Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

มิติมุมมองสตรีนิยมแตกต่างจากมิติมุมมองอื่น ๆ ในทุกเรื่องก็ว่าได้ ดังนั้นการมองกองทุนพัฒนาสตรีก็ไม่มีข้อยกเว้น ด้วยเหตุนี้เรื่อง “การพัฒนาสตรี” ในภาพรวม และการลดทอนการพัฒนาฯ ให้เป็นเพียงเรื่อง “กองทุน” ก็ดี จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องถูกตั้งคาถามโดยนักสตรีนิยมและนักเคลื่อนไหวที่ใช้มุมมองสตรีนิยมเข้ามาวิพากษ์ อนึ่งการมีนายกรัฐมนตรีหญิงก็ดี การนาผู้หญิงที่ประสบความสาเร็จทางเศรษฐกิจก็ดี อดีตฝ่ายซ้าย อดีตนักพัฒนาเอกชนและนักอ่านข่าวเข้ามาดูแลเรื่องนี้ก็ใช่ว่าจะผ่านการถูกวิพากษ์หรือตั้งคาถามได้ แม้ว่าจะยกเอาประเด็นเรื่อง “ประชานิยม” หรือ “การซื้อใจแลกเสียง” ทางการเมืองออกไปก็ยังต้องถูกวิพากษ์อยู่ดี จริงอยู่การมีหน่วยงานพัฒนาสตรีโดยรัฐก็ดี การมีกองทุนพัฒนาสตรีก็ดีเป็นเรื่องดี แต่ในทัศนะสตรีนิยมแล้วต้องดูว่าหลักคิด/วิธีคิดเบื้องหลังเป็นอย่างไร ทาไปเพื่ออะไร ทาอย่างไร และสุดท้ายจะนาไปสู่การพัฒนาสตรีตามแนวทางสตรีนิยมหรือไม่

ตํอไปนี้คือแนวทางการมองการพัฒนาสตรีในทัศนะสตรีนิยมบางประการ

การพัฒนาคืออะไร?

ปกติแล๎วคนธรรมดาทั่วไปรวมทั้งนักวิชาการกระแสหลักด๎วยมักใช๎คาวำ “การพัฒนา” ไปเลยโดยไมํตั้งคาถามวำ จริง ๆ แล๎ว การพัฒนาคืออะไร มีความหมายอะไร มีกี่แนวทาง มีการโต๎เถียงกันหรือไมํวำ “นั่นคือการพัฒนา” “นั่นไมํใชํการพัฒนา” การพัฒนามีแตํเฉพาะด๎านดีหรือวำมีด๎านเสียด๎วย การพัฒนาถูกกาหนดนิยามโดยใคร ที่ไหน เมื่อไร ระดับการตัดสินใจและการมีสํวนรํวมอยูํในระดับไหน อยำงไร การประเมินผลทาโดยใคร ใช๎อะไรเป็นเครื่องชี้วัดและอื่น ๆ อีกมากมายเป็นต๎น

การพัฒนาในทัศนะสตรีนิยม

เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญํและยุํงยากซับซ๎อนมาก ในโลกตะวันตกต๎องเปิดสอนเป็นหลักสูตรระดับปริญญาเอกด๎วยซ้าไป องค์การระหวำงประเทศ เชํน สหประชาชาติ (UN.) ก็ถึงกับต๎องมีโครงการเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยตรง องค์กรผู๎หญิงที่ไมํสังกัดรัฐ (เป็น NGOs) ระดับนานาชาติก็มีที่จะคอยชี้แนะให๎ทุนและตรวจสอบประเมินผลการพัฒนาและการพัฒนาสตรีควบคูํกันไปด๎วย

