Skip to main content
sharethis

 ‘5 พ.ค.’ วันนักเขียน อ่านบทสัมภาษณ์ ‘บัณฑิต อานียา’ (ถึงจะเก่าแต่ยังไม่ได้เผยแพร่ที่ไหน) นักเขียนอาวุโส ผู้ได้รับความสนใจขึ้นมาอย่างปัจจุบันทันด่วน (อาจจะโดยไม่ตั้งใจ) หลังวิกฤตการเมืองไทยยุครถไฟขบวน 112 วันนี้เราลองมาคุยถึงเรื่องตัวตนและงานของนักเขียนที่ได้รับการยกย่องว่า ‘กึ่งบ้า-กึ่งอัจฉริยะ’ และมุมมองต่อ 'ความโง่' ในสังคมไทย

ย้อนไปต้นเดือนตุลาคมในขณะที่ในเมืองกรุงยังคงไร้ความกังวลเรื่องมวลน้ำ พวกเราได้นัดพูดคุยกับลุง ‘บัณฑิต อานียา’  นักเขียน ‘เสียดสี’ รุ่นเดอะที่ผ่านร้อนผ่านหนาวทนแรง ‘เสียดทาน’ จนแทบกระอัก มาอย่างยาวนานคนหนึ่ง  

อารมเสียดสีและการท้าทายสังคมผ่านงานเขียนของลุงบัณฑิตนั้นหลายครั้งก็ทำให้ขำไม่ออก เมื่อเจ้าตัวต้องไประเห็จไปอยู่ในเรือนจำ รวมถึงเกือบถูกช๊อตไฟฟ้าในโรงพยาบาลจิตเวช ในข้อหา ‘คนบ้า’ และอาจจะเป็นนักเขียนเจ้าเดียวในประเทศไทยที่ผ่านโรงพยาบาลบ้ามาถึง 3 สถาบัน

นี่เป็นอีกหนึ่งบทสัมภาษณ์ กับนักเขียนที่อาจจะ ‘บ้า’ เกินไปสำหรับสังคมไทย ‘ไทย’ …

0 0 0 color:#0000CC">

“ผมก็ดีขึ้น 50% และผมอยากจะหายให้หมด ถ้ามีคนซื้อหนังสือผม ผมก็อาจจะหายบ้าได้” mso-themeshade:128">

ได้ข่าวว่าเป็นคนบ้า?

คือไม่ใช่ข่าวครับ มันเป็นความจริงเลยครับ

ก็คือผมผ่านโรงพยาบาลโรคจิตมาสามสถาบัน จิตแพทย์สามคนลงความเห็นว่าผมเป็นโรคจิต

แต่ผมเคยอ่านนิตยสารชัยพฤกษ์ เมื่อหลายสิบปีก่อนอาจารย์ท่านหนึ่งได้กล่าวว่าถ้าจิตแพทย์กับคนไข้โรคจิตได้พบกัน จิตแพทย์จะยังไม่รักษา แต่จิตแพทย์มีหน้าที่พูดให้คนไข้โรคจิตรู้ตัวว่าตัวเองเป็นโรคจิตและก็ยอมรับว่าตัวเองเป็นโรคจิต ถ้าคนไข้คนไข้รู้ตัวและยอมรับว่าตัวเองเป็นโรคจิต อาการโรคจิตก็จะหายไป 50% ส่วนอีก 50% อยู่ที่การรักษาพยาบาล

ในทำนองเดียวกันนี้เมื่อจิตแพทย์สามคนบอกว่าผมเป็นโรคจิตและผมก็ยอมรับว่าผมเป็นโรคจิต อาการโรคจิตของผมก็หายไปแล้ว 50% อีก 50% จะหายก็ต่อเมื่อมีคนซื้อหนังสือผม

เพราะฉะนั้นคุณต้องซื้อผมถึงจะหายเป็นโรคจิต

เมื่อยอมรับแล้วเป็นยังไงต่อ? color:#0000CC">

ผมก็ดีขึ้น 50% และผมอยากจะหายให้หมด ถ้ามีคนซื้อหนังสือผม ผมก็อาจจะหายบ้าได้

แล้วคนอื่นจะเป็นบ้าไหม ถ้าอ่านหนังสือลุงบัณฑิต?

