ประเด็น ‘สับปะรด’ กำลังฮอตฮิต เมื่อโรงงานแปรรูปสับปะรดกระป๋องทั่วประเทศพร้อมใจกันหยุดสายการผลิต เพราะประสบปัญหาปัญหาส่งออกและสินค้าเก่าค้างสต็อก และชาวไร่สับปะรดออกขู่ปิดถนนจี้รัฐเร่งแก้ปัญหาผลผลิตล้นตลาด.. ลองมาดูเกร็ดตัวเลขว่าด้วยเรื่องนี้กัน
เมื่อวันที่ 27 มี.ค. 55 สำนักข่าวไทยรายงานว่านายสุรัตน์ มุนินทรวงศ์ นายกสมาคมชาวไร่สับปะรดไทย และประธานกลุ่มผู้ปลูกสับปะรด จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมารัฐบาลไม่ให้ความสนใจในการจัดสรรงบประมาณ จำนวน 800 ล้านบาท เพื่อรับซื้อผลผลิตส่วนเกินทั่วประเทศกว่า 2 แสนตัน ออกนอกระบบ หลังจากที่สมาคมฯ ได้เสนอแผนเร่งด่วนเพื่อแก้ไขปัญหาผลผลิตสับปะรดที่คาดว่าจะล้นกำลังการผลิตของโรงงานในช่วงเดือน มี.ค.– มิ.ย.นี้ จำนวนกว่า 250,000 ตัน ในพื้นที่เพาะปลูก 15 จังหวัดทั่วประเทศ โดยรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรที่จดทะเบียนไว้กับกรมส่งเสริมการเกษตร ในราคา กก.ละ 4 บาท
แต่ล่าสุด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไม่เห็นด้วยกับการใช้งบประมาณ 800 ล้านบาท ซื้อผลผลิตออกนอกระบบ โดยอ้างว่าจะนำเงินดังกล่าวไปให้โรงงานรับซื้อผลผลิตเพื่อนำไปแปรรูป แต่โรงงานแปรรูปได้ปฏิเสธ เนื่องจากขณะนี้ไม่มีโกดังเก็บสินค้า ดังนั้น เกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดใน จ.ประจวบคีรีขันธ์ จ.เพชรบุรี และ จ.ราชบุรี พร้อมรวมตัวปิดถนนสายหลักในแต่ละพื้นที่ในวันที่ 30 มีนาคมนี้ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาผลผลิตล้นตลาด หลังจากโรงงานแปรรูปสับปะรดกระป๋องทั่วประเทศพร้อมใจกันหยุดสายการผลิต เนื่องจากประสบปัญหาภาวะการส่งออกและสินค้าเก่าค้างอยู่ในสตอกจำนวนมาก ทำให้โรงงานแจ้งงดรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรทั่วประเทศโดยไม่มีกำหนด
0 0 0 color:#0000CC">
ตัวเลขที่น่าสนใจของอุตสาหกรรมสับปะรดไทย มีดังนี้ …
ผลผลิตเพิ่มขึ้น color:#0000CC">
ผลผลิตสับปะรดที่ออกสู่ตลาดในเดือนมีนาคม 2555 ประมาณ 0.24 ล้านตัน หรือร้อยละ 9.57 ของปริมาณผลผลิตรวม 2.52 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 0.21 ล้านตัน ของเดือนที่ผ่านมา ร้อยละ 14.28 และเพิ่ม ขึ้นจาก 0.21 ล้านตัน ในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ร้อยละ 14.28
การส่งออกลดลง color:#0000CC">
ปี 2555 เดือนมกราคม มีการส่งออกสับปะรดสดและผลิตภัณฑ์รวม 0.173 ล้านตันสด ลดลงจาก 0.186 ล้านตันสด ของปีที่ผ่านมา ร้อยละ 6.99
ทั้งนี้สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรคาดการณ์ในปี 2555 ว่าปีนี้มูลค่าการส่งออกสับปะรดสดและผลิตภัณฑ์ของไทยจะมีแนวโน้มลดลงโดยมีสาเหตุมาจากสับปะรดกระป๋องซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่ากาส่งออกมากที่สุด ได้แก่ ประมาณ 66% ของมูลค่าการส่งออกสับปะรดทั้งหมด จะมีแนวโน้มลดลงประมาณ 15-20% เนื่องจากคาดการณ์ว่าภาวะเศรษฐกิจของผู้นำเข้าที่สำคัญชะลอตัว ได้แก่ สหรัฐอเมริกา และกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป ทำให้มีกำลังซื้อลดลง
ราคาลดลง color:#0000CC">
ช่วงนี้มีผลผลิตสับปะรดออกสู่ตลาดประมาณวันละ 8,000 — 8,500 ตัน ในขณะที่ โรงงานแปรรูปลดกำลังการผลิตลงเหลือวันละ 7,000 ตัน เนื่องจาก ประสบปัญหามีสต็อกสินค้าคงคลังจำนวนมาก ซึ่งเป็นผลมาจากการชะลอการสั่งซื้อของตลาดต่างประเทศ ทำให้โรงงานกำหนดราคารับซื้อสับปะรดจากเกษตรกรลดลง โดยราคาที่เกษตรกรขายได้ สัปดาห์นี้ มีดังนี้
- สับปะรดโรงงานกิโลกรัมละ 2.92 บาท ลดลงจาก กิโลกรัมละ 3.09 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 5.50 และลดลงจากกิโลกรัมละ 6.46 บาท ในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ร้อยละ 51.80
- สับปะรดบริโภคกิโลกรัมละ 7.30 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 7.35 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 0.68 และลดลงจากกิโลกรัมละ 9.19 บาท ในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ร้อยละ 20.56
ผลิตผลต่ำกว่าคู่แข่ง
ในปี 2553 พบว่าไทยมีผลผลิตต่อไร่ต่ำและต้นทุนสูง โดยผลผลิตสับปะรดเฉลี่ยต่อไร่ของไทยอยู่ในเกณฑ์ต่ำเพียง 3.7 ตัน/ไร่ เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศคู่แข่งที่สำคัญอย่างฟิลิปปินส์ที่มีผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ประมาณ 5.4 ตัน/ไร่ ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตเฉลี่ยของไทยนั้นสูงกว่าฟิลิปปินส์ ซึ่งต้นทุนการผลิตของไทยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 2.8 บาท/กก.
ไทยเบอร์หนึ่งของโลก color:#0000CC">
ปัจจุบันไทยเป็นประเทศที่ส่งออกสับปะรดกระป๋องอันดับ 1 ของโลกด้วยมูลค่าการส่งออกปีละ 20,000 ล้านบาท ครองส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 50 ของมูลค่าตลาดสับปะรดโลกโดยในปี 2553 สับปะรดกระป๋องมีมูลค่าการส่งออกจำนวน 13,644 ล้านบาท สำหรับปี 2554 ส่งออกเพิ่มเป็น 19,131 ล้านบาท ส่วนน้ำสับปะรดกระป๋อง พบว่าปี 2553มีมูลค่าส่งออกจำนวน 6,614 ล้านบาท และปี 2554 มีมูลค่าส่งออกจำนวน 6,825 ล้านบาท
สหรัฐอเมริกาตลาดใหญ่สุด color:#0000CC">
ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศผู้นำเข้าสับปะรดรายใหญ่ที่สุดในโลก และประเทศไทยก็ส่งออกสับปะรดไปยังสหรัฐฯ มากที่สุดด้วยเช่นกัน
จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์พบว่าในปี 2554 ตลาดส่งออกสับปะรดกระป๋องของไทย 5 อันดับแรกของ ได้แก่ สหรัฐฯ (ร้อยละ 23.4) เยอรมนี (ร้อยละ 8.5) รัสเซีย (ร้อยละ 5.2) เนเธอร์แลนด์ (ร้อยละ 4.6) และสเปน (ร้อยละ 4.5)
ในปี 2553 พบว่าสหรัฐฯ เป็นตลาดใหญ่ ที่มีความต้องการสินค้าทั้งที่เน้นและไม่เน้นคุณภาพ แต่ต้องมีราคาที่เหมาะสมกับคุณภาพของสินค้า ซึ่งผู้บริโภคในประเทศส่วนใหญ่จะนิยมสับปะรดกระป๋อง และน้ำสับปะรดที่มีคุณภาพ โดยสับปะรดที่มีคุณภาพดีส่วนใหญ่จะนำเข้าจากไทย และฟิลิปปินส์เป็นหลัก
ที่มาข้อมูล:
กระทรวงพาณิชย์
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย