Skip to main content
sharethis

แม่ทัพภาคที่ 4 ขอโทษ ทหารพรานยิงชาวบ้าน สาหัส-สภาพนายมะรูดิง แวกาจิ หนึ่งในผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ที่กำลังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลปัตตานี เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 31 มกราคม 2555 ที่โรงแรมซีเอส ปัตตานี พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัช แม่ทัพภาคที่ 4 ได้นำคณะกรรมการตรวจสอบกรณีชาวบ้านถูกยิงตาย 4 ศพ ที่บ้านกะหยี ตำบลลิปะสาโง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี ประกอบด้วย ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง มาประชุมร่วมกับผู้เสียหายบางคน ญาติผู้เสียหาย และผู้อยู่ในเหตุการณ์ พล.ท.อุดมชัย ได้นำเจ้าหน้าที่ทหารพรานจากฐานทหารพรานที่ 4302 บ้านน้ำดำ ตำบลปุโล๊ะปุโย อำเภอหนองจิก 5 นาย พร้อมนายยา ดือราแม คนขับรถคันเกิดเหตุ ซึ่งได้รับบาดเจ็บ มาเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนเกิดเหตุ บรรยากาศการพูดคุยเต็มไปด้วยความตึงเครียด ขณะที่พล.ท.อุดมชัย ได้ขอโทษชาวบ้านต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยอมรับที่จะให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างเต็มที่ ไม่ว่าผลการสอบสวนจะออกมาแบบใดก็ตาม ตนจะให้ความเป็นธรรมและยุติธรรมกับทั้งสองฝ่าย การนัดให้พบกันครั้งนี้ เพราะต้องการให้ทั้งสองฝ่ายเกิดความเข้าใจกันต่อกัน พล.ท.อุดมชัย เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า ทั้งสองฝ่ายให้ข้อมูลตรงกันบางส่วนคือ เจ้าหน้าที่ทหารพรานให้ข้อมูลว่า เวลาประมาณ 20.05 น.วันที่ 29 มกราคม 2555 มีคนร้ายโยนระเบิด M 79 ลงที่ฐานบ้านน้ำดำ 3 นัด แต่ระเบิดทำงานเพียง 1 ลูก ขณะที่ฝ่ายชาวบ้านเล่าว่าได้ยินเสียงระเบิด 1 ครั้ง ขณะที่การให้ข้อมูลในที่เกิดเหตุยิงชาวบ้านเสียชีวิต ของทั้งสองฝ่ายไม่ตรงกัน โดยฝ่ายทหารพรานเล่าว่า เจอรถยนต์ชาวบ้านแล่นผ่านจุดเกิดเหตุ จึงบอกให้หยุด แต่คนขับกลับใส่เกียร์ถอยหลัง จากนั้นมีคนลงจากรถ พร้อมกับมีเสียงปืนดังขึ้น เป็นเหตุให้เกิดการปะทะกัน “ส่วนชาวบ้านเล่าว่า กำลังเดินทางไปละหมาดคนตาย โดยเลี่ยงไปใช้เส้นทางที่ไม่ผ่านฐานบ้านน้ำดำ แต่กลับมาเจอทหารพรานชุดดังกล่าวเรียกให้หยุด จึงหยุดรถ จากนั้นมีผู้ใช้ปืนยิงใส่ชาวบ้านที่มากับรถ ขณะที่ตำรวจระบุว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่า มีเหตุปะทะกัน มีคนตาย คนบาดเจ็บ และเจออาวุธปืน” พล.ท.อุดมชัย กล่าว พล.ท.อุดมชัย เปิดเผยอีกว่า หลังรับฟังข้อมูล กลุ่มชาวบ้านและญาติผู้เสียชีวิตได้ยื่นข้อเสนอ 3 ข้อ 1.ให้สับเปลี่ยนทหารพรานชุดดังกล่าวออกนอกพื้นที่ 2.แต่งตั้งคณะกรรมการอิสระสอบสวนข้อเท็จจริง 3.ให้แก้ไขกรณีที่นายทหารบางคนให้ข่าวว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการปะทะกันของแนวร่วมก่อความไม่สงบ เพราะทำเกิดความเข้าใจผิดว่า ชาวบ้านเป็นคนร้าย “ตอนนี้ผมได้สับเปลี่ยนกำลังขุดดังกล่าวออกไปก่อน เพื่อลดความหวาดระแวง ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผมมองว่า เจ้าหน้าที่ทำตามแผนเผชิญเหตุ ผมยังยึดมั่นที่จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย แต่ยังไม่สามารถฟันธงได้ว่าใครผิดใครถูก ทุกอย่างต้องรอผลการพิสูจน์หลักฐาน และการสอบสวน ซึ่งอาจจะไม่ถูกใจฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ไม้ว่าจะเป็นอย่างไร ผมต้องฟังเสียงประชาชน” พล.ท.