสียง OPENING THEME บนเวทีปรากฏสมาชิกทั้ง 5 คน เริ่มบรรเลงเพลงแรก JADE ซึ่งเป็น SINGLE ที่ 2 ของ X-JAPAN หลังจากที่กลับมารวมวงกัน พร้อมกันนั้น TOSHI ก็เอ่ยทักทายแฟนเพลงชาวไทย ด้วยประโยคเด็ด “รอนานไหม” และ “น้ำท่วมไหม” เป็นภาษาไทย ซึ่งเสียงของ TOSHI ยังทรงพลังเหมือนเดิม (และชุดพี่แกเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ได้ใจมากเจ้าค่ะ) เพลงต่อจากนั้นคือ Rusty Nail และ Silent Jealousy ที่สร้างความมันส์แบบ Non-stop แม้จอมอนิเตอร์จะติดๆ ดับๆ เครื่องเสียงดังขาดๆ เกินๆ แต่สมาชิกก็ยังแสดงลีลาการเล่นดนตรีอย่างสุดฝีมือ (ในโซนที่นั่งชั้น 4 บัตร 2,000 ได้ยินเสียงกลองชัดมากจนหัวใจเกือบจะเต้นพร้อมจังหวะกลองเลยทีเดียว) ช่วง GUITAR SOLO มี “ลุงแมว” PATA และ HEATH มือเบสร่างบางขวัญใจแม่ยกโชว์ลีลาโซโล่ เรียกเสียงกรี๊ดจากแฟนคลับ “ลุงแมว” ที่ยังคงเอกลักษณ์เล่นกีตาร์หน้าเดียว ก่อนจะเข้าสู่เพลง Drain (ส่วนตัวแล้วคิดว่าเป็นเพลงที่มีเสน่ห์และมีกลิ่นอายของ HIDE มากๆ) ไฟบนเวทีดับลงอีกครั้ง สปอร์ทไลท์ส่องไปที่ SUGIZO สวมชุดสีขาวกรุยกรายพร้อมไวโอลิน เข้าสู่ช่วง VIOLIN SOLO ไวโอลินของ SUGIZO มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เริ่มแรกมาด้วยโทนเสียงกระชากวิญญาณแต่ต่อมาก็เปลี่ยนเป็นเพลงจังหวะสนุกสนานทำนองคล้ายเพลงพื้นบ้านของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก่อนจะกลับมาเป็นเพลงทำนองเยือกเย็นในช่วงท้าย ในช่วงที่สองแฟนเพลงเองก็พากันปรบมือเข้าจังหวะไปด้วยอย่างสนุกสนาน (ผู้เขียนไม่ทราบว่าเป็นเพลงอะไร แต่ไม่ใช่ค้างคาวกินกล้วยแน่ๆ ทั้งๆ ที่แอบหวังว่าจะเห็น SUGIZO Out of Character สักครั้ง) จากนั้นก็ปรากฏร่าง YOSHIKI ชุดคลุมสีแดงกับเปียโนคริสตัลเล่นเปียโนกับไวโอลินทำนองเพลงที่คุ้นหู Kurenai ซึ่งเป็น Single แรกของพวกเขาหลังจากเป็นวงเมเจอร์ (วงสังกัดค่ายใหญ่?) และอารมณ์ของแฟนเพลงในฮอลล์ก็พีคสุดสมกับชื่อเพลง “แดงเดือด” ต่อด้วยเพลง BORN TO BE FREE (เป็น Single ที่ 3 หลังจากรวมวงที่ผู้เขียนร้องตามได้น้อยที่สุดแต่กลับไม่น่าเชื่อว่าจะมันส์ไม่แพ้เพลงอื่นๆ เลยทีเดียว) TOSHI เองก็หันมาทักทายแฟนเพลงด้วยภาษาไทยสลับกับภาษาอังกฤษ ต่อด้วยการโซโลกลองสลับเดี่ยวเปียโนแบบไม่ยั้งของ YOSHIKI มีจังหวะหนึ่งในช่วงเดี่ยวเปียโนที่เป็นทำนองเพลงแบบที่แฟนเพลงชาวไทยรู้ได้ทันทีว่าเป็นเพลงไทยแน่ๆ จึงเริ่มร้องคลอตาม