ในทัศนะของนักวิชาการสังคมศาสตร์-มนุษยศาสตร์สิ่งที่เรียกวำการพัฒนาเป็นประเด็นหรือเรื่องราวที่ถกเถียงกันมากมายเผ็ดร๎อนมานานตั้งแตํคา (term) และทฤษฎีวำด๎วยการพัฒนาถูกประกอบสร๎างขึ้นมาหรือไมํ อยำงไร โดยใคร ที่ไหน เมื่อไร เพราะอะไร/เพื่ออะไร ในทัศนะสตรีนิยมก็เชํนกัน การนิยามการพัฒนาเป็นเรื่องที่มีการประชัน (contested) กันมาก สํวนหนึ่งเป็นเพราะมโนทัศน์การพัฒนานาเอาสมมุติฐานเชิงวิวัฒนาการหลาย ๆ อยำงของยุโรปในยุคคริสต์ศตวรรษที่สิบเก๎าที่ประกอบด๎วยแนวคิดหลาย ๆ อยำงที่มีอยูํกํอนหน๎านั้นแล๎วเข๎าไปด๎วย ตัวอยำงเชํน แนวคิดวำด๎วย การก้าวหน้า (progress) และการเลื่อนสูงขึ้น (advancement) ซึ่งสื่อความหมายที่แสดงวำ แตกตำงในเชิงดี-ไมํดี ที่นอกจากจะเป็นการประทับตราที่ไมํเป็นธรรมแล๎ว ยังมีลักษณะการแบํงเป็นขั้วตรงข๎าม ผลคือเมื่อพูดถึงการพัฒนาก็ทาให๎เกิดวิธีคิดที่แบํงความแตกตำงระหวำงประเทศ สังคมหรือ “สิ่ง” ใดก็แล๎วแตํวำมีสภาวะหนึ่งที่พัฒนามากกวำอีกสภาวะหนึ่ง นักสตรีนิยมจึงถือวำ “วาทกรรมวำด๎วยการพัฒนา” ของโลกที่ถูกประกอบสร๎างขึ้นมาหลังสงครามโลกครั้งที่สองนิยามการพัฒนาความหมายของการเติบโตทางเศรษฐกิจและการเคลื่อนย๎ายเชิงโครงสร๎าง (structural shifts) ที่วัดได๎ในความหมายของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติหรือ GNP นั้นไม่ถูกต้อง

ยกเอามาเพียงแคํนี้ก็ทาให๎การถกเถียงเรื่องการพัฒนาและการพัฒนาสตรีโดยเฉพาะ “กองทุนพัฒนาสตรี” เผ็ดร๎อนแตํนำจะแหลมคมมากขึ้น ยกตัวอยำงเชํน การเคลื่อนย้ายหรือการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง กับ การใช้ผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ/GNP เป็นดัชนีชี้วัดการพัฒนาเมื่อเอาทัศนะมุมมองสตรีนิยมเข๎ามาจับก็ไมํใชํเรื่องงำยถ๎านักสตรีนิยมและผู๎ที่อ๎างวำกาลังทางานเพื่อผู๎หญิงไมํศึกษาให๎ละเอียดและลึกซึ้ง

การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างคืออะไร? นักสตรีนิยมมีความเห็นต่อสิ่งนี้ว่ายังไง?

เรื่องนี้อยำงเดียวก็ยุํงยากมากแล๎วนักวิชาการด๎านสังคมศาสตร์มีความเห็นไมํตรงกัน ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง หรืออะไรที่ใกล๎เคียงกัน หรือแสดงให๎เห็นการเปลี่ยนแปลงหรือการเคลื่อนย๎ายเชิงโครงสร๎างจึงต๎องถูกนามาทาความเข๎าใจโดยใช๎มิติมุมมองสตรีนิยมที่แตกตำงหลากหลายและมีพลวัตเข๎ามาจับ ตัวอยำงเชํน

กระบวนการแตกต่างทางโครงสร้าง (structural differentiation)