อุดมชัย กล่าว เหยื่อเล่านาทีระทึก นายมะรูดิง แวกาจิ อายุ 15 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนแสงประทีปวิทยา ตำบลปุโละปุโย หนึ่งในผู้บาดเจ็บที่กำลังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลปัตตานี เล่าว่า ก่อนเวลา 20.00 น. วันที่ 29 มกราคม 2555 ที่บ้านของนายยา ดือราแม อายุ 58 ปี คอเต็บมัสยิดบ้านตันหยงบูโล๊ะ ตำบลปุโล๊ะปุโย มีการทำบุญเลี้ยงอาหารเนื่องในวันเมาลิดนบี ขณะนั้นได้ยินเสียงคล้ายระเบิดดังขึ้น บริเวณฝั่งตรงกันข้ามหมู่บ้าน นายมะรูดิง เล่าว่า หลังเสร็จละหมาดที่มัสยิดในหมู่บ้าน นายยาได้ชวนไปละหมาดคนตายที่บ้านทุ่งโพธิ์ ตำบลลิปะสะโง โดยไม่มีใครพูดถึงเสียงระเบิด โดยตนขึ้นไปนั่งที่ท้ายกระบะรถยนต์ เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุซึ่งมืดมาก ได้ยินเสียงคนพูดเป็นภาษาไทยให้หยุดรถ แต่มองไม่เห็นตัวคน มีคนตอบกลับไปว่า จะไปละหมาดคนตาย ขณะที่กำลังชะลอความเร็วของรถ มีเสียงปืนดังขึ้นโดยไม่ทราบทิศทางหลายนัด ญาติที่มาด้วยกันกระโดดลงจากรถ ขณะนั้นตนเห็นทหารถือปืนไล่ยิงญาติคนดังกล่าว นายมะรูดิง เล่าอีกว่า ส่วนตนกระโดดไปหลบอยู่บนพื้นใกล้ล้อรถ เห็นนายยาเปิดประตูรถลงมา แล้วคลานลงไปในป่าข้างทาง ตนจึงคลานตามไป แต่ก็ถูกตามไล่ยิง ตนจึงหนีเข้าไปหลบที่บ้านญาติที่อยู่ไม่ห่างมากนัก ตอนนั้นรู้สึกเจ็บที่แขน จึงรู้ว่าถูกยิง หลังจากนั้นประมาณ 1 ชั่วโมง เมื่อเสียงปืนสงบ ตนถูกนำตัวส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลหนองจิก ก่อนจะถูกส่งตัวมารักษาต่อที่โรงพยาบาลปัตตานี นายมะรูดิง เล่าด้วยว่า ก่อนเดินทางทุกคนขึ้นรถที่บ้านของนายยา และนายยกก็ไม่ได้ขับรถแวะรับใครระหว่างทาง ประกอบกับตอนขึ้นรถ ตนไม่เห็นว่ามีสิ่งของอะไรอยู่ท้ายกระบะ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีใครพกพาอาวุธสงครามขึ้นมากับรถ ตามที่เจ้าหน้าที่บอกว่าพบอาวุธปืนสงครามในรถ ส่วนในห้องคนขับด้านหน้า ก็ไม่น่าจะมีอาวุธสงคราม นายแวมะกรี แวกาจิ บิดาของนายมะรูดิง เปิดเผยว่า ขณะเกิดเหตุตนและภรรยาอาศัยอยู่ที่อำเภอยะหา จังหวัดยะลา เนื่องจากมีอาชีพรับจ้างกรีดยาง หลังทราบเหตุจึงเดินทางกลับทันที สำหรับนายมะรูดิงเป็นลูกชายคนเดียว มีน้องสาวอีก 2 คน ทั้งหมดอาศัยอยู่กับย่า แพทย์ยันพ้นขีดอันตราย นายแพทย์อรุณ ประเสริฐสุข รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลปัตตานี เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้ได้รับบาดเจ็บยังพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลปัตตานี 3 คน ได้แก่ นายฐอบรี บือราเฮง อายุ 19 ปี ถูกยิงที่ท้องทะลุกระเพาะ แพทย์ได้ผ่าตัดและพ้นขีดอันตรายแล้ว คนไข้รู้สึกตัวดี ส่วนคนที่ 2 นายมะแอ ดอเลาะ อายุ 79 ปี ถูกยิงที่เท้า กระดูกเท้าแตกทั้งสองข้าง แพทย์ได้ผ่าตัดเย็บแผล อาการปลอดภัยแล้ว คนที่ 3 นายมะรูดิง ถูกยิงที่กระดูกแขนซ้าย แพทย์ผ่าตัดแล้ว ขณะนี้อาการปลอดภัย ส่วนผู้บาดเจ็บอีก 2 ราย แพทย์ให้กลับบ้าน สำหรับผู้เสียชีวิต จากเหตุการณ์ดังกล่าว ประกอบด้วย นายรอปา บือราเฮง อายุ 18 ปี นายอิสมัน ดือราแม อายุ 55 ปี นายสาหะ สาแม อายุ 62 ปี นายหะมะ สะนิ อายุ 65 ปี สภาพศพถูกยิงที่บริเวณลำตัวและขาเป็นแผลฉกรรจ์ ส่วนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ประกอบด้วย นายยา ดือราแม อายุ 58 ปี คอเต็บมัสยิดบ้านกะหยี มีบาดแผลถูกอาวุธเฉียด 1 แผล มีรอยฟกช้ำตามลำตัวจำนวนมาก, ด.ช.