ถ้าคนอื่นเป็นบ้าผมได้ยิ่งดีเลย แผ่นดินนี้จะได้น่าอยู่ขึ้น ระบบการปกครองจะได้ดีขึ้น

ทำไมถึงมีความพยายามที่จะดิ้นรนขายหนังสือของตัวเองขนาดนั้น? color:#0000CC">

ก็เรามีความคิดที่จะเผยแพร่ความคิดที่ดีงามและถูกต้องให้สังคมไทย เพราะสังคมไทยเป็นสังคมที่เลว ต้องเอาหนังสือผมไปเผยแพร่ แล้วจะรู้ว่ามันดียังไง และผมอธิบายได้ ว่าสิ่งที่ผมเสนอในหนังสือเป็นประโยชน์ต่อแผ่นดินไทย ต่อคนไทยทั้งแผ่นดิน และผมก็สู้มาตลอด

สังคมไทยเป็นสังคมที่เลวเพราะระบอบปกครองมันเลว รัฐธรรมนูญมันก็เลว กฎหมายมันก็เลว กระบวนการยุติธรรมมันก็เลว สื่อมวลชนมันก็เลว นักวิชาการมันก็เลว

แล้วพวกคุณเป็นสื่อมวลชนหรือเปล่า คุณเป็นคนดีหรือคนเลว

ระบบการปกครองมันเลวยังไงบ้าง? color:#0000CC">

ระบอบการปกครองมันทำให้พวกที่มีอำนาจมีอำนาจเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง จนกระทั่งทำให้ประชาชนกลายเป็นสัตว์หรือต่ำยิ่งกว่าสัตว์ และระบอบการปกครองแบบนี้มันผูกขาดด้วย

ถ้ามันเลวจริงแล้วทำไมคนถึงยอมเป็นสัตว์? color:#0000CC">

ก็เพราะว่าคนโดนปลูกฝัง ถูกใส่ข้อมูลว่าระบบการปกครองนี้ดีที่สุด และผู้คนส่วนใหญ่ก็โง่ ส่วนน้อยฉลาดแต่ส่วนน้อยที่ฉลาดมันก็เอาตัวรอดไม่กล้าพูด

แต่ตอนนี้ส่วนน้อยที่ฉลาดมันเริ่มมากขึ้นแล้ว และมีความกล้าหาญมากขึ้น ดังนั้นการปกครองที่เลวจะต้องสิ้นสุดลง... ในไม่ช้า

"It better to die in Moscow than to stay in Thailand" color:gray;mso-themecolor:background1;mso-themeshade:128">

ย้อนไปเรื่องที่ผ่านโรงพยาบาลบ้ามาสามสถาบัน เรื่องราวเป็นยังไงบ้าง?

ผมมีความฝันว่าอยากจะไปอยู่ที่ประเทศรัสเซีย ในปี พ.ศ. 2508 ผมจึงเอามุ้งไปกางนอนหน้าสถานทูตรัสเซีย และเขียนข้อความไว้หน้าสถานทูตว่า "It better to die in Moscow than to stay in Thailand" ตำรวจมาจับผมส่งโรงพยาบาลศรีธัญญา เป็นครั้งแรก

