Skip to main content
sharethis

หลังจากกรณีที่เฉินกวงเฉิง นักกิจกรรมตาบอดหนีออกจากการกักบริเวณของจีนไปอยู่ในสถานทูตสหรัฐฯ ขณะที่ภรรยาเพื่อนของเฉินและองค์กร ChinaAid เผยว่า ครอบครัวเฉินถูกรัฐบาลจีนข่มขู่ ทำให้เขาจำต้องออกจากสภานทูต

 
3 พ.ค. 2012 - เว็บไซต์ ChinaAid รายงานว่าเมื่อเวลาประมาณ 2 ทุ่ม ของวันที่ 2 พ.ค.ตามเวลาของจีน เชงจินยาน ภรรยาของหูเจียเพื่อนสนิทของเฉินกวงเฉิง นักกิจกรรมที่หนีการกักบริเวณของรัฐบาลจีน ได้โพสท์ข้อความในทวิตเตอร์บอกว่าสื่อไม่ได้รายงานข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับกรณีของเฉินกวงเฉิง โดยเฉินไม่ได้ออกจากสถานทูตสหรัฐฯ ด้วยความประสงค์ของตนเอง
 
มีสื่อบางฉบับในจีนรายงานว่า รัฐบาลสหรัฐฯ และจีน ต่างก็ตกลงร่วมกันในกรณีของเฉิน ซึ่งเป็นเรื่อง "น่าอับอาย"
 
ต่อมา เซง จินยาน กล่าวผ่านทวิตเตอร์ว่า กวงเฉินโทรศัพท์หาเธอบอกว่า เขาไม่ได้พูดว่า "ผมอยากจูบ" ฮิลลารี่ คลินตัน ตามที่สื่อรายงาน แต่เขาใช้คำว่า "ผมอยากพบกับ" ฮัลลารี่ คลินตัน รมต.ต่างประเทศ ของสหรัฐฯ
 
ChinaAid เผยครอบครัวเฉินถูกข่มขู่
ทวีตตอบโต้ดังกล่าวนี้เกิดขึ้นหลังจากที่สื่อรัฐบาลจีนรายงานข่าวว่า เฉิน กวงเฉิง เดินออกมาจากสถานทูตสหรัฐซึ่งอยู่ภายใต้การคุ้มครองทางการทูตด้วยตนเองเมื่อวันที่ 2 พ.ค.
 
บ็อบ ฟู ประธาน ChinaAid ได้รับโทรศัพท์จาก ไมค์ โพสเนอร์ ผู้ช่วยของฮิลลารี่ คลินตัน ซึ่งจะมาเยือนจีนพร้อมกับฮิลลารี่ โพสเนอร์บอกว่า เขาได้ร่วมเดินทางไปเยี่ยมครอบครัวของเฉินในกรุงปักกิ่ง รวมถึงไปเยี่ยมบางคนในโรงพยาบาล
 
โพสเนอร์กล่าวย้ำว่าทางการสหรัฐฯ มีหน้าที่ดูแลให้ครอบครัวของเฉินปลอดภัยและเป็นอิสระ ขณะเดียวกันก็บอกว่าต้องมีการปฏิบัติตามข้อตกลงที่ทางรัฐบาลจีนและรัฐบาลสหรัฐฯ วางไว้ การแก้ต่างทางกฏหมายของเฉินจึงจะเป็นผล
 
อย่างไรก็ตามทาง ChinaAid ก็ได้รับรายงานจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือบอกว่า เหตุที่เฉินตัดสินใจออกจากสถานทูตสหรัฐฯ เนื่องจากถูกบังคับให้ทำ จากการที่รัฐบาลจีนข่มขู่สมาชิกครอบครัวของเฉิน และจากรายงานที่เกี่ยวข้องกันระบุว่าทางสหรัฐฯ ได้ทอดทิ้งเฉินแล้ว
 
ส่วนทวิตเตอร์ของเชงจินยาน เขียนไว้ว่า "หยวนเว่ยจิง (ภรรยาของเฉิน) บอกเมื่อตอนเที่ยงว่า เธอพบเจอเฉินกวง เจ้าหน้าที่ในเมืองหลินยี่ มณทลซันตง ได้วางกล้องวงจรปิดไว้ในบ้านเฉิน และมียามถือไม้เฝ้าอยู่ในบ้าน ถ้าหากกวงเฉิงไม่ออกจากสถานทูตสหรัฐฯ ภรรยาและลูกของเขาจะถูกส่งตัวกลับไปที่บ้านในเมืองหลินยี่ มณทลซันตงโดยทันที"
 
ทวิตเตอร์ของจินยานเผยอีกว่า "กวงเฉิงไม่ได้ต้องการออกจากสถานทูตสหรัฐฯ แต่เขาไม่มีทางเลือก หากเขาไม่ออก หยวนเว่ยจิง จะถูกส่งกลับซันตงโดยทันที หวาน เว่ยจิง บอกกับฉันว่า 'จินยาน ฉันกลัวมาก' "
 
บ็อบ ฟู บอกว่าพวกเขาเป็นห่วงเรื่องสถานการณ์ของเฉิน หากการที่เขาถูกบีบให้ออกจากสถานทูตสหรัฐฯ เป็นเรื่องจริง และเรียกร้องให้ทั้งรัฐบาลจีนและรัฐบาลสหรัฐฯ เปิดเผยรายละเอียดการเจรจาในเรื่องเฉินและครอบครัวของเขา เพื่อที่ประชาคมโลกจะสามารถให้ความเชื่อถือต่อต่อทั้งสองฝ่ายได้
 
ด้านสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า หลังจากที่เฉินออกจากสถานทูตสหรัฐฯ แล้วเขาก็อาศัยอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลจีนในโรงพยาบาลกรุงปักกิ่ง
 
เฉิน เผยอยากออกจากประเทศ 
และเมื่อวันที่ 3 พ.ค. เฉินก็ได้ใช้โทรศัพท์ในโรงพยาบาลคุยกับนักข่าวบอกว่าเขาอยากออกจากประเทศจีน และกลัวเรื่องความปลอดภัยของครอบครัวเขา หากเขายังคงอยู่ในจีนภายใต้สภาพที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ บอกว่าเขายังรู้สึกมีความสุขดีอยู่
 
"ผมรู้สึกไม่ปลอดภัย สิทธิและสวัสดิภาพของผมไม่มีใครรับรองได้ที่นี่" เฉินกล่าว และเสริมอีกว่าครอบครัวเขาก็สนับสนุนให้เขาเดินทางไปสหรัฐฯ
 
ฮิลลารี่ ไม่ได้กล่าวถึงกรณีเฉิน
ในวันเดียวกัน (3 พ.ค.) ฮิลลารี่ คลินตัน ผู้ที่ตกอยู่ภายใต้การจับตามองของบุคคลทางการทูต ก็ได้เป็นประธานกล่าวเปิดการประชุมยุทธศาสตร์และเศรษฐกิจสหรัฐ-จีน (S&ED) โดยใช้โอกาสนี้กล่าวเรียกร้องให้จีนปกป้องสิทธิมนุษยชน แต่ก็ไม่ได้เน้นย้ำถึงกรณีเฉิน กวงเฉิง
 
ด้านประธานาธิบดีจีน หู จินเทา กล่าวปราศรัยว่าทั้งจีนและสหรัฐฯ ควรเคารพกันและกันแม้จะมีความเห็นไม่ตรงกัน
 
"พิจารณาจากสภาพการณ์ของประเทศที่ต่างกันแล้ว มันเป็นไปไม่ได้ที่ทั้งจีนและสหรัฐฯ จะมองในทุกๆ ประเด็นด้วยสายตาที่ตรงกัน" หู กล่าว
 
ทางการจีนร้องสหรัฐฯ ขอโทษ กรณีให้เฉินอยู่นสถานทูต
ทางสำนักข่าวซินหัวของจีนรายงานว่า ทางการจีนเรียกร้องให้สหรัฐฯ ขอโทษในกรณีที่ให้ที่อยู่แก่เฉิน กวงเฉิง โดยหลิว เหว่ยมิน โฆษกการต่างประเทศของจีนกล่าวว่า ทางการจีนรู้สึกไม่พอใจในเรื่องนี้ และการกระทำของสหรัฐฯ ถือเป็นการแทรกแซงกิจการภายใน
 
 
 
 
เรียบเรียงจาก
Chinese dissident Chen seeks US exile deal
 
ChinaAid Response to Chen Guangcheng “Walking Out of US Embassy”, ChinaAid, 02-05-2012
 
Zeng Jinyan: Chen Guangcheng Talked to Me. What Media Reported Is Wrong., ChinaAid, 02-05-2012
 
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net