Skip to main content
sharethis

พนักงานชาวกะเหรี่ยงและพม่า ในโรงงานถลุงแร่ควอช ที่นิคมอุตสาหกรรม จ.ราชบุรี ร้องเรียนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกพบและขอร้องไม่ให้เรียกร้องสวัสดิการอีก พร้อมขู่ "จะไม่ได้อยู่ดีแน่" ทำให้พนักงานจำนวนหนึ่งไม่มาทำงานเนื่องจากเกรงไม่ปลอดภัย ขณะที่ผลเจรจากับโรงงานยังไม่มีความคืบหน้า โดยตัวแทนคนงานหวังเจรจากับเจ้าของโรงงานตัวจริง 

แฟ้มภาพแรงงานชาวกะเหรี่ยงและพม่า ชุมนุมเมื่อ 20 เม.ย. ที่ผ่านมา เรียกร้องให้โรงงานจีเอสเอ็นเนอร์จี จำกัด ซึ่งเป็นโรงถลุงแร่ควอช ปรับสวัสดิการให้เท่ากับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำของ จ.ราชบุรี ที่เพิ่งประกาศออกมาใหม่ (ที่มา: มติชนออนไลน์)

ตามที่มีข่าวว่า เมื่อวันที่ 20 เม.ย. ที่ผ่านมา พนักงานซึ่งส่วนใหญ่เป็นแรงงานข้ามชาติจากพม่า และแรงงานชาวกะเหรี่ยง ของบริษัทจีเอสเอ็นเนอร์จี จํากัด ซึ่งเป็นโรงงานถลุงแร่ควอช เพื่อใช้ทําผงเซลิก้า ประกอบเป็นชิ้นส่วนทําแผงโซลาร์เซล และทําสีนํ้าทุกชนิด ตั้งอยู่ภายในนิคมอุตสาหกรรมจังหวัดราชบุรี ต.เจ็ดเสมียน อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ได้ชุมนุมประท้วงเรียกร้องให้ผู้บริหารปรับค่าจ้างรายวันจากอัตราเดิมวันละ 190 บาท เป็นวันละ 251 บาท ตามประกาศค่าจ้างขั้นต่ำใหม่ที่มีผลตั้งแต่ 1 เม.ย. นอกจากนี้คนงานยังขอให้บริษัทปรับสวัสดิการอื่นให้เท่ากับที่เคยจ่ายเดิม ได้แก่ เงินรายเดือนให้จ่าย 1,500 บาท หลังบริษัทปรับลงมาเหลือ 1,400 บาท เงินค่าความร้อนให้จ่าย 80 บาท จากที่ลดลงมาเหลือ 70 บาท และเบี้ยขยันขอให้บริษัทจ่ายวันละ 90 บาท หลังจากที่ผ่านมามีการปรับลงมาเหลือ 39 บาทนั้น

สถานการณ์ล่าสุดจนถึงวันนี้ (23 เม.ย) ฝ่ายผู้บริหารโรงงานยังไม่ยอมปรับปรุงค่าจ้างและสวัสดิการตามที่พนักงานร้องขอ ขณะที่เกิดเหตุข่มขู่พนักงานที่เรียกร้องให้ปรับปรุงสวัสดิการด้วย โดยนายเอ (ขอสงวนนาม) พนักงานบริษัทดังกล่าว ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวประชาไทว่า เมื่อวานนี้ (22 เม.ย.) เวลาประมาณ 17.00 น. มีเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 3 นาย นัดให้ตัวแทนพนักงานมาพบตำรวจที่หน้านิคมอุตสาหกรรม เมื่อมาถึงได้ถ่ายรูปพนักงานที่มาพบ และข่มขู่ในทำนองว่าไม่ให้ชุมนุมเรียกร้องสวัสดิการกับบริษัทอีก และว่า "ไม่ต้องยุ่ง ถ้ายุ่งจะไม่ได้อยู่ดีแน่" และยังกล่าวด้วยว่าหากมีคนเคลื่อนไหวเรื่องนี้อีก "จะหายไปแน่"

โดยขณะนี้มีพนักงานในโรงงานประมาณ 20 คน ไม่ยอมมาทำงานแล้ว เนื่องจากเกรงสภาพความปลอดภัย โดยบางคนที่เป็นชาวกะเหรี่ยงได้กลับภูมิลำเนาที่ อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี

นายเอ กล่าวด้วยว่า พนักงานที่เรียกร้องให้โรงงานปรับเงินค่าจ้างและสวัสดิการ ไม่กล้าชุมนุมในช่วงนี้หลังจากที่ตำรวจมาที่โรงงาน อย่างไรก็ตามพนักงานในโรงงานจะขอรอพบกับเจ้าของโรงงานจริงๆ เพื่อร้องเรียนสิ่งที่เกิดขึ้น และเจรจาเรื่องสวัสดิการ ไม่ใช่คุยกับผู้จัดการ หรือหัวหน้าแผนกบุคคล ซึ่งไม่ใช่เจ้าของจริงๆ

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า ขณะที่ก่อนหน้านี้ เมื่อช่วงเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมา โรงงานดังกล่าวเคยประสบอุบัติเหตุเตาหลอมโลหะระเบิดกลางดึก ทำให้มีคนงานเสียชีวิต 2 คน บาดเจ็บประมาณ 15 คน ในจำนวนนี้มีผู้บาดเจ็บสาหัส 2 คน โดยรายหนึ่งยังรักษาตัวในโรงพยาบาลเนื่องจากมีอาการติดเชื้อ ขณะที่อีกรายหนึ่งอยู่ในสภาพทุพลภาพ ต้องลาออกจากงานเนื่องจากไม่สามารถทำงานต่อได้ โดยหลังประสบอุบัติเหตุ คนงานที่ได้รับบาดเจ็บรายนี้ได้รับเงินเดือนช่วยเหลือจากทางโรงงานอีก 3 เดือน และหลังจากนั้นไม่ได้รับเงินเดือนอีก

ทั้งนี้โรงงานดังกล่าว เดินเครื่องจักรทำงานตลอดเวลา 7 วัน ไม่มีวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดตามประเพณี โดยพนักงานที่ทำงานกับเตาหลอม ต้องทนทำงานในสภาพอุณหภูมิสูงตลอดเวลา โดยโรงงานแบ่งพนักงานทำงานเป็น 3 กะๆ ละ 8 ชั่วโมงต่อวัน

นอกจากนี้ โดยก่อนหน้านี้พนักงานได้ร้องเรียนสื่อมวลชนด้วยว่า ทางโรงงานได้ให้พนักงานเข้ามาทำงานในวันอาทิตย์ และวันหยุดเทศกาลด้วย แม้จะจ่ายเงินค่าล่วงเวลาแต่ไม่ยอมให้พนักงานลาเด็ดขาด โดยที่ผ่านมาในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โรงงานดังกล่าวก็ยังเปิดทำการตามปกติ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net