ครั้งที่สองปี พ.ศ. 2518 ผมเขียนหนังสือชื่อดาวแดง มีข้อความที่หน้าปกว่า “จักรพรรดิปิศาจสามแสนล้าน เสวยเพชรพลอยและทองคำเป็นอาหาร ส่วนประชาชนต้องกินน้ำเลือดน้ำหนองของแผ่นดิน” โดยจักรพรรดิที่กล่าวนี่ผมหมายถึงจักรพรรดิของเอธิโอเปีย มันปกครองประชาชนชาวเอธิโอเปีย มันรวยสามแสนล้าน แต่ประชาชนชาวเอธิโอเปียกลับยากจน ผมเลยเขียนว่าอย่างนี้ เสร็จแล้วข้างในเล่มผมยังเขียนต่อไปว่าไอ้จักรพรรดิคนนี้มันหวงมงกุฎของมันมาก แต่ผมเขียนบอกว่ารองเท้าของผมที่ซื้อหลังกระทรวงยังมีค่ามากกว่ามงกุฎของมัน จากนั้นพอมีคนอ่านหนังสือเล่มนี้ที่เป็นฝ่ายขวาก็ไปฟ้องอธิบดีกรมตำรวจในยุคนั้นว่าหนังสือดาวแดงมีข้อความหมิ่นสถาบันกษัตริย์ทั้งเล่ม เขาก็จับผมส่งโรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา และหมอก็ลงความเห็นว่าผมเป็นโรคจิต ครั้งนั้นเขายังไม่เอาผมเข้าคุก พอลงความเห็นว่าผมเป็นโรคจิตก็ปล่อยผมไป

ครั้งที่สามปี พ.ศ. 2547 ผมได้ไปพูดในงานสัมมนาของ กกต. และก็เอาหนังสือที่เขียนไปขายด้วย ที่โรงแรมโซลทวิน ทาวน์เวอร์ ต่อมาผมก็โดนจับในปลายเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2547 จากนั้นปี พ.ศ. 2548 ผมถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลโรคจิตสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์

ถ้าปีไหนลงท้ายด้วยเลข 8 ผมมักจะมีเรื่องเสมอครับ

(อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับคดีของบัณฑิต: LM watch: กรณีบัณฑิต อานียา (จือเซ็ง แซ่โค้ว) ,LM watch, 12 พ.ค. 2552) color:#C00000">

ยังเชื่อว่าคนไทยนี่โง่อยู่? color:#0000CC">

ส่วนหนึ่งโง่อยู่

โง่ยังไง? color:#0000CC">

ก็ส่วนหนึ่งยังอ่านหนังสือปีละ 8 บรรทัดอยู่ ก็แปลว่าโง่อยู่ แต่ถ้าเราจะพูดเอาใจคนไทยว่าคนไทยนี่อ่านหนังสือปีละ 8 บรรทัดแปลว่าเขารู้ดีหมดแล้ว ไม่ต้องอ่านมากอ่านปีละ 8 บรรทัดก็พอ ถ้าจะพูดแบบประจบสอพลอเอาใจก็ได้ จะพูดในสองด้านก็ได้

แล้วอ่านหนังสือทำให้คนฉลาดยังไง บางคนอ่านหนังสือบางเล่มยังโง่อยู่?

ก็ไปอ่านหนังสือที่คนเขียนโง่ไง

หนังสือประเภทไหนที่อ่านแล้วโง่? color:#0000CC">

หนังสือที่เขียนประจบสอพลอระบบการปกครองเลวๆ หรือหนังสือเกี่ยวกับขนบธรรมเนียมให้คนสวามิภักดิ์ต่อผู้มีอำนาจ ผู้มีเงิน โดยไม่คำนึงถึงว่ามันจะมีอำนาจและมีเงินมาด้วยวิธีใด หนังสือแบบนี้ยิ่งอ่านยิ่งทำให้โง่ขึ้น

เรื่องนี้ขอยกตัวอย่างพูดถึงนักเขียนที่ผมชอบแปลอย่าง B.Traven เค้าเคยพูดถึงศาสนาของเขา เขาบอกว่า "โบสถ์นั้นไม่มีอะไรดีเลย มีแต่ทำให้พวกเราชาวอินเดียนโง่แล้วโง่มากขึ้น" ประโยคนี้มีอยู่ในหนังสือที่ผมแปลของ B.Traven

งั้นต้องอ่านหนังสือของลุงบัณฑิตอย่างเดียวเลยหรือ? color:#0000CC">

ไม่ๆ ต้องอ่านอย่างอื่นด้วย.

 

 

 

อนึ่ง ปัจจุบันสมอลล์ บัณฑิต อานียา ยังคงผลิตผลงานเขียนของเขาอยู่อย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยปัญหาด้านสุขภาพรวมถึงการขาดทุนทรัพย์ในการนำผลงานต้นฉบับมาตีพิมพ์เพื่อเผยแพร่ต่อสาธารณะ เขาจึงมีความประสงค์ที่จะขายหนังสือ ‘7 ชั่วโมงแห่งความสุขกับประธานาธิบดี บิลล์ คลินตันแห่งสหรัฐฯ’ และหนังสือแปล ‘นิทานพื้นบ้านญี่ปุ่น’ ในจำนวนตั้งแต่ 50 – 100 เล่ม ในราคาพิเศษ รวมถึงหนังสือเล่มอื่นๆ สนใจติดต่อบัณฑิต อานียา 083-0619237

 ผลงานตีพิมพ์ของบัณฑิต อานียา ต่างๆ อาทิเช่น …

 1.ภาพนี้มีความหมาย (ใช้นามปากกา)               

2.ชายแก่คนหนึ่งเป็นบ้าแก้ผ้าวิ่งรอบสนามหลวง

3.หล่อนถูกโกงล็อตเตอรี่รางวัลที่ 1 (ชื่อเดิม)       

4.ผู้มาเยือนยามวิกาล เรื่องแปล

5.จิตวิทยาศาสนา (ความเชื่อและความจริง)       

6.แม้แต่หนอนยังพลิกตัว

7.ของจริงและของปลอม                                    

8.คนหมายเลขศูนย์ เรื่องแปล

9.The Dream Under the Sun                        

10.พวงมาลัยดอกมะลิสด (นามปากกา  ชัง พัชรินทร์)

11.สันติภาพกลางอากาศ                                

12.เบอร์ลินรันทด เรื่องแปลและเรื่องเขียน

13.จานบินจากนอกโลก                                    

14.นายพลนักล้วง เรื่องแปล (นามปากกา)

15.ทหารนิรนาม เรื่องแปล (นามปากกา)          

16.มาคาริโอ  เรื่องแปล

17.ท่านบึกคึกฯ สารพัดฯ                                 

18.อาคันตุกะยามรัตติกาล เรื่องแปล

19.อยู่อย่างมีสุข  (ใช้ชื่อ เสรี บุญเสริมสร้าง)      

20.รวมเรื่องสั้นเล่มแรก (ใช้ชื่อบัณฑิต นามสกุลอื่น)

21.โบสถ์สกปรก                                              

22.สี่สิบห้าวันในวันที่คุมขังสัตว์มนุษย์

23.นิทานพื้นบ้านญี่ปุ่น                                     

24.ทักษิณ  ชินวัตร

25.ขจัดความเจ็บปวดเมื่อตกงาน  เรื่องแปล      

26.จดหมายถึงทักษิณ

27.บิดาของท่าน บิดาของข้าพเจ้า                    

28.เด็กหญิงมยุรากับหมาไม่มีปลอกคอตัวหนึ่ง

29.เด็กหญิงนภาไปซื้อความยุติธรรมที่ตลาดมืด

30.I MARRY WITH A LADY DOG

31.แด่บิลล์ และโมนิกา ด้วยความรัก                

32.หุ่นยนต์คอมพิวเตอร์

33.ทักษิณสู้เพื่อชาติ                                       

34.ภิกษุณีผู้ทรงศีล

35.ชีวิตลับพระเยซู  เรื่องแปล                          

36.ผ่างบกองทัพ

37.ลุงนวมทองสู้จอมเผด็จการ (ใช้นามปากกา)  

38.วรจนะเพื่อชาติ

39.สิ่งที่เกิดขึ้นได้ในประเทศไทย                        

40.บทภาพยนตร์ เรื่อง คณะประชาชนปฏิวัติ

41.ดวงใจแม่ เรื่องแปล                                     

42.เด็กหญิงแมวเป็นนายกรัฐมนตรี       

 

 

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net