เพลงที่เล่นคือ “เดือนเพ็ญ” (ตอนนั้นตกใจมาก ไม่คิดว่าจะเล่นเพลงนี้ เพราะมันจะได้ยินเสมอเวลาเข้าค่าย แต่บรรยากาศของเพลงที่เขาเล่นฟังดูต่างจากประสบการณ์ส่วนตัว จนรู้สึกว่าโยจังน่ารักมากกกกกก ♥ อยากรู้จริงว่าใครหนอแนะนำเพลงนี้ให้เขาเล่นนะ) พอจบเพลง TOSHI ก็ถามแฟนๆ ว่าอยากฟังเสียง YOSHIKI หรือเปล่า เรียกเสียงกรี๊ดเป็นฉันทามติแล้วเขาก็ส่งไมค์ให้ YOSHIKI เขากล่าวทักทายแฟนเพลงชาวไทยเป็นภาษาไทยสลับกับภาษาอังกฤษ (แน่นอนว่าประโยค “ผมรักคุณ” เรียกเสียงกรี๊ดลั่นฮอลล์ตามคาด – ถึงคาดไว้แล้วก็จะกรี๊ดค่ะ อร๊างงง) จากนั้น TOSHI ได้ขอให้แฟนเพลงร้องคอรัสเพลง IV ซึ่งเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง SAW 4 และเป็นSingle แรกหลังจากที่กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง ต่อด้วยเพลงชาติของเหล่า X Freak คือเพลง X โดยแฟนเพลงต่างก็ X Jump (กระโดดพร้อมไขว้แขนเป็นตัว X) พร้อมตะโกน We are X กันอย่างไม่ยั้ง จนแอบกลัวว่าฮอลล์จะถล่มหรือเปล่า เพราะที่ TOKYO DOME เคยห้ามไม่ให้แฟนเพลง X Jump มาแล้วเนื่องจากทำให้แผ่นดินไหว ไฟบนเวทีดับลงอีกครั้ง บรรดาแฟนเพลงรอคอยช่วง ENCORE ระหว่างที่คอยนั้นแฟนๆ ได้หากิจกรรม “เล่น” ในฮอลล์คล้ายกับในคอนเสิร์ต X-JAPAN DAHLIA TOUR FINAL ไม่ว่าจะเป็นกระทืบเท้ารัว เล่นเวฟ ตะโกน We are X ร้องเพลง Endless Rain จนถึงขั้น ENCORE ด้วยการร้องเพลงลอยกระทงเจ้าค่ะ ! THAILAND ONLY !!!! ในที่สุด ไฟบนเวทีก็สว่างขึ้นพร้อม YOSHIKI ในชุดไทยสไบเฉียง เรียกเสียงกรี๊ดจากแฟนๆ ลั่นฮอลล์อีกครั้ง แถม TOSHI ยังมีแซวว่า I love him or I love her, She so beautiful. (ขอเรียกช่วงนี้ว่า Fan Service หรือช่วง ‘เอาใจแฟนๆ’ นะคะ เพราะการที่ YOSHIKI แต่งชุดไทยกับเล่นหยอกล้อหวานแหววของสองคนนี้เพื่อสนอง Need แฟนคลับ ล้วนๆ ก่อนหน้านี้สองคนก็เคยใส่ชุดแต่งงานเซอร์วิสแฟนที่ฮ่องกงมาแล้ว) YOSHIKI ได้กล่าวขอบคุณแฟนเพลงชาวไทยทำให้ความฝันของเขาที่จะได้มาเล่นคอนเสิร์ตที่นี่เป็นจริง และพูดถึงการพบเจอสมาชิกแต่ละคน การแยกวง และการจากไปของ HIDE และ TAIJI ตลอดจนความสูญเสียจากภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นคือแผ่นดินไหวและสึนามิที่ญี่ปุ่นมาจนถึงน้ำท่วมที่ประเทศไทย แล้วก็ขอให้ทุกคนยืนสงบนิ่งเพื่อไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว สมาชิกทุกคนและแฟนเพลงทุกคนในฮอลล์ต่างก็ยืนสงบนิ่ง เงียบจนไม่มีเสียงราวกับว่าไม่มีใครอยู่ที่นี่เลย จากนั้นโยจังที่ยังอยู่ในชุดไทยสไบเฉียงก็เริ่มเล่นเปียโนเพลง Forever Love ตามด้วย Endless Rain เพลงบัลลาดที่สร้างชื่อเสียงในอัลบั้มชุดแรก และแล้ว SUGIZO กับไวโอลินก็กลับมาอีกครั้ง ส่วน YOSHIKI ก็เล่นเปียโนคลอกับเสียงไวโอลินของ SUGIZO (ขอบอกว่าช่วงนี้ YOSHIKI เล่นได้ใจอีกแล้ว ทั้งทุบเปียโน ทั้งนอนเล่น เล่นไป-เลื้อยไป) นำเข้าสู่เพลง ART OF LIFE เรียกทุกคนในวงกลับมาบนเวทีอีกครั้งกัน ซึ่งต่างก็อย่างบรรเลงฝีมือกันอย่างเต็มที่ ในฐานะเป็นเพลงสุดท้ายที่เล่นใน X-JAPAN LIVE IN BANGKOK (เพลงนี้ฉบับเต็มยาว 30 นาที) จากนั้นเพลง TEARS (เพลงที่ผู้เขียนชอบที่สุดของ X) ดังขึ้นเป็น Backing Track สมาชิกทุกคนจับมือโค้งขอบคุณผู้ชม แจกไม้ตีกลอง ขวดน้ำ (แฟนเพลงชาวไทยเรียกกันว่าช่วงพรมน้ำมนต์) ปิ๊กกีตาร์ (และ SUGIZO โดนแฟนเพลงแซวว่าเขาทำ “โฮมรัน” เพราะขว้างได้ไกลที่สุดในวง – ฮา) สมาชิกถ่ายรูปกับแฟนๆ เป็นที่ระลึก พร้อมรับของขวัญจากแฟนเพลง และป้ายไวนิล Bring X-JAPAN TO THAILAND ซึ่งเป็นป้ายที่แฟนพันธุ์แท้ชาวไทยกลุ่มหนึ่งนำไปโชว์ในคอนเสิร์ตของ X-JAPAN ในต่างประเทศ YOSHIKI นำป้ายดังกล่าวมาถ่ายภาพกับสมาชิกและเอาคลุมกลองคริสตัสของเขาไว้ (ตรงนี้น้ำตาผู้เขียนซึมเลย) เป็นการจบการแสดงและสิ้นสุด X-JAPAN World Tour ในค่ำคืนนี้ ที่ประเทศไทย X-JAPAN วงนี้ รับประกันความแรง นอกจากงานเพลงที่โด่งดังแล้ว วีรกรรมของสมาชิกและแฟนคลับก็เป็นตำนานด้วยเช่นกัน 1. ดอนเมืองแตกและ “เธอไม่เคยตาย” การมาเมืองไทยครั้งแรกของ YOSHIKI นั้น แฟนเพลงที่ไปรอรับที่สนามบินเบียดเสียดเพื่อจะได้เจอเขาตัวเป็นๆ จนบอดี้การ์ดและเจ้าหน้าที่ควบคุมสถานการณ์ไม่อยู่ แฟนเพลงจำนวนมาก (มากจน YOSHIKI เองยังตกใจ) บวกกับพลังช้างสารทำให้กระจกสนามบินแตกและข้าวของพังไปตามๆ กัน แต่สมัยนั้นยังไม่มีอินเตอร์เน็ตการรวมตัวจึงไม่ง่ายเท่ากับสมัยนี้ แฟนคลับจึงใช้โทรศัพท์และรายการวิทยุเป็นส่วนใหญ่ เมื่อข่าวการมาเมืองไทยดังไปถึงหูคนทั่วไป และเริ่มทราบกันว่า X-JAPAN เป็นต้นฉบับเพลง “เธอไม่เคยตาย” (จากเพลง Say Anything) แฟนคลับก็ถูกล้อว่า X-JAPAN ไปก๊อปเพลงไทยมา ส่วนแฟนคลับก็เอาคืนแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน เรียกได้ว่าเป็นแฟนพันธุ์โหด เมื่อมาถึงเหตุการณ์ที่ HIDE เสียชีวิตแฟนเพลงกลุ่มนี้ยิ่งถูกจับตามอง เนื่องจากมีเด็กผู้หญิงฆ่าตัวตาย (จริงๆ ก็ด้วยสาเหตุอะไรไม่ทราบ) แต่พอมีโปสเตอร์วงดนตรีญี่ปุ่นก็ถูกสื่อพาดพิงว่าฆ่าตัวตายตาม HIDE ช่วงนั้นเป็นช่วงที่แฟนคลับเดือดปุดๆ ที่สุดเลยทีเดียว 2. วงนี้การันตีว่า DRAMA เมื่อลูกชายเจ้าของร้านกิโมโนหนีออกจากบ้านมาทำวงดนตรีเป็นเด็กหัวดีขั้นเทพแต่เที่ยวก่อเรื่องตั้งแต่เรียนหนังสือหลังจากที่พ่อของตนเองฆ่าตัวตายโดยไม่ทราบสาเหตุ อยู่โตเกียวเล่นเพลงแนว Heavy Metal แต่ไปออกรายการตลกจนถูกพวกวง Metal เกลียดขี้หน้า นักร้องนำลาออกจากวงแล้วไปเข้าลัทธิแต่เมียดันไปเป็นชู้กับเจ้าลัทธิซ้ำยังโดนเมียกับชู้โกงจนโดนฟ้องล้มละลาย รวมวงแล้วแสดงคอนเสิร์ตเกือบปีแต่ยังไม่ได้เงินสักแดงแถมมือเบสโดนต้นสังกัดเล่นงานจนเกือบลาออก คิดถึงเพื่อน อยากพาเพื่อนไปทัวร์คอนเสิร์ตด้วย แต่โดนน้องชายเพื่อนฟ้องค่าลิขสิทธิ์แถมถูกกล่าวหาว่า “หากินกับคนตาย” จะมาเล่นที่ไทยสนามบินก็โดน Hi-Jack เป็นคนที่คอยช่วยอดีตสมาชิกที่ ‘ชีวิตแม่งพัง’ รวมถึงก่อตั้ง YOSHIKI FOUDATION มูลนิธิป้องกันไม่ให้คนฆ่าตัวตายแต่เพื่อนก็ดันมาฆ่าตัวตายเสียเอง ไม่เป็นแฟนวงนี้ไม่รู้หรอกค่ะ ว่ามันอกสั่นขวัญแขวนแค่ไหน ผู้เขียนว่าถ้ามีคนนำไปทำหนัง คงเป็นหนังที่คนดูบ่นว่า “สูเจ้าจะ Drama กันไปถึงไหน” แต่ นี่แหละชีวิตของ YOSHIKI !!! แม้แต่การมาเล่นคอนเสิร์ตครั้งล่าสุด ก็มีการถกเถียงกันในเว็บ PANTIP ตั้งแต่หาว่าแฟนคลับคลั่งไปนอนรอจองบัตรข้ามวันข้ามคืน การมาเล่นคอนเสิร์ตในช่วงน้ำท่วมไม่เหมาะสม และกรณี คุณเบนซ์ พรชิตา ณ สงขลา พูดออกอากาศผ่านรายการครอบครัวข่าว 3 ว่า YOSHIKI เหมือนสาวประเภทสอง ส่วนตัวผู้เขียนเดาได้ทันทีว่าแฟนวงนี้ต้องเดือดดาลกันแน่ๆ และก็เป็นตามคาด โดยส่วนตัวที่เป็นแฟนวงนี้รู้สึกเฉยๆ กับการถูกเปรียบเทียบว่าเหมือนผู้หญิงหรืออะไรเทือกนี้ และเข้าใจว่าน้อยคนที่จะรู้จัก Visual Kei หรือ YOSHIKI แต่พอเห็น YOSHIKI ในสื่อจริงจังมากและตั้งใจมาบริจาคเงินช่วยน้ำท่วมผ่านรายการของตนเองแต่ผู้ดำเนินรายการกลับหัวเราะกันคิกคัก (แม้จะเข้าใจว่าหัวเราะคุณสรยุทธที่ใส่กางเกงขาสั้น) ย่อมรู้สึกไม่พอใจที่ไม่ให้เกียรติศิลปินใจดวงใจ และในฐานะคนที่ดูสื่อ ถึงจะไม่ใช่ศิลปินที่ตัวเองชอบแต่ก็เห็นว่าไม่ควรเช่นกัน การคุยข่าวแม้จะใช้ความบันเทิงหรือบรรยากาศ “เมาธ์มอย” ทำให้น่าติดตาม แต่การไม่ศึกษาข้อมูลเพื่อประกอบการเล่าข่าวซึ่งเป็นคุณสมบัติขั้นต้นของการดำเนินรายการก็ไม่ต่างอะไรกับการนินทาคนออกทีวี