เพลงรอรักวันแรงงาน

ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ

วันแรงงานแห่งชาติหมุนเวียนมาครบรอบอีกครั้ง และผู้เขียนสนใจทบทวนเนื้อเพลงคนใช้แรงงาน ซึ่งแง่มุมของการวิจัยเนื้อร้องของเพลง และอุดมการณ์ของการเมืองยังปรากฏไม่มากนัก ในแง่น่าสนใจวรรณกรรมแรงงาน รสนิยมเพลง และเพลงเกี่ยวกับวันแรงงานอย่างเพลงลูกจ้างอย่างเรา ที่ ดุสิต ดุริยศักดิ์ ขับร้อง ท่อนจบที่ว่า “...ชาตินี้มีแต่เพื่อนแท้ก็คือกำลัง หากสิ้นสิ่งนี้มีหวัง คงสิ้นคนจ้าง มีหวังตกงาน” ที่ฟังดูหดหู่ และน่าสงสารเนื่องจากยุคนั้นยังไม่มีกฎหมายคุ้มครองแรงงานอย่างจริงจัง ถ้าเป็นเพลงของผู้ใช้แรงงานผู้หญิง ก็จะนึกถึงเพลง “ฉันทนาที่รัก” ที่ รักชาติ ศิริชัย ร้อง โดยครูสุชาติ เทียนทอง เป็นผู้แต่ง ทั้งนี้คำว่า “ฉันทนา” ได้กลายมาเป็นคำเรียกที่หมายถึงสาวโรงงานในกาลต่อมา  

การเปรียบเทียบเพลงของลูกทุ่งย่อมแตกต่างจากเพลงเพื่อชีวิต หรือเพลงรำวงวันเมย์เดย์ ที่แต่งเนื้อร้อง/ทำนองโดยจิตร ภูมิศักดิ์ ภายใต้อิทธิพลพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย แต่เพลงลูกทุ่ง ก็มีการสร้างภาพแทนความจริงต่อสังคม ให้เกิดจินตนาการร่วมในแง่การจัดตั้งตนเองถึงองค์กรกรณีสหภาพแรงงานต่างๆ แต่มนต์เสน่ห์มายาเพลงลูกทุ่งก็มีปรากฏของ แมน เนรมิต ชื่อ “ลูกจ้าง” แต่เพลงนี้ออกเป็นแนวกุ๊กกิ๊กประเภทหลงรักลูกสาวนายจ้าง “ขอรับใช้ใกล้เจ้านายไม่ห่าง ขอเคียงข้างกับนายจ้างจริงใจ ฝากชีวิตให้เป็นสิทธิ์ของนาย...” เรียกว่าทำทุกอย่างเพื่อความรักนั่นเอง  

บทเพลงสะท้อนเกี่ยวกับกรรมกรนั้นยังมีอีกหลายเพลงที่เป็นที่จดจำเช่น "กรรมกรวอนแฟน” ยอดรัก สลักใจ “อกหนุ่มกรรมกร” สุนารี ราชสีมา “กรรมกรสอนลูก” ร้องโดยนักร้องเสียงดีชื่อ นัดดา จันทร์ฉาย อยู่ในชุด “ชิมรัก ชิมรส” หรือมีเพลงชื่อ “จากแม่มูลสู่เจ้าพระยา” ที่ เสรี รุ่งสว่าง กับ สิทธิพร สุนทรพจน์ เคยร้องไว้ แต่งโดย ธีระพันธ์ ชูพินิจ เป็นเพลงเกี่ยวกับคนใช้แรงงาน  

แต่ถ้าเป็นยุคหลังๆ เพลงแนวนี้เราก็นึกถึงเพลง “ลูกสาวนายจ้าง” ที่ไมค์ ภิรมย์พร นักร้องขวัญใจคนใช้แรงงานขับร้อง ซึ่งไมค์ได้ร้องเพลงเกี่ยวกับชีวิตผู้ใช้แรงงานมากมายจนกลายเป็นสัญลักษณ์ประจำตัว และไม่ใช่มีเพลงประเภทรักๆ ใคร่ๆ ระหว่างคนชั้นแรงงานเท่านั้นโดยเพลง “ผู้อยู่เบื้องหลัง” ในชุดแรกๆ ของเขาที่ขึ้นต้นมาก็ถามสะกิดใจกันเลยว่า “ตึกนี้สูงใหญ่ มือไผเล่าสร้าง...” ถือเป็นเพลงดีเด่นอีกเพลงหนึ่ง ที่สัก ลานไทร เป็นคนแต่ง แต่อาจจะไม่โด่งดังเท่ากับเพลง “ละครชีวิต” ที่ว่า “จากแดนอีสานบ้านเกิดเมืองนอน...” ที่วิเชษฐ ห่อกาญจนา แต่งไว้ [1] เป็นต้น  

ดังนั้น ประเด็นที่น่าสนใจ เนื่องจากวันแรงงานแห่งชาติ ช่วยให้แรงงานหลุดพ้นจากความทุกข์ยากจน เป็นคำถามต่อผู้อยู่เบื้องหลัง เป็นมือของผู้สร้างตึก และโอกาสของแรงงานสร้างสรรค์สังคม    

ประเด็นของอุดมการณ์ในเพลงรอรักวันแรงงาน  

เนื้อเพลง รอรักวันแรงงาน  

..คำวอนจากใจลูกผู้ชายที่ขายแรงงาน ส่งไปถึงเธอผู้นั้นได้พบกันที่หน้าโรงทอ ได้คุยแรกเห็นรู้ว่าเป็นคน ต.จ.ว. เหมือนกันกับพี่เลยหนอ คุยถูกคอเฝ้ารออยากเจอ จ.ม.ส่งไปถักหัวใจนำพา บางวันแอบโทรไปหาอยากจะมาพบหน้าเสมอ ลูกจ้างงานหลายเจ้านายไม่ได้มาเจอ อย่าลืมที่พี่เสนอนัดเจอที่วันแรงงาน พี่จะไปตามนัดด้วยใจจดจ่อ วันที่หนึ่งพอคอให้ไปรอตรงที่นัดกัน จะพาไปเที่ยวขันเกลียวน็อตใจผูกพัน มอบใจให้เป็นของขวัญวันแรงงานเพื่อสานใจต่อ ขอให้จริงจังที่พี่เฝ้าคอยจริงใจ ไม่มีโบนัสจากนายพี่ขอใจพบเธอก็พอ อย่าลืมคนดีให้ โอ.ทีสัมพันธ์เราต่อ จดจำวันที่หนึ่งพอ.คอ. พี่จะรอแก้มแดงแรงงาน..[2]  

การต่อสู้ของแรงงานหายไปจากเนื้อเพลงของไมค์ ภิรมย์พร โดยผูกพันเพลงขายแรงแต่งนาง……ความรู้ต่ำ แรงงานก็ราคาถูก อดทนปนทุกข์ เดินบุกเดินลุยทุกวัน เปลี่ยนแรงเป็นเงิน เผชิญกับความร้าวรานจะไปให้ถึงความฝัน ฝันถึงงานวันแต่ง ขอแรงคนดีให้คอยพี่บ้าง ได้โปรดถนอมใจนาง อย่าจืดจางระวังแก้มแดง รักจริง อย่าให้ใครชิงตำแหน่งเก็บรักษาแก้มแดง รอคนขายแรงจะไปแต่งนาง…. และเพลงเดินตามพ่อ…พ่อ เป็นมากกว่าพ่อคนไหน พ่อยิ่งใหญ่ เป็นหนึ่งในใจเรื่อยมาเป็นภาพจำ งดงามอยู่ในสายตา เป็นแรงศรัทธา แรงกล้าอยู่ในหัวใจ ถึงแม้ไม่อาจเทียบหนึ่งในล้านลูกขอตั้งปณิธาน สานสิ่งที่พ่อสร้างไว้จะเดินตาม รอยเท้าของพ่อต่อไป เหนื่อยยากเพียงไหนจะไม่ทำให้พ่อผิดหวัง..  

จะเห็นได้ว่านี่ประเด็นสะท้อนภาพของชาตินิยม ในฐานะลักษณะเชิงซ้อนของจินตนาการของภาพพ่อ ในฐานะของวันพ่อแห่งชาติ เป็นวันชาติไปด้วย นี่เป็นจุดเกี่ยวพันเชิงประวัติศาสตร์ของบริบทแรงงาน ในแง่ความนิยมของเพลงลูกทุ่งไทย (Thailand) ซึ่งสะท้อนจินตภาพของการเมืองเชิงซ้อนของเนื้อเพลงคล้ายการสร้างอุดมการณ์ของเพลงชาติไทย แต่ผ่านทางอารมณ์ความรู้สึกของประชานิยม (popular culture) ในภาวะแบบไทยๆ เป็นรูปธรรม เพราะการเมืองถูกผลึกหลอมรวมผ่านวันชาติ วันพ่อ วันแรงงาน ขายแรงแต่งนางเป็นการแต่งงานรวมชาตินิยม และเพลงในอัลบั้มนี้ กลายเป็นสิ่งปลูกสร้างอุดมการณ์ของครอบครัวแห่งชาติ  

จากหลังเหตุการณ์พฤษภาคม 2535 ในด้านหนึ่งของความตื่นตัวต้องการปฏิรูปโครงสร้างการเมือง ก็คาดหวังต่อรัฐบาลพลเรือน จนกระทั่งถูกพิสูจน์ว่าล้มเหลว ทำให้เกิดความเบื่อหน่ายต่อนักการเมือง จึงเป็นความรู้สึกร่วมไม่น้อย และประชาธิปไตยแบบตัวแทนเป็นเป้าถูกวิพากษ์วิจารณ์ ส่วนประชาธิปไตยทางตรง ก็เป็นข้อเรียกร้องมากขึ้นเรื่อยๆ มีคำศัพท์ถึงประชาสังคม,ประชาพิจารณ์,ประชาคมชุมชน,ประชามติ,เวทีประชาพิจารณ์ ฯลฯ ต่างจากคำศัพท์ เช่น สามัคคีทุน-ตีทหาร หรือการวิเคราะห์แนวทุน-วัง-ปืน ซึ่งด้านดีเป็นทางเลือกของสังคมไทย โดยความเป็นจริงเกิดการประท้วงของแรงงานไทย ต่อโรงงานในบริบทปี 2542-43 เป็นช่วงเวลาบริบทของเพลงรอรักวันแรงงานด้วย  

เมื่อกรณีดังกล่าวเกี่ยวข้องเจ้าของโรงงาน ทำให้สหภาพแรงงานถูกบอกไม่มีความจำเป็นกับโรงงานด้วย [3] โดยผลกระทบของยุควิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 และรัฐธรรมนูญ2540 ในกระแสสื่อสารมวลชนเป็นต้นมา สะท้อนภาพของการเมือง เศรษฐกิจ สังคมของไทย กำลังปรับตัวสภาพการจ้างงาน และค่าจ้าง รวมทั้งคนตกงาน ในยุคโลกาภิวัตน์ของทุนนิยม ภายใต้กระแสการสร้างประชาธิปไตยแบบปรึกษาหารือ และบริบทของเพลงเผยแพร่ 2542 ก็มีเพลงรอรักวันแรงงาน [4] และเพลงเดินตามพ่อ ในอัลบั้มขายแรงแต่งนาง และการสร้างรางวัลมาลัยทอง ปี 2543 จากคลื่นวิทยุลูกทุ่งเอฟเอ็ม ซึ่งเป็นปีแรกของการจัดการประกาศรางวัลมาลัยทองสำหรับคนลูกทุ่ง ในแง่รางวัลเพลงสร้างสรรค์  

แต่เพลงลูกทุ่งรุ่นใหม่ๆ ก็มีการกล่าวถึงชีวิตหนุ่มสาวโรงงาน และคนทำงานระดับกรรมกรมากมาย โดยเฉพาะเพลงในค่ายแกรมมี่โกลด์ นักร้องเกือบทุกคนจะมีเพลงที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับคนใช้แรงงานทั้งสิ้นและเนื้อหาของเพลงลูกทุ่งรุ่นใหม่ๆ ก็สะท้อนภาพความเปลี่ยนแปลงของคนหนุ่มสาวเหล่านี้ ที่มีโทรศัพท์มือถือและไม่ได้ฟังวิทยุทรานซิสเตอร์แบบดั้งเดิมเสียแล้ว เมื่อสาวโรงงาน และผู้ใช้แรงงานรุ่นใหม่นี้ มีความสามารถในการดาวน์โหลดเพลงและส่งข้อความเอสเอ็มเอสไปในรายการวิทยุ ค่ายเพลงก็มักมีการจัดกิจกรรมคอนเสิร์ตเพื่อกลุ่มคนใช้แรงงานกันบ่อยๆ และกลุ่มคนเหล่านี้ได้กลายเป็นกลุ่มเป้าหมายใหญ่ที่สำคัญของคนทำคลื่นวิทยุลูกทุ่งเวลานี้อีกด้วย[5]  

โดยประเด็นที่สำคัญที่พูดถึงงานเพลงจากบริษัทแกรมมี่โกลด์  คือ ความเกี่ยวพันของความสัมพันธ์ในอำนาจของเพลง ธุรกิจ การเมือง และสิ่งแวดล้อม สะท้อนความจริงทางสังคมผ่านศิลปะ ดนตรีเพลงพ่อของแผ่นดิน สะท้อนพ่อแห่งไทย [6] หรือ เพลงข้าวของพ่อโดยไมค์ ภิรมย์พร [7] และกรณีไหมไทย ใจตะวัน ก็ออกอัลบั้ม ที่มีชื่ออัลบั้ม  บ่มีสิทธิ์เหนื่อย 2553 เพลงที่ 1.บ่มีสิทธิ์เหนื่อย เป็นภาพสะท้อนมิวสิควิดิโอ และเนื้อเพลงเกี่ยวกับแรงงานก่อสร้าง ในบริบทช่วงหลังเหตุการณ์ทางการเมือง และอัลบั้มต่อมา คือ อัลบั้มชื่อสังกัดพรรคเพื่อเธอ 2555  ซึ่งเพลงสนุกๆ คือ เพลงที่ 1.สังกัดพรรคเพื่อเธอ ส่วนประเด็นสำคัญต้องการสะท้อนต่อเนื่องในเพลงที่ 2. ของอัลบั้ม คือ เพลงคนอ่อนไหว..กำลังใจสำคัญที่สุด  

ในที่สุด ท่อนเพลงสำคัญสอดคล้องกับภาพมิวสิควิดิโอ ที่แรงงานปกขาว คือ แรงงานแต่งตัวเป็นชายหนุ่มออฟฟิศแต่งตัวเสื้อเชิตทำงานหนักโดนเจ้านายด่า ท่ามกลางน้ำท่วม ซึ่งต่อมาเขาไปช่วยคนน้ำท่วมแถวโรงงาน และเขาก็ช่วยเด็กไว้ ทำให้เขาโดนไฟช็อตล้มลง ขณะนั้นโทรศัพท์มือถือจากแฟนโทรมาหาเขาช่วยเขาฟื้นคืนชีพได้ พร้อมเพลงประกอบมิวสิควิดิโอว่า ….ฉุดคนใกล้ตายมีแรงลุกขึ้น มาหายใจต่อ…  

แต่ทั้งนี้เนื้อหาของเพลงที่เกี่ยวกับคนงานดังที่ได้กล่าวไปในปัจจุบัน ก็ยังไม่ได้เชื่อมโยงถึงปัญหาของแรงงาน ไม่ว่าจะเป็นข้อเรียกร้องในวันแรงงาน หรือประเด็นผลกระทบน้ำท่วม ที่สร้างความยากลำบากให้คนงาน อาทิ การย้ายคนงาน ปรับลดคนงาน ฯลฯ ที่เป็นปัญหาแก่นแท้ของผู้ใช้แรงงานส่วนใหญ่ในประเทศไทย        

 

เชิงอรรถ  

[1] ผู้เขียนปรับปรุงเพิ่มเติมข้อมูลจากคมเคียวคมปากกา-เพลงคนใช้แรงงาน คมชัดลึก

[2] รอรักวันแรงงาน สนุกด็อทคอม

[3] ผู้เขียนเรียบเรียงเพิ่มเติมจากศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ “สิทธิดื้อแพ่ง, ความเป็นสาธารณะ และประชาธิปไตยของความเป็นศัตรู”รัฐศาสตร์สาร 22, 3 (2543): 284-306

[4] ชุดที่ 6 ขายแรงแต่งนาง (พ.ศ. 2542) วิกิพีเดีย

[5] จากคมเคียวคมปากกา-เพลงคนใช้แรงงาน,เพิ่งอ้าง

[6] พ่อแห่งแผ่นดิน วิกิพีเดีย

[7]ข้าวของพ่อ (2555) http://www.thai-farmer.com/thaifarmer/?p=281 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท