Skip to main content
sharethis

เดอะการ์เดียนรายงานว่า คณะที่ปรึกษาด้านความมั่นคงทางชีวภาพแห่งชาติของสหรัฐฯ (NSABB) ได้เรียกร้องให้บรรณาธิการวารสารวิทยาศาสตร์ระงับข้อมูลเรื่องไข้หวัด H5N1 บางส่วนเนื่องจากเกรงว่าจะถูกผู้ก่อการร้ายนำไปใช้เป็นอาวุธชีวภาพ ด้านนักวิทยาศาสตร์บางส่วนมองว่าการระงับข้อมูลนี้เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนา วัคซีนและยารักษา 21 ธ.ค.2554 - นักวิทยาศาสตร์เตือนว่า การที่รัฐบาลสหรัฐฯ พยายามจำกัดการเผยแพร่เอกสารที่พูดถึงอันตรายของไข้หวัดนกสายพันธุ์ใหม่นั้นจะเป็นอุปสรรคต่อการคิดค้นวัคซีนเพื่อต่อสู้กับโรคนี้ ฝ่ายเฝ้าระวังด้านความปลอดภัยทางชีวภาพของสหรัฐฯ ได้เรียกร้องให้วารสารวิทยาศาสตร์ชั้นนำของสหรัฐฯ 2 ฉบับ คือ วารสาร Science และวารสาร Nature ถอด 'ข้อมูลที่มีความอ่อนไหว' ออกจากเอกสารงานวิจัย เนื่องจากเกรงว่างานวิจัยชิ้นนี้อาจจะถูก 'ผู้ก่อการร้ายด้วยอาวุธชีวภาพ' นำไปใช้ในทางที่ผิด แต่กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ที่ร่วมวิจัยก็ได้เปิดแถลงข่าวการประชุมหารือกันในกรณีนี้ตั้งแต่เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ทำให้ผู้เชี่ยวชาญบางคนสงสัยว่าการแก้ไขตัวเอกสารงานวิจัยชิ้นนี้จะส่งผลสะเทือนอย่างมากจริงหรือไม่ \เราเข้าใจว่าเรื่องนี้น่าเป็นห่วง แต่การปิดกั้นการเผยแพร่ข้อมูลในตอนนี้มันก็เหมือน 'วัวหายล้อมคอก' \" จอห์น วูด อดีตนักไวรัสวิทยาจากสถาบันควบคุมมาตรฐานเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติของอังกฤษกล่าวและว่า \"มันไม่ทำให้เกิดการพัฒนา\" คณะที่ปรึกษาด้านความมั่นคงทางชีวภาพแห่งชาติของสหรัฐฯ (NSABB) ได้ติดต่อบรรณาธิการของวารสารหลังจากพิจารณาเอกสารงานวิจัยสองชิ้นจาก รอน โฟวเชียร์ จากศูนย์การแพทย์อิราสมุสในร็อทเทอดัม และโยชิฮิโร คาวาโอกะ จากมหาวิทยาลัยวิสคอนซิล เมืองเมดิสัน เอกสารงานวิจัยเปิดเผยผลการทดลองคุณลักษณะของหวัดนก H5N1 ซึ่งบอกว่าแม้มันจะไม่ได้ติดต่อจากมนุษย์ไปสู่มนุษย์อีกคนได้โดยง่าย แต่ก็มีการผ่าเหล่าทางพันธุกรรมเพื่อทำให้มันติดต่อได้ง่ายขึ้น แม้ว่าการแพร่กระจายของหวัดนกจะคร่าชีวิตคนที่ติดเชื้อไปจำนวนมาก แต่คนมักจะติดเชื้อจากไวรัสโดยตรงจากสัตว์จำพวกนกมากกว่า ตั้งแต่ไวรัสตัวนี้เป็นที่รู้จักกันนักวิทยาศาสตร์ก็พยายามค้นหาว่าเหตุใดไวรัสตัวนี้ถึงผ่าเหล่าและกลายเป็นสายพันธุ์ที่สามารถติดต่อผ่านคนต่อคนได้อย่างรวดเร็ว สายพันธุ์ที่ผ่าเหล่าพวกนี้ถูกนำมาใช้ศึกษาวิจัยเพื่อสร้างยารักษาและวัคซีน แต่หากเชื้อนี้ถูกแพร่ออกมาจากห้องแล็บของมหาวิทยาลัยที่มีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดแล้ว ก็สามารถทำให้เกิดการระบาดหนักทั่วโลกได้ เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ดร.