Skip to main content
sharethis

24 ม.ค.55 ห้องพิจารณาคดี 801 ศาลอาญา ถนนรัชดา ศาลนัดสืบพยานโจทก์คดีหมายเลขดำที่ อ.1620/2554 ที่พนักงานอัยการ ฝ่ายคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ฟ้องนายสุรชัย แซ่ด่าน หรือด่านวัฒนานุสรณ์ เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น แสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ฯ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 จำเลยได้กลับคำให้การที่ปฏิเสธในชั้นสอบสวน เป็นรับสารภาพ ศาลนัดฟังคำพิพากษาวันที่ 28 ก.พ.55 โดยมีคำสั่งให้พนักงานคุมประพฤติไปสืบเสาะประวัติของจำเลยเพื่อนำมาประกอบ การพิจารณาภายใน 30 วัน

นายคารม พลพรกลาง ทนายความของนายสุรชัย ให้สัมภาษณ์ว่า คดีนี้เหตุเกิดในงานสัมมนาที่อิมพีเรียล ลาดพร้าว ท้องที่ สน.โชคชัย ขณะที่ยังมีอีกคดีหนึ่งที่ศาลรับฟ้องแล้วคือคดีที่ดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ศาลออนุญาตตามที่จำเลยร้องขอให้หยิบคดีหลังซึ่งนัดตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 30 ม.ค.55 นี้มาพิจารณาโดยผู้พิพากษาคณะเดียวกันเลยในวันนี้ เนื่องจากจำเลยจะรับสารภาพทั้งหมด ดังนั้น ในวันที่ 28 ก.พ.นี้จะมีการพิพากษาทั้งสองคดี

ทั้งนี้ เว็บไซต์ศาลอาญาระบุคำฟ้องของโจทก์ในคดีหมายเลขดำที่ อ.1620/2554 ว่า “เมื่อวันที่  18 ธันวาคม  พ.ศ.2553  เวลาประมาณ 1830 นาฬิกา  ถึงเวลากลางคืนหลังเที่ยงต่อเนื่องกัน  จำเลยพูดกล่าวข้อความ  ใส่ความ  อันเป็นการหมิ่นประมาท  ดูหมิ่น  และแสดงความอาฆาตมาตร้าย  พระมหากษัตริย์  พระราชินี  รัชทายาท  ต่อประชาชนผู้มาฟังการชุมนุมปราศรัย  “เสวนาตาสว่างกว่าเดิม ครั้งที่ 2  โดย 4 ส.”  ว่ามีส่วนบงการหรืออยู่เบื้องหลังทางการเมือง  และเป็นเหตุให้เกิดวิกฤติการณ์ทางการเมืองอย่างรุนแรง โดยจำเลยมีเจตนาที่จะทำให้ประชาชนทั่วไปเสื่อมศรัทธา  ไม่เคารพต่อสถาบันพระมหากษัตริย์  เหตุเกิดที่  แขวงคลองเจ้าคุณสิงห์  เขตวังทองหลาง  กรุงเทพมหานคร และทั่วราชอาณาจักรเกี่ยวพันกัน ขอให้ลงโทษตาม   ประมวลกฎหมายอาญา  มาตรา  112”

ส่วนคดีที่ดอยสะเก็ดนั้น คือคดีหมายเลขดำที่ อ.3187/2554 ระบุว่า “วันที่ 11 กันยายน 2553 เวลากลางคืนหลังเที่ยง  จำเลยได้หมิ่นประมาท ดูหมิ่น  แสดงความอาฆาตมาดร้าย  ต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ด้วยการพูดปราศรัยต่อประชาชน ณ เวทีปราศรัยชั่วคราว  บริเวณสนามกีฬาเทศบาลตำบลดอยสระเก็ด ต.เชิงดอย  อ.ดอยสะเก็ด  จ.เชียงใหม่ เหตุเกิดที่ ต.เชิงดอย  อ.ดอยสะเก็ด  จ.เชียงใหม่  ขอให้ลงโทษตาม  ประมวลกฎหมายอาญา  มาตรา 112”

นางปราณี ด่านวัฒนานุสรณ์ ภรรยานายสุรชัย กล่าวว่า ทราบว่ายังมีคดีอยู่ในชั้นพนักงานสอบสวนอีกอย่างน้อย 2 คดี ซึ่งที่ผ่านมาตนเองได้เรียกร้องไปยังคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความ จริงเพื่อความปรองดอง (คอป.)  ให้ประสานกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ให้รวมคดีทั้งหมด เพื่อให้คดีสิ้นสุดโดยเร็ว ไม่เช่นนั้นก็จะทยอยฟ้องต่อไปได้เรื่อยๆ แม้ว่าจะรับสารภาพไปแล้ว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net