เรื่องนี้เป็นประเด็นพื้นฐานของสังคมวิทยา-มานุษยวิทยาแนวโครงสร๎าง-หน๎าที่นิยมที่ยังมีอิทธิพลตํอการวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงสังคม-วัฒนธรรม เศรษฐกิจ การเมืองกระแสหลักอยูํ นักรัฐศาสตร์และนักเศรษฐศาสตร์ก็ใช๎ มโนทัศน์นี้เชื่อมโยงอยูํกับ ทฤษฎีวิวัฒนาการทั้งหลาย ของประวัติศาสตร์ หรือการเปลี่ยนแปลงของสังคมในแนวโครงสร๎าง-หน๎าที่นิยม อนึ่งในทางวิชาการถือวำทฤษฎีวิวัฒนาการก็ดี โครงสร๎าง-หน๎าที่นิยมก็ดีนั้นใช๎ไมํได๎แล๎วเพราะมีลักษณะเหมารวม (generalization) และมีวิธีคิดแบบ “ขั้วตรงข๎าม” และฯลฯ แตํแปลกที่วำนักสังคมศาสตร์กระแสหลักและกระแสรอง เชํน นักมาร์กซิสต์รวมทั้ง “คอมมิวนิสต์เกำ” ในเมืองไทยและนักกิจกรรมที่เคยเป็นแดงแบบ “ฝ่ายซ๎าย” เมื่อยี่สิบ-สามสิบปียังคงใช๎เป็นวิธีคิดกันอยูํอยำงเอาจริงเอาจัง เชํนเดียวกับองค์กรทุนนิยมโลก เชํน กองทุนการเงินระหวำงประเทศหรือ IMF. และองค์กรการค๎าระหวำงประเทศคือ WTO ที่นักกิจกรรมฝ่ายซ๎ายที่กลายเป็น “เสื้อแดง” ตํอต๎านหนักหนาก็ใช๎มโนทัศน์นี้เชํน มาตรการปรับเปลี่ยนโครงสร้าง หรือ “structural adjustment” ซึ่งจะพูดถึงภายหลัง .....ดู ๆ แล๎วออกจะออกอาการ “ไมํอยูํกับรํองกับรอย” (inconsistency) เทำไร

ในความพยายามของนักสังคมวิทยา-มานุษยวิทยาสายนี้ต๎องการอธิบายวำ สังคมเปลี่ยนแปลง (พัฒนา) จากสังคมที่ไมํซับซ๎อน (simple societies) เชํน สังคมเผำพันธุ์ สังคมหมูํบ๎าน สังคมชนบท ความสัมพันธ์และกิจกรรม พฤติกรรมตำง ๆ ทางสังคมเกิดขึ้นผำนความสัมพันธ์ทางเครือญาติ สํวนในสังคมทันสมัยที่สลับซับซ๎อนนั้นมีสถาบันตำงหากที่ทาหน๎าที่ด๎านการศึกษา เชํน โรงเรียน การจัดหาหรือสร๎างงาน (โดยรัฐและตลาด) การปกครองมีรัฐบาลที่ศูนย์กลางและระบบราชการลดหลั่นลงไปถึงระดับหมูํบ๎าน พรรคการเมือง ศาสนา ในสังคมไทยก็มีพุทธศาสนา คณะสงฆ์และวัดเป็นหลัก นอกจากนั้นก็มีคริสต์ อิสลาม นันทนาการ หรือการบันเทิง พักผํอนหยํอนใจ เชํน กีฬา “ดูหนัง ฟังเพลง” ในแบบสมัยใหมํเข๎ามาแทนที่การเลํนพื้นบ๎าน เชํน จ๏อยซอในภาคเหนือ หมอลาในภาคอีสาน เพลงเรือ เพลงอีแซว ลาตัด ลิเกในภาคกลาง หนังตะลุง โนราในภาคใต๎ เป็นต๎น เหลำนี้ถูกแทนที่ด๎วยเพลงไทยสากล เพลงสากล ภาพยนตร์ฮอลลีวูด ละครโทรทัศน์ชํองตำง ๆ การเตะตะกร๎อของชายไทยบางกลุํมก็คํอย ๆ ตกจากกระแสมากบ๎างน๎อยบ๎าง ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกของอังกฤษและยุโรปเข๎ามาแทนที่ รวมทั้งการพนันและสภาวะความเป็น “แฟนพันธุ์แท๎” ที่ตามมาด๎วย การเปลี่ยนแปลงสังคมเหลำนี้อยูํภายใต๎การพัฒนา ซึ่งสํวนใหญํเราจะเห็นวำเขาเน๎นที่เศรษฐกิจ เชํน ในรูปของการสร๎าง “โครงสร๎างพื้นฐาน” เชํน ถนนหนทาง ไฟฟ้า โทรศัพท์จากโทรศัพท์มีสาย จนเป็นโทรศัพท์มือถือ .....สิ่งที่ขอตั้งเป็นข๎อสังเกตคือ การพัฒนาหรือการเปลี่ยนแปลงดังกลำวไมํเพียงแตํนาเอา “คำนิยม” ใหมํ ๆ เข๎ามาเทำนั้น แตํนาเอา “วิธีคิดใหมํ” ซึ่งถ๎าใช๎ศัพท์ทางวิชาการที่เข๎าใจยากหนํอย เชํน “กระบวนทัศน์” (paradigms) และ “วาทกรรม” (discourses) ใหมํ ๆ เป็นต๎น ผลคือทาให๎วิธีคิดของผู๎คนในสังคมไทยแตกตำงหลากหลาย ซับซ๎อน ขัดแย๎งและเปลี่ยนไปไมํหยุดนิ่ง นักวิชาการบางคนบางกลุํมก็บอกวำมี “พลวัต”