โฟวเชียร์ บอกกับนักข่าวจากวารสาร Science ว่าสายพันธุ์ของหวัดนกที่ทีมของเขาสร้างขึ้นน่าจะเป็น \"ไวรัสสายพันธุ์ที่อันตรายที่สุด\" เท่าที่สร้างขึ้นมาได้ โดยในวารสารดังกล่าวยังได้เผยแพร่คำพูดของพอล เคียม ประธาน NSABB ผู้ที่มีชื่อเสียงจากการทำงานกรณีเชื้อแอนแทรกซ์มาก่อน เขาบอกว่า \"ผมไม่อาจนึกถึงเชื้อโรคตัวไหนที่น่ากลัวเท่านี้มาก่อน ผมว่าแอนแทรกซ์ไม่ได้น่ากลัวอะไรเมื่อเทียบกับเชื้อนี้\" ทาง NSABB ยังได้เรียกร้องให้บรรณาธิการของวารสารลบข้อความส่วนหนึ่งออกจากบทความที่กล่าวถึงวิธีการทำการทดลอง รวมถึงเนื้อหาอื่นๆ ที่กลุ่มก่อการร้ายอาจนำไปใช้ในการปล่อยเชื้อสายพันธุ์อันตราย ซึ่งทางกระทรวงสาธารณสุขของสหรัฐฯ ก็สนับสนุนการควบคุมข้อมูลนี้ ในตอนนี้ทางวารสารกำลังทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลสหรัฐฯ ในการตีพิมพ์เอกสารฉบับที่ถูกแก้ไขแล้ว แต่สำหรับผู้ที่เป็นนักวิจัยในเรื่องนี้จริงๆ จะยังคงสามารถเข้าถึงข้อมูลวิธีการปฏิบัติและข้อมูลอื่นๆ ที่ถูกถอดออกไปได้ เอกสารฉบับดังกล่าวมีกำหนดเผยแพร่ในอีก 1 เดือนข้างหน้า ริชาร์ด อีไบร์ท ศาตราจารย์ด้านชีววิทยาโมเลกุลจากมหาวิทยาลัยรัทเจอส์ นิว เจอร์ซี กล่าวว่า แผนการเผยแพร่เอกสารฉบับที่แก้ไขแล้วนั้นไม่ได้ทำให้เกิดผลใดๆ เลยในเชิงปฏิบัติ เนื่องจากข้อมูลที่ถูกตัดออกได้ถูกนำเสนอในที่ประชุม และเป็นที่รับรู้กันในหมู่เจ้าหน้าที่ด้านวารสารและนักวิทยาศาสตร์ที่ร่วมพิจารณาเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้แล้วทั้งเจ้าหน้าที่ของ NSABB และเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ หลายสิบคน ยังได้เห็นเอกสารฉบับเต็มนี้แล้ว รวมถึงข้อมูลสำคัญในเอกสารนั้นยังได้เผยแพร่ไปในสื่อวิทยาศาสตร์และสื่อกระแสหลักแล้วด้วย \"การตีพิมพ์บทความใหม่ไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่ามาตรการประชาสัมพันธ์ 'การตกแต่งหน้าร้าน' การมีเจตนาที่จะทำให้คนรู้ว่าเราได้เผยแพร่ข้อมูลนี้แล้ว และเพื่อทำให้เกิดปฏิกิริยาในแง่ลบจากประชาชนให้น้อยที่สุด รวมถึงเป็นการเบี่ยงเบนความสนใจจากการควบคุมข้อมูลอย่างจริงจังด้วย\" อีไบร์ทกล่าว เวนดี้ บาร์เคลย์ หัวหน้าหน่วยงานไวรัสวิทยาไข้หวัดใหญ่จากวิทยาลัยอิมพีเรียล ลอนดอน กล่าวว่า ข้อมูลการผ่าเหล่าของหวัดนกที่ระบุในเอกสารไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลยสำหรับคนที่มีความรู้โดยทั่วไปในเรื่องไวรัสไข้หวัดใหญ่ และสงสัยว่าทำไมจึงต้องมีการจำกัดการเข้าถึงข้อมูลของเอกสารงานวิจัยฉบับเต็ม \"ฉันไม่เชื่อเลยว่าการระงับการเผยแพร่ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์การนำข้อมูลไปใช้ในทางที่ผิด ซึ่งมีโอกาสเกิดน้อยมาก แต่ฉันกำลังกังวลว่าการกระทำเช่นนี้อาจทำให้พัฒนาการในการควบคุมโรคติดต่อของพวกเราหยุดชะงัก\" เวนดี้กล่าว \"ข้อมูลทางเทคนิคของการทดลองเป็นเรื่องสำคัญที่จะเผยแพร่กับผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆ ในสายวิชา ดังนั้น ความตื่นตาตื่นใจของการค้นพบและผลของข้อมูลควรเข้าถึงได้อย่างแท้จริง และข้อมูลใหม่นี้ถึงจะสามารถนำไปปฏิบัติใช้จริงต่อไปได้\" เวนดี้กล่าว ที่มา US government urges scientists to censor findings on new strain of bird flu

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net