Skip to main content
sharethis

เผยเล็งขยายพื้นที่หนองคาย-นครพนม หลัง กพร.ออกตัวปฏิเสธข่าวแก้ไขกฎหมายอำนวยความสะดวกให้บริษัทเหมืองแร่จีน แจงหวั่นปัญหาเหมืองแร่ในจีนมีทั้งมาตรฐานด้านวิศวกรรมต่ำ ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม การละเมิดสิทธิฯ

 
จากการแถลงข่าวของอธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) กระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กพร. และกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานีหารือได้ข้อยุติการตรวจสอบขั้นตอนการขอประทานบัตรเหมืองแร่โปแตช ทั้งนี้ ในเนื้อหาส่วนหนึ่งอธิบดี กพร.ได้ระบุว่า การเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เมื่อประมาณกลางเดือนเมษายน 2555 ได้มีการยกแหล่งแร่โปแตชให้ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน พร้อมทั้งแก้ไขกฎหมายอำนวยความสะดวกให้แก่บริษัทเหมืองแร่ของจีนนั้น ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง
 
“กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ จะดำเนินการรับจดทะเบียนคำขออาชญาบัตรพิเศษ และดำเนินการคำขอตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบปฏิบัติต่อไป มิได้มีการแก้ไขกฎหมายหรือระเบียบปฏิบัติ เพื่อเอื้อประโยชน์แก่ผู้ประกอบการรายหนึ่งรายใดแต่อย่างใด” อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่กล่าว (อ่านรายละเอียดใน www.dpim.go.th)
 
วันนี้ (9 พ.ค. 55) นายสุวิทย์ กุหลาบวงษ์ ผู้ประสานงานศูนย์ข้อมูลสิทธิมนุษยชนและสันติภาพ (ศสส.) อีสาน ซึ่งได้ติดตาม ตรวจสอบ กรณีการทำเหมืองแร่โปแตชในภาคอีสานมาอย่างต่อเนื่อง เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า หลังจากที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางไปเยือนประเทศจีนก็ปรากฏว่ามีข่าวที่เกี่ยวเนื่องกับนายทุนเหมืองของจีน รุกเข้ามาเพื่อขอสัมปทานแหล่งแร่ในภาคอีสานเพิ่มขึ้นอีกหลายพื้นที่
 
นายสุวิทย์ กล่าวให้ข้อมูลว่า ตามขั้นตอนกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประกาศยกเลิกมาตรา 6 ทวิ วรรคสอง ของ พ.ร.บ.แร่ 2510 ในเขตพื้นที่ที่กำหนดให้เป็นเขตสำหรับดำเนินการสำรวจ การทดลอง การศึกษา หรือการวิจัยเกี่ยวกับแร่ได้เป็นกรณีพิเศษ เพื่อเปิดให้เอกชนสามารถยื่นคำขออาชญาบัตรกับกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กระทรวงอุตสาหกรรมเพื่อประกอบการเชิงพาณิชย์ และทำการผลิตแร่โปแตช
 
“จากการติดตามพบว่ากำลังมีการยื่นขออาชญาบัตรเพื่อทำการสำรวจแหล่งแร่โปแตช ในพื้นที่ อ.สังคม, อ.ท่อบ่อ, อ.ศรีเชียงใหม่ และ อ.สระใคร จ.หนองคาย เนื้อที่ประมาณ 100,000 ไร่ อ.เรณูนคร และ อ.พระธาตุพนม จ.นครพนม เนื้อที่ประมาณ 100,000 ไร่เช่นเดียวกัน โดยบริษัท แม่โขงไมนิ่ง และบริษัท ไทยโปแตช คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างทั้งไทย-จีน และ ไทย-ฝรั่ง” ผู้ประสานงานศูนย์ข้อมูลสิทธิมนุษยชนและสันติภาพ (ศสส.) อีสานกล่าว
 
นอกจากนี้โครงการเหมืองแร่โปแตช จ.อุดรธานี ที่มีชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ฯ คัดค้านมากว่า 12 ปี ก็มีข่าวว่าบริษัท อิตาเลี่ยนไทย ผู้ขอประทานบัตรกำลังจะขายหุ้น เพื่อระดมให้กับโครงการที่ต้องใช้ทุนมหาศาลอย่างโครงการท่าเรือน้ำลึกและนิคมอุตสาหกรรมทวายในพม่า พร้อมกันนี้ บริษัทอิตาเลี่ยนไทย ก็ได้ตกลงที่จะขายหุ้นส่วนหนึ่งในเหมืองแร่อลูมิเนียมในลาวให้กับผู้ร่วมลงทุนจากจีน (ดูใน http://www.bangkokpost.com/business/economics/290833/itd-set-to-sell-stakes)
 
“ถึงแม้ว่ายังไม่มีการเปิดเผยออกมาก็เชื่อว่าเหมืองแร่โปแตชที่อุดรฯ จะขายให้จีน เพราะที่ผ่านมาอิตาเลี่ยนไทย มีความสัมพันธ์ที่ดีกับนายทุนจีน ซึ่งรวมทั้งโครงการทวายนี้ด้วย” นายสุวิทย์ให้ข้อมูล
 
นายสุวิทย์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ทุนจีนได้รุกคืบเข้ามาอย่างหนักในภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง โดยมีกลุ่มนักธุรกิจในนาม “สมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน” เดินสายล็อบบี้ เพื่อให้เกิดการลงทุนในภาคอีสาน และการเดินทางไปเยือนประเทศจีนของนายกรัฐมนตรี ก็เพื่อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ระหว่างกัน โดยเฉพาะกรณีโครงการเหมืองแร่โปแตช หากว่าหน่วยงานของรัฐเอื้อประโยชน์ให้ต่างชาติเข้ามากอบโกยเอาทรัพยากร ก็จะเกิดผลกระทบตามมาอย่างมหาศาล
 
“การทำเหมืองในประเทศจีนมีปัญหามาก ทั้งในเรื่องมาตรฐานด้านวิศวกรรมที่ต่ำ เกิดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยที่ประชาชนไม่มีส่วนร่วมของในการตัดสินใจ ดังนั้น การที่ กพร.กำลังจะเอาแผ่นดินไทยไปขายให้ต่างชาติ กพร. ต้องตอบให้ได้ว่าประชาชนจะได้ประโยชน์อะไร” นายสุวิทย์ กล่าวทิ้งท้าย
 
ภาพจากการชุมนุมของชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี จำนวนกว่า 300 คน บริเวณหน้ากรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) กระทรวงอุตสาหกรรม เมื่อวันที่ 2 พ.ค.55 เพื่อทวงถามความคืบหน้าจากการยื่น 5,800 รายชื่อ คัดค้านการประกาศเขตคำขอประทานบัตร โครงการเหมืองแร่โปแตช จ.อุดรธานี
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net