Skip to main content
sharethis

ยงยุทธย้ำไม่แตะ ม.112 ไม่ควรวิจารณ์เรื่องดังกล่าวเพราะไม่เหมาะสม ผบ.ทบ.อยากเว้นวรรคงดพูดแก้มาตรา112 กระตุกรัฐบาลช่วยดู DSI ระบุหากผู้เกี่ยวข้อง ศอฉ.ไม่ชี้แจงแผนผังล้มเจ้า อาจสั่งไม่ฟ้องคดี 26 ม.ค. 55 - ASTV ผู้จัดการออนไลน์รายงานว่านายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงจุดยืนของรัฐบาลในการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า เรื่องนี้พรรคเพื่อไทยมีมติชัดเจนว่าจะต้องให้มีการตั้ง ส.ส.ร.ขึ้นมายกร่างรัฐธรรมนูญ ขณะเดียวกันก็ไม่ได้ทิ้งแนวคิดของนายอุกฤษ มงคลนาวิน ซึ่งแล้วแต่ว่าส.ส.ร.จะพิจารณากันอย่างไร ส่วนมีเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาโยงกับข้อเสนอของกลุ่มนิติราษฎร์ โดยเฉพาะป.วิอาญา มาตรา 112 และมีกระแสออกมาคัดค้านกันมาก ทำให้มองเหมือนว่าพรรคไปสะกิดให้เครือข่ายของตัวเองออกมาเสนออะไรที่จะยิ่งเป็นการสร้างปัญหานั้น นายยงยุทธ กล่าวว่า ตนได้พูดตั้งแต่ยังเป็นฝ่ายค้านในเรื่องของความจงรักภักดีที่ไม่ได้เป็นเรื่องของผู้หนึ่ง ผู้ใด แต่เป็นเรื่องของทุกคนที่เป็นคนไทย ซึ่งพรรคเพื่อไทยทั้งหมดก็มีความเห็นตรงกันอยู่แล้ว สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่อยู่เหนือเกล้า เหนือกระหม่อม อย่าเอามาวิจารณ์ เป็นสิ่งที่อยู่ในที่สูง “แต่สำหรับใครก็ตามที่มีความเห็นส่วนตัว ก็เป็นเรื่องของแต่ละคนที่ต้องรับผิดชอบเอง ผมก็พูดได้เฉพาะในนามของพรรค แต่ไม่สามารถพูดในนามของกลุ่มอื่นๆ ที่ไม่ใช่สมาชิกของพรรค และไม่ใช่ว่าเราจะมีนโยบายหรือไม่มีนโยบายที่จะไปแก้กฎหมายอาญามาตรา 112 แต่เรื่องนี้ไม่อยู่ในศีรษะเลย” นายยงยุทธ กล่าว ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลจะดำเนินการอย่างไรกับกลุ่มที่เคลื่อนไหวตรงนี้อย่างไร รองนายกฯ กล่าวว่า เขามีกฎหมายที่จะดำเนินการอยู่แล้ว ใครทำผิดกฎหมายอาญามาตรา 112 ก็ต้องรับผิดชอบตัวเองไป และที่ผ่านมาก็มีการลงโทษอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว ทั้งนี้คนที่ตัดสินก็คือประชาชนและสื่อซึ่งประชาชนจะได้เข้าใจ แต่ส่วนตัวมั่นใจว่าประชาชนทั่วไปในประเทศไทยไม่มีเรื่องพวกนี้อยู่ในศีรษะอยู่แล้ว แต่เป็นเรื่องส่วนบุคคลบางคน ผบ.ทบ.อยากเว้นวรรคงดพูดแก้มาตรา112 กระตุกรัฐบาลช่วยดู ด้านสำนักข่าวทีนิวส์รายงานว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวกรณีคลังแสงกรมสรรพาวุธทหารบก จังหวัดนครสวรรค์ระเบิดและเกิดไฟลุกไหม้วานนี้ว่า ได้สั่งกำชับคลังแสงของกองทัพให้มีความระมัดระวัง ขณะนี้ไม่น่าไม่เป็นห่วงแล้ว ส่วนเหตุที่เกิดขึ้นก็จะมีการตั้งกรรมการขึ้นมาตรวจสอบอีกครั้ง ส่วนเหตุที่จังหวัดศรีสะเกษบริเวณปราสาทตาควายนั้น ได้สั่งให้ลงโทษทหารที่ทำปืนลั่นจนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บแล้วเพราะถือว่าเป็นการประมาท ยืนยันไม่มีการปะทะกับทหารกัมพูชา ทั้งนี้ผู้บัญชาการทหารบก ยังกล่าวถึงการแก้ไขกฏหมายมาตรา 112 รวมทั้งมาตรา8 ที่เกี่ยวข้องกับสถาบันว่า ต่อไปนี้ตนจะไม่พูดถึงเรื่องนี้แล้ว แต่จะให้รัฐบาลเป็นผู้ออกมาพูดชี้แจงและดำเนินการเกี่ยวกับการแก้ไขกฏหมายซึ่งจะต้องว่าไปตามขั้นตอนกฏหมาย นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงกรณี พ.ต.ปิยะณัฐ เจตน์จำรัส นายทหารสังกัดหน่วยทหารช่าง กองทัพภาคที่ 3ที่มีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องกับแก๊งค้ายาเสพติดว่า ขณะนี้ได้ตั้งกรรมการขึ้นมาสอบแล้ว ส่วนทางเจ้าหน้าที่จะดำเนินการเรียกไปสอบสวนนั้น ก็สามารถนำตัวไปสอบตรวจได้เลย ทางกองทัพจะไม่ปกป้องผู้กระทำผิด ดีเอสไอขู่ช่างภาพทีวีแดง โทษคุก 15 ปี-หมิ่นสถาบัน ด้านเว็บไซต์บ้านเมืองรายงานว่า พ.ต.อ.ญาณพล ยั่งยืน รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงกรณีช่างภาพสถานีโทรทัศน์เอเชียอัพเดท ที่ใช้ชื่อล็อกอินว่า Tanan Maneewong โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊คในลักษณะจาบจ้วงสถาบันว่า ขอให้ผู้ที่มีข้อมูลหรือบุคคลใกล้ชิดที่มีหลักฐาน ที่ถ่ายภาพ หรือทำสำเนาข้อความดังกล่าวเก็บไว้นำมามอบให้ดีเอสไอเพื่อทำการตรวจสอบ และส่งให้ตำรวจกองบัญชาการตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ซึ่งเรื่องดังกล่าวเป็นหน้าที่ของสื่อมวลชนที่จะต้องช่วยกันสอดส่องและควบคุมกันเองด้วย เนื่องจากส่งผลกระทบต่อภาพรวมของสื่อมวลชนทั้งหมด สำหรับการเอาผิดกับผู้โพสต์ข้อความที่ผ่านมาพบว่า คนกลุ่มนี้มักจะแก้ตัวว่าถูกแฮ็กข้อมูล ซึ่งดีเอสไอมีวิธีการตรวจสอบข้อมูลว่าถูกแฮ็กจริงหรือไม่ เช่น การตรวจสอบข้อความการสนทนา การติดต่อพูดคุยกับเพื่อนทางระบบโซเชียลมีเดียทั้งก่อนและหลัง หากอ้างว่าถูกแฮ็กแล้วยังมีการโพสต์ข้อความตอบโต้กัน ก็แสดงว่าเจ้าของล็อกอินไม่ได้ถูกแฮ็ก การกระทำดังกล่าวถือเป็นการกระทำความผิดที่เข้าข่ายผิดกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มีโทษจำคุกระหว่าง 3-15 ปี จึงอยากขอร้องให้ประชาชนที่พบเห็นสิ่งผิดปกติทางระบบโซเชียลมีเดียช่วยกันปกป้องพระเกียรติยศของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพราะบุคคลที่โพสต์ข้อมูลอันไม่เหมาะสมแม้จะมีจำนวนมามากแต่จะใช้วิธีปลอมตัวหลายคน แต่หวังผลให้เกิดการสั่นสะเทือนในวงกว้าง ถือเป็นวิธีที่ลงทุนน้อยแต่ได้ผลแรง อยากให้คนที่กระทำผิดในลักษณะนี้ย้อนมองตัวเองว่า ได้ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์เท่าเศษเสี้ยวของพลเมืองที่ดีของประเทศหรือไม่ ถ้าทำให้ได้สักเศษเสี้ยวแล้วค่อยวิจารณ์ DSI ระบุหากผู้เกี่ยวข้อง ศอฉ.ไม่ชี้แจงแผนผังล้มเจ้า อาจสั่งไม่ฟ้องคดี คมชัดลึกรายงานว่าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ เมื่อวันที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2555 พ.ต.อ.ประเวศน์ มูลประมุข รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งรัฐหรือคดีล้มเจ้าตามผังศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ( ศอฉ.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะพนักงานสอบสวนว่า จะทำหนังสือถึงนายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เพื่อให้ชี้แจงที่มาและโครงสร้างของหน่วยข่าวที่ร่วมกันจัดทำแผนผังล้มเจ้า เนื่องจากนายถวิลยังไม่แจ้งกลับมายังพนักงานสอบสวนว่าจะให้สอบปากคำบุคคลใดบ้าง ทั้งนี้หากนายถวิลในฐานะเลขาศอฉ.ไม่สามารถชี้แจงที่มาของแผนผังล้มเจ้าได้ ดีเอสไอจำเป็นต้องเชิญนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผอ.ศอฉ.เข้าชี้แจงว่าแผนผังดังกล่าวจัดทำขึ้นจากหลักฐานใดบ้าง การเชื่อมโยงถึงตัวบุคคลในผังมีหลักฐานความผิดอย่างไร และกระทำผิดในเหตุการณ์ใด เนื่องจากบางรายชื่อในผังยังไม่มีการกระทำความผิด ทั้งนี้หากนายสุเทพและนายถวิลยังไม่สามารถชี้แจงได้พนักงานสอบสวนอาจพิจารณายกฟ้องคดีดังกล่าว เนื่องจากไม่มีพยานหลักฐานระบุความผิดของบุคคลที่มีรายชื่อตามแผนผังทั้ง 39 คนได้ “การที่นายถวิลระบุว่าผังล้มเจ้าทั้ง 39 รายชื่อ มีบางคนไม่ได้กระทำความผิด ถือว่าขัดแย้งกับคดี เพราะศอฉ.กล่าวโทษทั้งหมดในผัง แต่ที่ผ่านมาพยานฝ่ายทหารที่เข้าให้การระบุตรงกันว่ามีบางคนไม่ได้กระทำความผิด ดังนั้นจึงต้องนำหลักฐานมาพิสูจน์ให้ชัดเจน คดีนี้ยืดเยื้อมาเกือบ 2 ปี ถือว่านานพอสมควรจึงต้องเร่งดำเนินการให้เสร็จสิ้น”พ.ต.อ.ประเวศน์กล่าว พ.ต.อ.ประเวศ ยังกล่าวว่า ในวันที่ 25 ม.ค.นี้จะมีการประชุมกับพนักงานอัยการฝ่ายคดีต่างประเทศและเจ้าหน้าที่จากกรมการกงสุลเพื่อขออนุมัติวีซ่าเดินทางไปสหรัฐอเมริกาเพื่อไปสอบปากคำพยานคดีความผิดในมาตรา 112 ในส่วนที่มีการกระทำความผิดในต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้คดีเกี่ยวเนื่องเกี่ยวพันกับคดีล้มเจ้าจำนวนกว่า 30 คดี ได้ทยอยสั่งฟ้องอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้สั่งฟ้องนายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ หรือสุรชัย แซ่ด่าน ไปอีก 1 คดี และสั่งไม่ฟ้องคดีวิทยุชุมชน 10 สำนวน ส่วนที่ยังค้างการพิจารณาส่วนใหญ่เป็นคดีความผิดในต่างประเทศ ซึ่งไม่ได้รับความร่วมมือในการสอบสอน เนื่องจากไม่มีฐานความผิดดังกล่าวในกฎหมายต่างประเทศ ทีมสอบสวนคดีผังล้มเจ้า มีมติเชิญ\สุเทพ\"ในฐานะ ผอ.ศอฉ.แจงที่มา มติชนออนไลน์รายงานเมื่อวันที่ 24 ม.ค. 55 ว่านายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า ในวันที่ 24 มกราคม พ.ต.อ.ประเวศ มูลประมุข รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะประธานชุดสอบสวนคดีผังล้มเจ้าของ ศอฉ. ได้มีมติในที่ประชุมว่า ให้เชิญบุคคลอื่น นอกเหนือจากนายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการ สมช. ที่มาชี้แจงไปแล้วเพิ่มเติมจำนวนหลายคน โดยหนึ่งในนั้นมีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.ศอฉ.รวมอยู่ด้วย โดยขั้นตอนต่อไปดีเอสไอจะส่งหนังสือไปยังอัยการ เพื่อลงนามให้ความเห็นชอบ ก่อนจะกำหนดวันและเวลาที่จะเชิญนายสุเทพมาชี้แจง โดยคาดว่าในวันที่ 25 มกราคมนี้ จะนำหนังสือและมติของดีเอสไอไปให้อัยการพิจารณา ที่มาข่าวเรียบเรียงจาก: ASTV ผู้จัดการออนไลน์

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net