มะรูดิง อาแวกือจิ อายุ 15 ปี ถูกยิงเข้าที่แขนขวาหัก 1 นัด, นายมะแอ ดอเลาะ อายุ 76 ปี และนายฐอบรี บือราเฮง อายุ 19 ปี ทั้งหมดเป็นชาวตำบลปุโล๊ะปูโย กรรมการอิสลามร้องทุกมัสยิดละหมาดฮายัต นายอาหะมะ หะยีดือราแม เลขานุการคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี ได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงขึ้นมาหนึ่งชุด เพื่อลงพื้นที่สอบถามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจากชาวบ้าน และมอบเงินค่าจัดการศพผู้เสียชีวิตรายละ 2,000 บาท นายอาหะมะ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่พบว่า มีผู้ปล่อยข่าวลือสำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี เรียกประชุมผู้นำศาสนาเตรียมเดินขบวนประท้วงที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร อำเภอหนองจิก เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับผู้เสียชีวิต ซึ่งไม่เป็นความจริง เพียงแต่มีการส่งหนังสือเชิญชวนให้ผู้นำศาสนาทุกมัสยิดร่วมประกอบพิธี อารวาฮฺ หรือ การขอพรเพื่อนำส่งผลบุญแก่ผู้ตาย และให้ร่วมละหมาดฮายัตวันศุกร์ เพื่อขอพรจากพระเจ้าให้คุ้มครองประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อไป นายอาหะมะ กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี กังวลว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะทำให้เกิดการลุกฮือของผู้ที่ไม่พอใจ เนื่องจากเห็นชัดเจนว่าเจ้าหน้าที่รัฐเป็นผู้กระทำ จึงได้ประกาศทางสถานีวิทยุและส่งหนังสือถึงผู้นำศาสนา หมู่ที่ 1 ตำบลปูโล๊ะปูโย ซึ่งเป็นบ้านของผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากเหตุการณ์ ให้อยู่ในความสงบ พร้อมกับส่งหนังสือเรียกร้องให้ผู้รับผิดชอบด้านกระบวนการยุติธรรมดำเนินการต่อไปแล้ว ศูนย์นิติวิทย์ฯตรวจวิถีกระสุน วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ศูนย์นิติวิทยาศาสตร์จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมกำลังตำรวจ นำรถกระบะคันเกิดเหตุไปตรวจวิถีกระสุน โดยรถมีสภาพถูกยิงบริเวณกระจกด้านหน้า และด้านข้างคนขับแตกทั้งหมด กระบะด้านซ้ายมีรูจำนวนมากทะลุด้านขวา ส่วนรูกระสุนเจ้าหน้าที่ได้นำเหล็กมาเสียบไว้ แสดงวิถีกระสุนยิงจากที่สูงลงจากที่ต่ำ กระสุนที่ยิงเป็นอาวุธปืนเอ็ม 16 และอาก้า ผบ.ทบ.ยันไม่เข้าข้างทหาร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่า ผู้เสียชีวิตเป็นผู้ก่อความไม่สงบหรือเป็นประชาชนผู้บริสุทธิ์ หากเป็นประชาชนอาจจะไม่เข้าใจคำถามและคำสั่งที่บอกให้หยุดรถ ยืนยันจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งเจ้าหน้าที่และประชาชน พล.อ.ประยุทธ์ เปิดเผยว่า ให้กองทัพภาคที่ 4 ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว เบื้องต้นให้ย้ายกำลังพลที่ถูกกล่าวหาออกนอกพื้นที่แล้ว เพื่อไม่ให้มีผลต่อการสอบสวน แต่ต้องให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ด้วย เนื่องจากฝ่ายตรงข้ามมีการปรับเปลี่ยนยุทธวิธีในการโจมตี และเพิ่มการโจมตีมากขึ้น พร้อมพยายามปลุกปั่นชาวบ้าน อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่รัฐต้องรับผิดชอบและพร้อมชดใช้และเยียวยาผู้ที่สูญเสียด้วย พล.อ.ประยุทธ์ เปิดเผยว่า ได้รายงานต่อนายกรัฐมนตรีแล้ว เรื่องอยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะไม่เข้าข้างผู้ใต้บังคับบัญชา หากทำเกินกว่าเหตุจะถูกลงโทษ นายกฯ ปูสั่ง ผบ.ทบ.ลงพื้นที่ตรวจสอบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตนมอบหมายให้พล.อ.ประยุทธ์ลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว เบื้องต้นต้องให้การดูแลประชาชน และให้ความยุติธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย เบื้องต้นขอเวลาให้กองทัพตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดก่อน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net