วัฒนธรรมการดูถูก

ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ

ในช่วงชีวิตของเรามักจะได้พบ ได้เห็นหรือได้ยินการ “ดูถูก”กันและกันอยู่เสมอ เช่น ฝรั่งดูถูกคนไทยว่าล้าหลัง ด้อยพัฒนา ไม่มีระเบียบวินัย ฯลฯ พี่ไทยเราก็ดูถูกเพื่อนบ้าน พม่า เขมร ลาว ญวน ไปอีกต่อหนึ่งเป็นทอดๆ หรือไม่ก็คนกรุงเทพฯ ดูถูกคนต่างจังหวัดว่าบ้านนอก เชย ไม่ทันสมัย คนต่างจังหวัดในพื้นราบ ก็ดูถูกคนที่อยู่บนภูเขาไปอีกเป็นทอดๆ ในทางการเมืองคนกรุงเทพฯ ก็ดูถูกคนต่างจังหวัดว่าไม่มีความสำนึกทางการเมือง ถูกจูงจมูก เอาเงินซื้อก็ได้เป็นผู้แทนแล้วฯ ฉะนั้น รัฐบาลที่คนต่างจังหวัดเลือกมาโดยเสียงส่วนใหญ่ก็ย่อมจะต้องถูกดูถูกและจะต้องทำทุกอย่างที่จะให้ล้มคว่ำคะมำหงายให้ได้เป็นธรรมดา ไม่เชื่อลองไปดูในโซเชียลเน็ตเวิร์คดูสิครับ ว่ากันเสียเละตุ้มเป๊ะ ที่ร้ายกว่านั้นบางคนก็ดูถูกสตรีเพศที่เป็นคนเหนือว่าขี้เกียจ ทำเป็นแต่ขายของเก่าที่ติดมากับตัวตั้งแต่กำเนิดกินเท่านั้น ซึ่งก็ไม่รู้ว่านายคนนั้นเอามันสมองส่วนไหนคิดขึ้นมา หรือว่าเขาคิดว่าไม่ได้กำเนิดออกมาจากช่องคลอดของสตรีเพศ แต่เกิดออกมาทวารอื่นที่อยู่ไกล้กันนั้นของบุรุษเพศ จึงได้มีความคิดที่ดูถูกคนอื่นได้อย่างอัปลักษณ์เป็นที่สุด ทั้งๆที่ “ขายหวี ดีกว่าโกงแชร์”อย่างแน่นอน เพราะอย่างน้อยก็ไม่ได้ไปโกหกหลอกลวงใครจนหมดเนื้อหมดตัวเป็นคดีความหนีหัวซุกหัวซุนจนแทบไม่มีแผ่นดินอยู่ ที่แน่ๆ ตอนนี้ก็คือ นายคนนั้นเดินทางไปได้ไม่ครบทุกภาคของประเทศไทยอย่างแน่นอน ผมมักจะถูกถามอยู่เสมอว่าจริงไหมที่คนต่างจังหวัดซื้อเสียงขายเสียงกันง่ายๆ และถูกหลอกอย่างโงหัวไม่ขึ้น ซึ่งผมก็ได้ตอบอยู่เป็นประจำว่าการซื้อเสียงขายเสียงนั้น อย่าว่าแต่ในต่างจังหวัดเลย แม้แต่ในกรุงเทพฯ เองก็มี หรือแม้แต่ในสหรัฐอเมริกาย่านบร็องซ์ก็ยังมีการแจกสตางค์กันเพื่อซื้อเสียงขายเสียงกันอยู่เลย แต่ประเด็นอยู่ที่จริงหรือที่คนไม่เคยทำคุณงามความดีอะไรเลย หิ้วเงินใส่ถุงทะเลมากว้านซื้อเสียงแล้วก็จะได้เป็นผู้แทน หรือคนที่ซื้อเสียงมากกว่าก็จะได้รับการเลือกตั้งเสมอไป ผลการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาก็เป็นบทเรียนให้เจ้าบุญทุ่มทั้งหลายกระอักเลือดมาแล้ว ว่ากันในแง่คุณภาพของผู้แทน จริงหรือที่คุณภาพของผู้แทนคนกรุงเทพมีคุณภาพสูงกว่าต่างจังหวัด ลองดูตัวอย่างผู้แทนที่มีเรื่องกันในสภา ไม่ว่าการกระโดดถีบกัน ชกต่อยกัน ล้วนแล้วแต่เป็น ส.ส.หรือ ส.ว.ของชาวกรุงเทพฯ ทั้งนั้น ที่น่าอับอายที่สุดก็คือถูกประชาชนในเขตเลือกตั้งของตนเองต่อยจนปากฉีกแล้วยังไปแจ้งความเอาเรื่องประชาชนอีกนี้น่าจะเป็นบันทึกสถิติโลกว่ามีที่นี่ที่เดียวเท่านั้น คำกล่าวทางวิชาการทางด้านรัฐศาสตร์ที่เป็นยอมรับกันโดยทั่วไปว่า “ประชาชนเป็นอย่างไร ผู้แทนก็จะเป็นอย่างนั้น” ฉะนั้น ป่วยการที่คนกรุงเทพฯ จะไปดูถูกคนต่างจังหวัด เพราะตราบใดที่เรายังอยู่ในประเทศเดียวกัน ก็ย่อมมีชะตากรรมที่จะต้องเผชิญร่วมกัน เว้นเสียแต่ว่าคนกรุงเทพจะแยกตัวออกไปเป็นรัฐอิสระอีกรัฐหนึ่ง ไม่ยุ่งเกี่ยวกับต่างจังหวัดอีกต่อไป เพราะทุกวันนี้คนกรุงเทพฯ ส่วนหนึ่งคิดว่ากรุงเทพฯ ก็คือประเทศไทยอยู่แล้ว จึงกระทำสิ่งต่างๆ ข้ามหัวข้ามหางชาวต่างจังหวัดอยู่เสมอๆ อันที่จริงแล้วผมยังสงสัยอยู่ว่าเหตุใดจึงเรียกคนจังหวัดอื่นที่มิใช่คนกรุงเทพฯ ว่าเป็น “คนต่างจังหวัด”แทนที่จะเรียกว่า “คนจังหวัดอื่น” หรือเรียกว่าคนจังหวัดนั้นจังหวัดนี้ เพราะอันที่จริงคนกรุงเทพฯ ก็เป็นคนต่างจังหวัดของคนเชียงใหม่เหมือนกัน คนเชียงใหม่จึงควรเรียกคนกรุงเทพฯ ว่าเป็นคนต่างจังหวัดเช่นกันจึงจะถูกต้อง เพราะคนกรุงเทพฯ ก็ไม่ควรจะมีอภิสิทธิ์ใดเหนือคนจังหวัดอื่นเช่นกัน ซึ่งยังไม่นับเรื่องน้ำท่วมนะครับ ลองไปถามคนแถวอยุธยา ปทุมธานี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ว่าเขาคิดอย่างไรในการปกป้องกรุงเทพฯ จนเขาเสียหายอย่างยับเยินเหลือคณานับ ผมยังสงสัยต่อไปอีกว่าคำว่า “คนกรุงเทพฯ” นั้นนิยามศัพท์ที่แท้จริงนั้นคือ อะไร เกิดในกรุงเทพฯ/ มีสำเนาทะเบียนบ้านอยู่ในกรุงเทพฯ /เสียภาษีให้ในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ /บรรพบุรุษต้นตระกูลเป็นคนกรุงเทพดั้งเดิมบริสุทธิ์ไม่มีเจือปนคนที่อื่นเลย ฯลฯ ซึ่งก็ให้เป็นที่สงสัยอยู่ แต่ที่คนจังหวัดอื่นนิยาม “คนกรุงเทพฯ” ไว้ก็คือ เวลาเห็นรถคันใดในจังหวัดอื่นขับปาดหน้าปาดหลังเป็น “ลูกอีช่างปาด” แซงซ้ายแซงขวา ทิ่มรถออกขวางถนนเวลาออกจากซอยจนถูกชนอยู่เสมอๆ นั้นแหละคือคนกรุงเทพฯ ในสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ถ้าเห็นนักท่องเที่ยวกลุ่มใดที่ส่งเสียงดัง ไม่รู้จักเกรงใจผู้คนหรือสถานที่ กินทิ้งกินขว้าง อวดร่ำอวดรวย อวดรถออฟโรดที่นานๆ ได้ขับไปจังหวัดอื่นเสียที นั่นแหละคนกรุงเทพฯ อีกเช่นกันเวลาไปตามสถานที่ต่างๆ เห็นผู้คนในชนบทที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย อ้อยอิ่ง ขี่รถยนต์ที่ประยุกต์มาจากเครื่องสูบน้ำก็พากันหัวเราะอย่างขบขัน นั่นแหละคนกรุงเทพฯ นอกจากนั้นเวลาไปซื้อข้าวของต่างๆ ในจังหวัดอื่น เมื่อเห็นราคาแล้ว แทนที่จะซื้อไว้ตามความจำเป็นหรือที่จะต้องเอาไปเป็นของฝาก ก็เหมาๆๆๆ หมด นั่นแหละคนกรุงเทพฯ และก็เช่นกันนอกจากประเด็นที่ว่าใครคือคนกรุงเทพฯ แล้ว อีกประเด็นหนึ่งที่ค้างคาใจผมก็คือ “คนไทยหรือเปล่า” ซึ่งก็ยังอยากจะถามอีกเช่นเดียวกันว่าการคนดูถูกคนที่คิดไม่เหมือนตนเองนั้นว่า “คนไทยหรือเปล่า” นั้น ผมก็อยากจะถามกลับไปอีกเช่นกันว่าคนไทยแท้ๆ นั้นเดี๋ยวนี้หาได้ที่ไหน ถ้าไม่มีเชื้อสายจีนก็แขก ไม่แขกก็มอญ ไม่มอญก็ญวน ไม่ญวนก็ลาว เขมร ฝรั่ง มลายู ฯลฯ อย่างละนิด อย่างละหน่อย ลองสืบสาแหรกของแต่ละคนที่ออกมาถาม “คนไทยหรือเปล่า” นั้นดูราวกับว่ามีเลือดไทยแท้บริสุทธิ์ร้อยเปอร์เซ็นต์เสียกระนั้น เพราะขนาดพระเจ้าตากสินมหาราชยังมีเชื้อสายจีน ตระกูลดังๆ ของ ขุนนางไทยบางตระกูลก็มีเชื้อสายมาจากแขกเปอร์เซียเสียด้วยซ้ำ คงเป็นการยากที่จะทำให้คนเลิกดูถูกซึ่งกันและกัน เพราะมันฝังไปในจิตสำนึกดั้งเดิม เมื่อประกอบเข้ากับการอบรมสั่งสอนกล่อมเกลาของบุพการีของตนจนเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้คือ “วัฒนธรรม”ของกลุ่มชนของตนเองที่จะต้องเหนือคนอื่น คนทีทำอะไรไม่เหมือนเรา คิดไม่เหมือนเรานั้นด้อยกว่าเรา แต่ก็น่าแปลก ทีฝรั่งมังค่าใส่กางเกงขาสั้นเดินเข้าออกสถานที่สำคัญต่างๆกลับทำเฉย มองเห็นว่าฝรั่งนั้นทำตัวง่ายๆดี (ฉะนั้น จึงไม่แปลกที่จะเห็นคนกรุงเทพฯทั้งหลายเดินทางไปยังจังหวัดอื่นด้วยกางเกงขาสั้นเช่นกัน) แต่พอลุงมี ลุงมา ตาสี ตาสา ซึ่งตนเองคิดว่าด้อยกว่าตนเอง ใส่ขาสั้นเหมือนกันกลับบอกว่าไม่สุภาพ ห้ามเข้าไปเสียอย่างนั้น เอ๊ะ ว่าแต่ว่าท่านที่อ่านๆ บทความอยู่นี่เป็นคนที่ไหนกันและเป็นคนไทยหรือเปล่าครับ ----------------------------- หมายเหตุ เผยแพร่ครั้งแรกในกรุงเทพธุรกิจฉบับประจำวันพุธที่ 16 พฤศจิกายน 2554

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท