Skip to main content
sharethis
จนถึงวันที่ 12 เม.ย. ทั่วประเทศ เกิดอุบัติเหตุ 481 ครั้ง เสียชีวิต 58 ราย บาดเจ็บ 515 ราย รวมสถิติสะสม 2 วัน เกิดอุบัติเหตุ 824 ครั้ง เสียชีวิต 88 ราย บาดเจ็บ 890 ราย
 
13 เม.ย. 55 - เนชั่นทันข่าวรายงานว่าที่ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2555 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค และคณะ แถลงข่าวว่า วันนี้เป็นวันที่สอง ของการแถลงข่าวการรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2555 หรือการรณรงค์ "สงกรานต์ปลอดภัย ตายเป็นศูนย์" 
 
จากข้อมูลของเมื่อวานนี้ (วันที่ 12 เมษายน 2555) ซึ่งเป็นช่วงที่มีการเดินทางอย่างหนาแน่น จากการประมวลผลระบบรายงานของศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนในระดับอำเภอและจังหวัดทั่วประเทศ พบว่าทั่วประเทศ เกิดอุบัติเหตุ 481 ครั้ง เสียชีวิต 58 ราย บาดเจ็บ 515 ราย รวมสถิติสะสม 2 วัน เกิดอุบัติเหตุ 824 ครั้ง เสียชีวิต 88 ราย บาดเจ็บ 890 ราย จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิตหรือตายเป็นศูนย์ ตามเป้าหมาย มี 38 จังหวัด ประกอบด้วย ภาคเหนือ 7 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 9 จังหวัด ภาคกลาง 15จังหวัด ภาคใต้7จังหวัด จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด เมื่อวานนี้ ได้แก่ จังหวัดชุมพร และนครนายก จำนวนจังหวัดละ 5 ราย จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด 2 วัน ได้แก่จังหวัดชุมพร นครนายก และพิจิตร จังหวัดละ 5 ราย
 
สาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุ ส่วนใหญ่ยังคงเกิดจากการเมาสุราร้อยละ 39 รองลงมาคือ การขับรถเร็วร้อยละ 21 พฤติกรรมเสี่ยงที่ก่อให้เกิดการบาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ การโดยสารรถจักรยานยนต์โดยไม่สวมหมวกนิรภัยร้อยละ 31 และ ไม่คาดเข็มขัดนิรภัยร้อยละ 3 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดได้แก่ รถจักรยานยนต์ร้อยละ 84 รองลงมา คือ รถปิคอัพร้อยละ7 มีการเรียกตรวจยานพาหนะทั้งสิ้น 686,758 คัน เพิ่มขึ้นจากวันที่ผ่านมา 169,118 คัน และมีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 74,538 ราย เพิ่มขึ้น 18,425 ราย มีการดำเนินคดีในข้อหาขับรถย้อนศรเพิ่มขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาร้อยละ 32 ข้อหาขับรถเร็วเพิ่มขึ้นร้อยละ 25 และเมาสุราเพิ่มขึ้นร้อยละ24 ตามลำดับ 
 
นายวิทยากล่าวต่อว่า เนื่องจากขณะนี้ได้เข้าสู่ช่วงการเฉลิมฉลองของเทศกาลสงกรานต์แล้ว โดยพบว่าวันที่ 13 เมษายน จะมีผู้เสียชีวิตจากการเมาแล้วขับสูงสุด ได้กำชับทุกจังหวัดดำเนินการตามมาตรการ 7 ข้อได้แก่ 1.ให้เข้มงวดกวดขันการบังคับใช้กฎหมายตามพระราชบัญญัติเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 และพระราชบัญญัติสุราพ.ศ.2493 อย่างเคร่งครัด จากการสำรวจของกรมควบคุมโรคยังพบว่ามีการจำหน่ายในสถานที่ห้ามขาย ได้แก่ปั๊มน้ำมัน สวนสาธารณะร้อยละ 4 เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา ส่วนการขายในเวลาห้ามขาย พบยังมีผู้กระทำผิด ร้อยละ0.4 ลดจากปีที่แล้ว 
 
2.ให้ควบคุม เฝ้าระวัง และติดตามการเล่นสาดน้ำบนท้ายรถกระบะที่บรรทุกถังน้ำและมีผู้โดยสารเล่นสาดน้ำ ตักเตือนไม่ให้มีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนรถกระบะ 3.ห้ามเล่นน้ำสงกรานต์ในพื้นที่เสี่ยง เช่น ริมถนนข้างทาง ทางร่วม ทางแยก เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ รวมทั้งการควบคุมมิให้มีการเล่นสาดน้ำที่อันตราย เช่น สาดน้ำไปที่รถจักรยานยนต์ขณะกำลังแล่นบนถนน 4.ขอความร่วมมือผู้ปกครองให้เฝ้าระวังเด็กและเยาวชน ที่ไม่มีใบอนุญาตขับขี่รถจักรยานยนต์ ขับรถหากเกิดอุบัติ ผู้ปกครอง หรือเจ้าของรถจักรยานยนต์ จะมีความผิดตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 
 
5. ในกรณีที่พบว่ามีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต อายุต่ำกว่า 20 ปี โดยมีสาเหตุมาจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้จังหวัดมีการสืบสวนและดำเนินคดีไปถึงผู้ขาย พร้อมทั้งแจ้งผลการดำเนินการมายังศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ เพื่อขยายผลการดำเนินการตามมาตรการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 6.ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตั้งจุดตรวจเน้นบนถนนสายรองในตำบล หมู่บ้าน บังคับใช้กฎหมายเข้มงวดทั้งเมาแล้วขับ ขับรถเร็ว และไม่สวมหมวกนิรภัย โดยเฉพาะผู้ขับขี่ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี ซึ่งเป็นช่วงอายุที่เสียชีวิตสูงสุด 7.ให้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่ผ่านเส้นทางที่มีการเล่นสาดน้ำสงกรานต์เป็นพิเศษ เนื่องจากสภาพถนนเปียกลื่น ซึ่งอาจมีการหยุดรถในระยะกระชั้นชิด ซึ่งเป็นสาเหตุที่ก่อให้ก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ให้ผู้ใช้รถจักรยานยนต์ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารสวมหมวกนิรภัยทุกครั้งในขณะขับขี่ จากสถิติอุบัติเหตุพบว่า การเสียชีวิตที่เกิดจากการไม่สวมหมวกนิรภัยยังอยู่ในเกณฑ์สูงถึงกว่าร้อยละ40

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net