Skip to main content
sharethis

กสทช.โชว์วิสัยทัศน์ ตั้งเป้าหมายสู่การพลิกสังคมไทยสู่ระบบดิจิตอลเต็มรูปแบบ ในปี 2558 สอดรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ยันคนไทยมี 3จี ใช้ปีนี้แน่นอน พร้อมระบบทีวีดิจิตอลเริ่มแล้วปีนี้

(2 พ.ค.55) พล.อ.อ.ธเรศ ปุณศรี ประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ ประธาน กสทช. แถลงผลการดำเนินงานใน 6 เดือน ว่า หลังจาก กสทช. ได้รับการโปรดเกล้าแต่งตั้งฯ ให้ปฏิบัติหน้าที่กำกับดูแลกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2554 ที่ผ่านมา กสทช.ได้เดินหน้าวางรากฐานการกำกับดูแลกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม โดยมีเป้าหมายในการก้าวสู่การเปลี่ยนแปลงการสื่อสารครั้งสำคัญของประเทศไทยภายในปีนี้ ซึ่งจะประมูลคลื่น 3 จี ภายในเดือนกันยายน เริ่มต้นการเปลี่ยนผ่านโทรทัศน์ระบบดิจิตอลในปีนี้ และจะสมบูรณ์ภายใน 4 ปี การจัดระเบียบเคเบิ้ลทีวี การแก้ปัญหาวิทยุชุมชน การกำหนดมาตรการป้องกันคลื่นรบกวนการบิน และเน้นการดูแลคุ้มครองผู้บริโภค

ผลงานชิ้นสำคัญของ กสทช. ในการวางรากฐานไปสู่เป้าหมายดังกล่าว คือ การจัดทำ 3 แผนแม่บทหลัก ซึ่งได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 4 เมษายน ที่ผ่านมา ได้แก่ แผนแม่บทบริหารคลื่นความถี่ แผนแม่บทกิจการโทรคมนาคม และแผนแม่บทกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ซึ่งจะเปรียบเสมือนเข็มทิศนำทางให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบธุรกิจด้านการสื่อสาร ด้านอุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วนในการรองรับเทคโนโลยีใหม่ๆ หรือในภาคประชาชนได้เตรียมความพร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้น และเดินไปในทิศทางเดียวกัน โดยตั้งเป้าหมายสู่การพลิกสังคมไทยสู่ระบบดิจิตอลเต็มรูปแบบ ในปี 2558

พล.อ.อ.ธเรศ กล่าวว่า สาระสำคัญของแผนแม่บทแต่ละฉบับจะมีเป้าหมายที่ชัดเจน โดยแผนแม่บทบริหารคลื่นความถี่ จะขอเรียกคืนไลเซ่นที่ได้รับตามสัมปทานของโอเปอเรเตอร์ทุกราย ซึ่งจะต้องส่งคืนคลื่นที่ถือครองอยู่กลับมายัง กสทช. เพื่อจัดสรรใหม่ทันทีที่สัญญาสัมปทานสิ้นสุดลง และนำคลื่นที่ได้รับคืนดังกล่าวมาจัดสรรในรูปแบบใบอนุญาตใหม่ เพื่อผลักดันให้เกิดการแข่งขันเสรีและปฏิรูปกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม โดยผลักดันให้เกิดรูปแบบการตั้งบริษัทให้บริการเสาโทรคมนาคม สถานีฐาน (Tower Co) บริการเช่าโครงข่าย (Network Co) และบริการเช่าไฟเบอร์ออปติค (Fiber Co) ซึ่งจะเป็นการเช่าใช้โครงข่ายพื้นฐานระหว่างกัน (Infrastructure Sharing) โดยออกหลักเกณฑ์ หรือใบอนุญาตให้เอกชนทุกราย โดยเฉพาะผู้ที่ไม่มีโครงข่ายของตัวเองเข้ามาเช่าใช้เพื่อลดต้นทุน และสร้างตลาดให้เกิดผู้ประกอบการหน้าใหม่

ด้านแผนแม่บทกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์ มีเป้าหมายพลิกระบบทีวีอนาล็อกสู่ระบบทีวีดิจิตอล เพื่อให้ใช้คลื่นความถี่ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยในเบื้องต้นจะนำคลื่นความถี่ที่มีอยู่ และไม่ได้ใช้งาน เช่น ช่อง 2, 4, 6, 8 มาจัดสรรเพื่อทดลองออกอากาศ ซึ่งจะสามารถแพร่ภาพได้มากกว่า 50 ช่อง โดยมีเป้าหมายเริ่มทดลองการแพร่ภาพในอีก 6 เดือนข้างหน้านี้ และจะเริ่มเปิดประมูลใบอนุญาตประกอบกิจการทีวีดิจิตอลได้ภายในต้นปี 2556 และคาดว่า ในอีก 3 ปีข้างหน้า กิจการโทรทัศน์ของประเทศไทยจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก

สำหรับกระบวนการออกใบอนุญาตทีวีดิจิตอล ช่วงที่ 1 จะเริ่มตั้งแต่ปีนี้จนถึงปี 2557 จากนั้นจะเข้าสู่ช่วงที่ 2 จนเสร็จสมบูรณ์ในปี 2559 โดยมีเป้าหมายการยกเลิกการออกอากาศทีวีอนาล็อคในต้นปี 2558 สำหรับด้านกระบวนการออกใบอนุญาตทีวีมือถือ หรือโมบายทีวีจะเริ่มในกลางปี 2556 ถึงกลางปี 2557

ประธาน กสทช. กล่าวต่อไปว่า กสทช. ยังอยู่ในระหว่างการจัดระเบียบโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม และเคเบิ้ลทีวี โดยการร่างกฎเกณฑ์การออกใบอนุญาตสำหรับการประกอบกิจการโทรทัศน์ทั้ง 2 ประเภท และให้ผู้ประกอบการที่ไม่ได้อยู่ในระบบมาเข้าระบบใบอนุญาตฯ โดยเฉพาะทีวีดาวเทียม

ที่สำคัญระบบบนทีวีดิจิตอล จะเอื้อต่อการเผยแพร่ระบบเตือนภัยพิบัติ เพื่อประกาศให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลโดยเฉพาะภัยธรรมชาติ ซึ่งจะเผยแพร่ได้แม่นยำ เที่ยงตรง เข้าถึงทุกครัวเรือน โดยเรื่องของการเตือนภัยนั้นจะกำหนดไว้ในเงื่อนไขหลักเกณฑ์ใบอนุญาตที่ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ทุกรายจะต้องปฏิบัติ

สำหรับแผนแม่บทกิจการโทรคมนาคม มุ่งเดินหน้าเปิดให้บริการโทรศัพท์มือถือ 3 จี บนคลื่นความถี่ย่าน 2.1 กิกะเฮิรตซ์ รองรับการให้บริการอินเตอร์เน็ตบนมือถือได้อย่างมีประสิทธิภาพที่ความเร็วสูงสุด 100 Mbps โดยมีเป้าหมายเปิดประมูลภายในเดือนกันยายน

กสทช. ยังให้ความสำคัญกับการคุ้มครองสิทธิในการใช้บริการ และเข้าถึงข่าวสารอย่างเท่าเทียมกันของผู้บริโภค โดยได้กำหนดกฎระเบียบต่างๆ เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับประโยชน์สูงสุดจากบริการด้านโทรคมนาคม อาทิ การโฆษณาเกินจริงทางทีวีดาวเทียม การกำหนดอัตราขั้นสูงของค่าบริการโทรศัพท์มือถือประเภทเสียงให้เก็บได้ไม่เกิน 0.99 บาทต่อนาที และการออกประกาศอัตราค่าบริการขั้นสูงของข้อมูล เช่น เอสเอ็มเอส (SMS) เอ็มเอ็มเอส (MMS) รวมถึงการใช้อินเทอร์เน็ตบนคลื่นความถี่เดิมที่ไม่ใช่ 3G ซึ่งคาดว่าจะสามารถออกประกาศได้ในปีนี้ โดยประชาชนจะได้รับประโยชน์จากการกระตุ้นและส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมโทรคมนาคมหลายประการ อาทิ ประชาชนจะสามารถเข้าถึงและใช้บริการได้มากขึ้น โดยคาดว่าผู้บริโภคจะมีความต้องการใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เพิ่มขึ้นกว่า 60% จากการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น และจะทำให้ต้นทุนในการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ลดลงกว่า 13%

นอกจากนี้ กสทช. ยังได้ร่วมกับบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด กำหนดมาตรการป้องกันการรบกวนวิทยุสื่อสารที่มีคลื่นแทรก เพื่อให้การติดต่อสื่อสารระหว่างนักบินและผู้ควบคุมการจราจรทางอากาศเป็นไปอย่างชัดเจน เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุทางการบิน ซึ่งหลังจากการกวดขันอย่างเข้มงวดทำให้สามารถลด อัตราการรบกวนคลื่นวิทยุลดถึง 65%

“กสทช. กำลังเดินหน้าผลักดันงานด้านการกำกับต่างๆ ให้เกิดผลสำเร็จ ซึ่งจะส่งผลให้ประชาชนชาวไทยทุกคนได้รับประโยชน์จากทรัพยากรคลื่นความถี่ของชาติอย่างสูงสุด ทั้งในด้านการศึกษา เศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิตที่ดี เพื่อให้อนาคตของชาวไทยทุกคนมีความสุขร่วมกันอย่างยั่งยืน” ประธาน กสทช. กล่าว

 

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net