ที่จริงแล๎วสิ่งที่เกิดขึ้นในทัศนะของนักวิชาการสายการพัฒนาเห็นวำนี้คือ การเปลี่ยนแปลงอยำงแตกตำงไปจากเดิมของโครงสร๎างตำง ๆ เชํน โครงสร๎างเศรษฐกิจจากการเพาะปลูกเพื่อยังชีพไปสูํการเพาะปลูกเพื่อขาย จึงมีความจาเป็นต๎องใสํ “ทุน” และ “เทคโนโลยี” ใหมํ ๆ เข๎าไป เชํน การเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์ข๎าว ข๎าวโพด มันสาปะหลัง ยางพารา ต๎องใช๎เครื่องจักร เชํน รถไถ ปุ๋ยเคมี ยาฆำแมลง-วัชพืช ต๎องสร๎างเขื่อนขนาดใหญํเพื่อกักน้าไปใช๎ในการเกษตรกรรมแบบใหมํและผลิตกระแสไฟฟ้า ผลที่ได๎รับคือ ผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติก็จะเพิ่มขึ้น เทำนี้ก็ถือวำประสบความสาเร็จแล๎วในทัศนะของนักเศรษฐศาสตร์กระแสหลักบางคน บางกลุํม บางสังกัด

อยำงไรก็ตาม นักสตรีนิยมแนวทางตำง ๆ โดยเฉพาะนักสตรีนิยมสายวิชาการและนักสตรีนิยมที่เป็นนักเคลื่อนไหวหรือนักกิจกรรมที่ถือวำตนหรือกลุํมตนเป็นสํวนหนึ่งขององค์กรที่ไมํใชํรัฐหรือเรารู๎จักกันในชื่อภาษาอังกฤษยํอ ๆ วำ “NGOs” หรือ “เอ็นจีโอ” ถือวำตรงนี้สาคัญจึงจะพูดถึงอีกทีในตอนหลัง ไมํเฉพาะนักสตรีนิยมเทำนั้นที่ไมํเห็นด๎วย นักวิชาการและนักพัฒนาอีกหลายแนวหลายกลุํมก็เชํนกันบ๎างไมํเห็นด๎วย บางสํวนบางเรื่อง บ๎างก็ไมํเห็นด๎วยในสาระสาคัญและตั้งคาถามแรง ๆ ไปเลยก็มี บ๎างก็เสนอและผลักดันให๎เกิด “การพัฒนาทางเลือก” (alternatives development) ขึ้นมาแทน บ๎างก็เสนอแนวทางเรื่อง “การพัฒนาอย่างยั่งยืน” ที่ทุกฝ่ายตำงก็อ๎างวำแนวทางของตนเข๎าลักษณะนั้น

ประเด็นสาคัญที่นักสตรีนิยมไมํเห็นด๎วยกับการพัฒนากระแสหลักที่รัฐบาลของประเทศตำง ๆ รวมทั้งประเทศไทยด๎วย และองค์การระหวำงประเทศที่เกี่ยวข๎องกับการพัฒนา เชํน ธนาคารโลก กองทุนระหวำงประเทศ (IMF.) และองค์การค๎าระหวำงประเทศหรือที่เรารู๎จักกันในชื่อยํอภาษาอังกฤษวำ WTO. จนถึงขนาดที่นักสตรีนิยมสากลและนักสตรีนิยมไทย เอ็นจีโอไทย ออกมาเคลื่อนไหวตํอต๎านมีประเด็นหลัก ๆ คือ การพัฒนากระแสหลักที่ขยายไปทั่วโลก หรือที่เราเรียกกันวำ “โลกาภิวัต” (globalization) นั้น ไมํได๎มีแตํเฉพาะด๎านบวกเทำนั้น แตํมีด้านลบของมันด๎วย เพราะฉะนั้นนักวิชาการและนักสตรีนิยมอิสระ (วิธีคิดไมํสังกัดรัฐ พรรคการเมืองและกลุํมผลประโยชน์ตำง ๆ รวมทั้งนักสตรีนิยมสายกิจกรรมอิสระจึงออกมาเคลื่อนไหวกันอยำงเป็นขบวนหลายทศวรรษมาแล๎ว ครำว ๆ คือตั้งแตํหลังการฟื้นฟูเศรษฐกิจโลกหลังสงครามโลกครั้งที่สอง (ประมาณห๎าสิบ-หกสิบปีมาแล๎ว) ขบวนการเคลื่อนไหวดังกลำว มีชื่อทางสังคมวิทยาวำ ขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคม ซึ่งนักสังคมวิทยาเห็นวำอยำงน๎อยก็มีมานานพอควรย๎อนหลังกลับไปที่แซ็งต์-ซิมฮอง (Saint-Simon, 1768-1825) นักปราชญ์สังคมชาวฝรั่งเศสที่บางคนถือวำเป็นบิดาของสังคมนิยมฝรั่งเศสผู๎มองเห็นผลเสียของระบบทุนนิยมในยุคที่ยุโรปเปลี่ยนเข๎าสูํคริสต์ศตวรรษที่สิบแปด อยำงไรก็ตาม ขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคมใหม่ เกิดขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่สองนี้เอง แบํงเป็นประเด็นที่บํงชี้ความเป็นขบวนการเคลื่อนไหวที่ตํอต๎านการเปลี่ยนแปลงในนามการพัฒนาวำมีด๎านลบและด๎านลบที่วำนี้แผํกระจายไปทั่วโลก ดังนั้นต๎องมีการจัดองค์กรและเครือขำยขึ้นมาตั้งคาถาม ทักท๎วงและถึงขั้นลงมือปฏิบัติการตํอต๎านมีสี่ประเด็นปัญหาใหญํ ๆ ที่นักสังคมวิทยาคือกิดเด็นส์ (Giddens, A., 1985) ชี้ให๎เห็นดังนี้

(1) การเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยที่มุํงสร๎างหรือสถาปนาหรือรักษาไว๎ซึ่งสิทธิทางการเมืองตำง ๆ

(2) การเคลื่อนไหวของแรงงานหรือกรรมกรที่มุํงควบคุมเชิงป้องกันสถานที่ทางาน (เชํน โรงงาน) ที่ถูกท๎าทายหรือถูกประชันขันแขํงมากขึ้นก็ดีถูกเปลี่ยนรูปแบบไปสูํการกระจายให๎กว๎างมากขึ้นของอานาจทางเศรษฐกิจ (เชํน การเพิ่มอานาจให๎กับนายทุนและทุนตำงชาติ เป็นต๎น พูดอีกอยำงหนึ่งการเคลื่อนไหวทางสังคมแนวทางนี้เป็นการตํอสู๎ของผู๎ใช๎แรงงานและคนที่ทางานด๎านการรักษาสิทธิและผลประโยชน์ของแรงงาน ตัวอยำงเชํน เอ็นจีโอด๎านแรงงาน เป็นต๎น-ผู๎เขียน)

(3) ขบวนการเคลื่อนไหวด้านนิเวศหรือสิ่งแวดล้อม (ecological movements) ตำง ๆ ซึ่งมุํงสนใจและเคลื่อนไหวตํอสู๎ในประเด็นหยุดยั้งหรือจากัดความเสียหายตำง ๆ ทางด๎านสิ่งแวดล๎อมและทางสังคม ซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงธรรมชาติโดยการกระทาทางสังคมตำง ๆ (ในเมืองไทยเรารู๎จักกับคาวำระบบนิเวศน์ก็ดี นิเวศวิทยาก็ดี ผลกระทบตํอสิ่งแวดล๎อมก็ดี การรณรงค์ไมํให๎ทิ้งขยะอยำงไมํรับผิดชอบ การตัดไม๎ทาลายป่า การรณรงค์รักษาป่าต๎นน้า การรณรงค์ตํอต๎านโรงไฟฟ้าถำนหินที่แมํเมาะ บํอนอก-บ๎านกรูด การตํอต๎านการสร๎างทํอก๏าซ การรณรงค์ตํอต๎านการสร๎างเขื่อน เชํน เขื่อนปากมูล รวมทั้งลำสุด การเฝ้าระวังโครงการป้องกันน้าทํวมของรัฐบาลก็ดี ตำง ๆ เหลำนี้เป็นผลของขบวนการเคลื่อนไหวในแนวนี้ทั้งสิ้น โดยเฉพาะบทบาทของ “ชาวบ๎าน” เอ็นจีโอ และนักวิชาการจานวนหนึ่ง .....อ๎อ!อยำลืมเรื่อง “ปัญหาโลกร๎อน” อีกลํะ-ผู๎เขียน)

(4) ขบวนการเคลื่อนไหวเพื่อสันติภาพ (peace movements) ประเด็นปัญหาที่ขบวนการเคลื่อนไหวแนวทางนี้ให๎ความสาคัญคือ การท๎าทายตํอต๎านอิทธิพลที่แพรํกระจายอยูํทั่วไปของอานาจทหารและลัทธิชาตินิยมที่ก๎าวร๎าวรุนแรง (ในเมืองก็ได๎แกํ การตํอต๎านการปฏิวัติ-รัฐประหาร การทาสงครามกับเพื่อนบ๎าน การใช๎กาลังจัดการปัญหา ความสัมพันธ์ทางชาติพันธุ์ การวิสามัญฆาตรกรรมผู๎ต๎องสงสัยในการค๎ายาเสพย์ติด เป็นต๎น

นอกจากสี่แนวที่ยกขึ้นมาโดยกิดเด็นส์ (A. Giddens) ดังกลำวแล๎ว ในระยะตํอมาจนถึงปัจจุบันก็มีขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคมเกิดขึ้นอีกหลายขบวนการ

(5) ขบวนการเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน (human right movements) ที่ตํอสู๎ป้องกันและผลักดันไมํให๎มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนด๎านตำง ๆ เชํน สิทธิคนพิการ สิทธิชนกลุํมน๎อย ชนเผำพื้นเมือง สิทธิเด็ก สิทธิตรี สิทธิมนุษยชนของผู๎สูงอายุ เป็นต๎น และยังมีอื่น ๆ อีกมาก ความจริงแล๎ว สิทธิมนุษยชนก็เป็นการขยายตัวออกมาของ “สิทธิ” (rights) ตำง ๆ นั่นเอง ดังนั้นในเมืองไทยเราจึงได๎ยิน (เห็น) การพูดถึง “สิทธิมนุษยชน” ในรัฐธรรมนูญแหํงราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 เชํน ในหมวด 1 บททั่วไป มาตรา 4 ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิและเสรีภาพของบุคคลยํอมได๎รับความคุ๎มครอง นอกจากนั้นเรายังได๎เห็นการมีแผนแหํงชาติวำด๎วยสิทธิมนุษยชน เห็นการเกิดขึ้นและการทางานของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนฯ ซึ่งเป็นองค์กรอิสระ เป็นต๎น เรื่องสิทธิมนุษยชนนี้วำไปแล๎วได๎รับการชูประเด็นและผลักดันให๎เกิดเป็นขบวนการโดยนักวิชาการ และเอ็นจีโอด๎านสิทธิมนุษยชน ไมํได๎มาจาก “รากหญ๎า” โดยตรงเนื่องจากเป็นเรื่องที่คํอนข๎างเป็นนามธรรม มีลักษณะสากล แตํก็ไมํได๎หมายความวำไมํมีฐานทางความคิดและกิจกรรมที่โยงกับ “รากหญ๎า”

(6) ขบวนการเคลื่อนไหวของผู้หญิง (women’s movement) ขบวนการนี้ถือวำเป็นขบวนการเคลื่อนไหวที่มีพลังและมีบทบาทมาก มีทั้งลักษณะรํวมกับขบวนการเคลื่อนไหวอื่น ๆ และตำงจากขบวนการเหลำนั้นด๎วย ที่ถือวำสาคัญคือ การนาเอามิติมุมมองเรื่องเพศ/เพศภาวะ (เพศสภาพ) เข๎ามาเติมเต็มให๎กับทุกขบวนการเคลื่อนไหวเลยก็วำได๎ กลำวอีกอยำงหนึ่งคือชี้ให๎เห็นวำขบวนการเคลื่อนไหวตำง ๆ ที่มีอยูํขาดมิติมุมมองแบบสตรีนิยม

นอกจากที่เอํยถึงหกแนวทางของขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคมแล๎วยังมีขบวนการเคลื่อนไหวฯ อื่น ๆ อีกมาก เชํน ขบวนการเคลื่อนไหววำด๎วยสิทธิหญิงรักหญิง (lesbian’s rights) ขบวนการสิทธิเกย์ (gay rights) ขบวนการเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิสัตว์ (animal rights) ขบวนการสิทธิผู๎บริโภค (consumer’s rights) เป็นต๎น

เมื่อมาถึงจุดนี้จะจบตอนอยำงไรดีจึงจะเข๎าประเด็นที่ตั้งไว๎เป็นหัวข๎อหรือชื่อบทความที่วำ “มิติมุมมองสตรีนิยมกับกองทุนพัฒนาสตรี” นอกจากตั้งเป็นข๎อสังเกตวำเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญํและสลับซับซ๎อน ขัดแย๎งและเลื่อนไหลมาก นักสตรีนิยมหรือผู๎ที่จะเลํนเรื่องนี้จะต๎องศึกษาค๎นคว๎าให๎มาก ๆ และจะต๎องมีสติด๎วย จึงจะเกิดปัญญานอกจากนั้นผมอยากเสนอเพียงบางประเด็นวำ

(1) กํอนที่จะลงไปถกเรื่อง “กองทุนพัฒนาสตรี” ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ผู๎ที่เกี่ยวข๎องโดยเฉพาะนักวิชาการด๎านการพัฒนาก็ดี ด๎านสิ่งแวดล๎อมก็ดี ด๎านสิทธิมนุษยชนก็ดี ด๎านการตํอต๎านความรุนแรงทุกรูปแบบก็ดีและอื่น ๆ โดยเฉพาะนักสตรีนิยม จะต๎องศึกษา ทบทวนองค์ความรู๎ประเมินและวิพากษ์ สิ่งที่เรียกวำ การพัฒนากระแสหลักให๎ “แตก” เสียกํอน ไมํวำการพัฒนานั้นจะเกิดในประเทศไทยหรือในตำงประเทศ โดยใช๎มิติมุมมองสตรีนิยม ซึ่งมีลักษณะเป็นวิชาการมาก ๆ จะปลํอยให๎รัฐบาลหรือนักเคลื่อนไหวทาไปฝ่ายเดียวโดยไมํมีการท๎วงติงคงไมํได๎

(2) จะต๎องตระหนักวำ “การพัฒนา” มีผลทั้งด๎านบวกและด๎านลบ ด๎านบวกคืออะไร แตํที่จะทาให๎มิติมุมมองการพัฒนามีลักษณะวิพากษ์หรือถึงรากถึงโคนมากขึ้น นักสตรีนิยมจะต๎องชี้ให๎เห็นด๎านลบของมัน จากนั้นคํอยถกเถียงกัน จึงจะทาให๎เกิดมีสาระขึ้นมา

(3) การพัฒนาจะเอา “เสียงสํวนใหญํ” หรือแม๎กระทั่งหันไปใช๎ “ลัทธิประโยชน์นิยม” ของคนสํวนใหญํก็ยังไมํพ๎นจากการถูกวิพากษ์มาตัดสินเพียงอยำงเดียวไมํได๎เพราะอาจไปกระทบ “สิทธิ” ของ “คนสํวนน๎อย” หรือกระทบสิ่งแวดล๎อมอยำงถาวร เชํน การเรียกร๎องให๎มีการสร๎างงาน การเรียกร๎องให๎เพิ่มผลผลิตทางการเกษตรอาจไปทาลายระบบนิเวศน์ (ความหลากหลายทางชีวภาพ) อาจทาลายสิทธิเด็ก สิทธิสตรี แม๎กระทั่งละเมิดสิทธิสัตว์