ส่วนแฟนเพลงที่เดือดดาลก็พากันไปตอบกระทู้ทั้งแสดงเหตุผลและแสดงอารมณ์ และยังมีพวกไม่ใช่แฟนเพลงแต่ไม่ชอบคุณเบนซ์มาผสมโรงอีก จึงแอบผิดหวังกับแฟนเพลงบางกลุ่มที่โพสต์ข้อความสาดเสียเทเสียลามลามไปจนถึงเรื่องส่วนตัวซึ่งก็โตๆ กันแล้วน่าจะมีวิจารณญาณพอที่จะแยกแยะได้ [4] แต่ประสบการณ์ของแฟนเพลงที่ชื่นชอบสมัยเป็นหนุ่มเป็นสาว รอคอยจะได้เจอศิลปินที่รักจนหลายคนมีลูกมีเมีย/ผัวกันแล้ว ส่วนศิลปินก็พานพบเรื่องราวต่างๆ มากมายจนเปลี่ยนจากเพลงเนื้อหาคร่ำครวญถึงความเศร้ามาเป็นเนื้อหาให้กำลังใจผู้คน ต่างก็ได้เติบโตและเรียนรู้ชีวิตตามทางของตนเอง หากใครมีลูกแล้วลูกอยากไปดูคอนเสิร์ตแบบเดียวกับที่แม่ของ YOSHIKI พาไปดูคอนเสิร์ตของวง KISS ตอนอายุ 10 กว่าขวบจนต่อมาเขากลายเป็น ROCK STAR ชื่อดังนั้น พาไปเถอะค่ะ ถึงเขาไม่ได้เป็น Super Star แต่คงสร้างแรงบันดาลใจแก่เขาไม่น้อยเลยทีเดียว ส่วนคุณผู้ใหญ่ที่อยากไปคอนเสิร์ตก็ไปเถอะค่ะ ถึงมันจะสนุกไม่กี่ชั่วโมง พอออกจากฮอลล์มากลับมาผจญกับปัญหาเหมือนเดิม แต่มนุษย์ก็ต้องหาสิ่งบันเทิงเริงใจบ้างเพื่อจะได้มีแรงสู้กับโลกเบี้ยวๆ ใบนี้ต่อไป และการไปคอนเสิร์ตไม่ใช่การก่ออาชญากรรมค่ะ ถ้าท่านผู้นำคนไหนจะไปคอนเสิร์ตก็อย่าไปว่าเขาเลยนะคะ ขนาดอดีตนายก JUNICHIRO KOIZUMI ของญี่ปุ่นก็ยังเคยไปเย้วๆ ในคอนเสิร์ตของ X-JAPAN เลยค่ะ อร๊างงงงง อ้างอิง: อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ wikipedia.org ในวงการเพลงญี่ปุ่นจะแบ่งลักษณะของวงดนตรีเป็น 2 ประเภท ได้แก่ วงอินดีส์ (Indies) หมายถึงวงดนตรีที่ยังไม่เซนสัญญากับค่ายเพลง มักจะเล่นดนตรีตาม Live House หรือผลิตเพลงขายเอง เป็นที่รู้จักในวงแคบๆ ไม่มีสื่อประชาสัมพันธ์แบบ Mass Media เมื่อมีการทาบทามจากแมวมองหรือผลงานเป็นที่ยอมรับจากค่ายเพลงใหญ่ จะเรียกว่าวงเมเจอร์ (Major) ซึ่งการทำงานจะมีบริษัทหรือค่ายเพลงที่เซนสัญญามามีส่วนในการบริหารจัดการต่างๆ เช่น ลิขสิทธิ์เพลง การออกสื่อต่างๆ การผลิตสินค้าที่เกี่ยวกับวง http://www.xjapan.in.th ปัจจุบันได้เปลี่ยนเป็น http://www.wearex.com/ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในเว็บไซต์ drama-addict.com ที่มาของภาพจาก Facebook ของ BEC-TERO ENTERTAINMENT และ กลุ่ม X-Japan In Thailand @ Facebook

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net