(4) นักสตรีนิยมจะต๎องเจาะเข๎าไปให๎ถึงวำ “การพัฒนา” เป็นสิ่งประกอบสร๎างทางสังคมของยุคทันสมัย (modern period) นักวิชาการ/นักสตรีนิยมบางกลุํมบางสานักคิดอาจเรียกวำ เป็นภาษาหรือข๎อความที่ประกอบขึ้นด๎วย “วาทศิลป์” (rhetorics) บางคนก็เรียกวำเป็น “วาทกรรม” (discourses) ซึ่งมีอยูํหลายชุด บางคนก็บอกวำมี “ทฤษฎี” การพัฒนาแนวตำง ๆ ที่อธิบายเรื่องนี้ บางคนก็ดูลึกไปกวำนั้นอีกวำสิ่งที่เรียกวำ “การพัฒนา” มีชุดความรู๎ของประชาธิปไตยเสรีนิยม (liberal democracy) ที่หนึ่งเน๎นสิทธิของปัจเจก สองทุนนิยมแข่งขันที่มุํงเน๎นการสร้างกาไรสูงสุดให๎กับ “ทุน” หรือนายทุน/ผู๎ประกอบการ/นักธุรกิจ โดยใช๎ตลาดเป็นพื้นที่ในการอ๎างความชอบธรรม ถ๎าพูดถึง “สิทธิ” ก็มักจะใช๎ “สิทธิในการบริโภค” เป็นต๎น สาม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่ถูกนามารับใช๎ทุนนิยมแขํงขัน เชํน เพื่อผลิตสินค๎าและบริการออกมาให๎ซื้อ-ขาย เอากาไรกัน เชํน เทคโนโลยีการสื่อสาร โทรศัพท์มือถือ การสํง SMS เพื่อเชียร์ดาราคนโปรดที่คำยธุรกิจบันเทิงตำง ๆ ซึ่งมีโยงใยกับธุรกิจสื่อสารรํวมมือกันจัด เป็นต๎น เป็นไปได๎ไหมวำ ธุรกิจแบบนี้ดึงเอาเงินจากผู๎หญิงวัยรุํนไปมากกวำผู๎ชายวัยรุํน กลำวอีกอยำงหนึ่งคือ ปรากฏการณ์ “บ๎าดารา” หรือ “คลั่ง เซเลบฯ” ในหมูํคนรุํนใหมํ มีมิติทางเพศภาวะอยูํเต็ม ๆ

(5) ทั้งประชาธิปไตยเสรีนิยม ทุนนิยมแขํงขันและวิทยาศาสตร์-เทคโนโลยี เป็น “สามประสาน” ที่ทรงพลังเป็นการรํวมมือระหวำงกลุํมผลประโยชน์ผำนการเข๎ามาใช๎อานาจรัฐ อานาจตลาด และอานาจเทคโนโลยีให๎กลับกลุํมผลประโยชน์ตำง ๆ ดังนั้น รัฐบาลพรรคการเมือง กลุํมการเมือง กลุํมธุรกิจการค๎า นักการตลาด นักเทคโนโลยี ฯลฯ จึงเป็นกลไกที่รํวมกันผลักดันการพัฒนากระแสหลัก เป็นการ “ฮั้ว” กันในหมูํชนชั้นผู๎นาโดยใช๎ วาทศิลป์เรื่อง “ปรองดอง” มาอาพราง

(6) ด๎วยเหตุนี้นักวิชาการด๎านการพัฒนา นักสตรีนิยมและนักเคลื่อนไหวควรจะจับตาดูรัฐ รัฐบาลทุกรัฐบาล พรรคการเมืองทุกพรรค กลุํมทุนทุกกลุํม การเลือกตั้ง ฯลฯ อยำงระมัดระวังเป็นพิเศษ ยังจาได๎ไหมวำสมัยที่เป็น “เอ็นจีโอ” นั้นคุณมีจุดยืนอยำงไร การเข๎ามาเป็นสํวนหนึ่งของกลไกรัฐ กลไกตลาด/ทุน คุณเปลี่ยนไปอยำงไร? คุณกาลังทาอะไร? เพื่อใคร? เพื่อประชาธิปไตย.....เพื่อ “รากหญ๎า” หรือวำเป็นแผนของคุณที่จะ “ดึงเอาทุนมาสู๎ทุน” เพื่อประโยชน์และความเป็นธรรมกับผู๎คนในระดับ “รากหญ๎า” …..แผนนี้แยบยลจน “ทุน” ตามไมํทัน .....และสามารถทาได๎แคํไหน?

ตอนนี้ใช๎เวลาและพื้นที่ไปมากกวำทุกตอน แตํก็ยังไมํจบอยูํดี จึงต๎องลงท๎ายวำ “ยังมีตํอ”

12 มีนาคม 2555

__________________________________

  • * บทความเป็นความคิดเห็นส่วนตัว ไม่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานหรือสถาบันการศึกษาใด ๆ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net