Skip to main content
sharethis
 
เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2012 สำนักข่าว BBC ได้นำเสนอรายงาน 'เดอะ ดิกเตเตอร์ : เหตุใดผู้นำเผด็จการถึงชอบทำเรื่องแปลก' เขียนโดย เฮเลีย ชุง เนื้อหาของบทความมีดังต่อไปนี้
 
ภาพยนตร์ตลกเรื่องล่าสุดของซาชาร์ บารอน โคเฮน ชื่อเดอะ ดิกเตเตอร์ หรือ จอมเผด็จการ เป็นเรื่องราวชวนหัวของตัวละครสมมุติที่ชื่อนายพลอลาดีน ผู้นำประเทศทางตอนเหนือของแอฟริกา ซึ่งเป็นการนำเสนอภาพผู้นำที่ชอบทำอะไรแปลกๆ ในมุมมองที่สุดโต่ง
 
ตัวละครเอกของโคเฮนใช้ชีวิตอย่างหรูหราอยู่ในประเทศสมมุติชื่อวาดิยา โดยมีกองทัพบอดี้การ์ดสาวรายล้อม
 
ข้อมูลจากวิกิพีเดียระบุว่า ภาพยนตร์มีกำหนดฉายวันที่ 16 พ.ค. 2012 เป็นเรื่องเกี่ยวกับ "จอมเผด็จการผู้เสี่ยงชีวิตของตัวเองเพื่อคอยปกป้องไม่ให้ประชาธิปไตยเข้ามากร้ำกรายประเทศที่เขากดขี่ใช้อำนาจอย่างรักใคร่"
 
ซึ่งตัวละครแบบนี้เอง ได้รับแรงบันดาลใจมาจากมุมมาร์ กัดดาฟี อดีตผู้นำลิเบียที่ถูกสังหารหลังจากถูกโค่นล้มจากอำนาจเมื่อปีที่แล้ว
 
"เผด็จการมักจะหลงผิดคิดว่า 'ไม่ว่าฉันจะทำอะไรก็เป็นเรื่องโอเค' " เฟรด คูลลิดจ์ ศาตราจารย์จิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยโคโลราโดกล่าว เขาเป็นคนที่คอยเก็บข้อมูลประวัติของคิมจองอิล, ซัดดัม ฮุสเซ้น และอดอล์ฟ ฮิตเลอร์
 
เฟรด เชื่อว่าผู้นำเหล่านี้จำนวนมากจะมีลักษณะความผิดปกติทางบุคลิกภาพผสมปนเปกัน ไม่ว่าจะเป็น ความหลงตัวเอง (narcissism), หวาดระแวง และซาดิสม์
 
จากการศึกษาเรื่องราวชีวิตของเหล่าผู้นำเผด็จการที่มีชื่อเสียงบางคน อะไรกันที่เป็นแรงขับให้เขาทำพฤติกรรมประหลาดๆ 
 
ผู้ทดสอบอำนาจ : กรณีของ จักรพรรดิ์ คาลิกูลา ค.ศ. 12-41
จักรพรรดิ์ คาลิกูล่าของอาณาจักรโรมันเป็นหนึ่งในจอมเผด็จการยุคแรกๆ ของประวัติศาสตร์ ผู้ที่เป็นคนอารมณ์ร้อนและมีนิสัยทำอะไรคาดเดาไม่ได้
 
"เขาเคยสั่งให้เรือแล่นมาเรียงตัวกันเป็นเส้นตรงพาดผ่านอ่าวเนเปิ้ล เพื่อที่เขาจะได้ใช้เดินข้ามจากเมืองหนึ่งไปยังอีกเมืองหนึ่งได้" ดร. เบเนต ซัลเวย์ กล่าว เขาเป็นอาจารย์อาวุโสด้านประวัติศาสตร์มหาวิทยาลัยลอนดอนคอลเลจ
 
คาลิกูลา ยังชื่นชอบม้าแข่งมากๆ ด้วย เขามักจะใช้จ่ายฟุ่มเฟือยไปกับม้าตัวโปรดของเขาในบ้าน ซื้อทาสจำนวนมาก และดื่มไวน์จากถ้วยทองคำ
 
พฤติกรรมแปลกๆ คาดเดาไม่ได้ของคาลิกูลา เช่นครั้งหนึ่งเขาเคยสั่งให้ทหารเก็บสะสมเปลือกหอยในช่วงที่มีการรบต่อต้านบริเทน (อังกฤษในปัจจุบัน) ทำให้มีคนตั้งคำถามกับสภาพทางจิตของเขา
 
อย่างไรก็ตาม ศจ. ปีเตอร์ ไวส์แมน นักประวัติศาสตร์ยุคคลาสสิก จากมหาวิทยาลัยเอ็กเซเตอร์เชื่อว่าคาลิกูล่ารู้ดีว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ เขาแค่ฉวยโอกาสความเป็นไปได้ในการใช้อำนาจอย่างเบ็ดเสร็จและทำตัวเอาแต่ใจ
 
ด้าน ดร. ซัลเวย์เชื่อว่า การที่ค่าลิกูลาขึ้นสู่อำนาจขณะยังไม่เป็นผู้ใหญ่ ด้วยอายุเพียง 24 ปี รวมถึงการขาดประสบการณ์ ถือเป็นสิ่งที่อธิบายการกระทำของเขาได้
 
"เป็นเรื่องง่ายที่เราจะได้เห็นใครก็ตามที่ได้รับอำนาจเบ็ดเสร็จโดยไม่มีการเตรียมการ จะทำให้เขาซึมซับอำนาจเข้าไปโดยตรง เหมือนกับว่าคุณมีนายกรัฐมนตรีวัยรุ่นโดยที่ไม่ได้ฝึกฝนเขามาก่อน"
 
ซัลเวย์บอกอีกว่า เขาอาจจะทำสอบขีดจำกัดของการใช้อำนาจของเขาเองด้วย "ทุกครั้งที่มีคนคล้อยตามความต้องการของเขา มันจะกลายเป็นการส่งเสริม และทำให้เขาเชื่อว่าเขาเป็นผู้มีอำนาจอย่างยิ่ง"
 
แต่ก็ไม่ใช่ทุกเรื่องพฤติกรรมแปลกแยกของผู้นำคนนี้จะเป็นเรื่องที่เชื่อถือได้ เรื่องที่ว่าคาลิกูล่าแต่งตั้งให้ม้าของเขาเป็นกงสุล ตำแหน่งสูงสุดของโรม ถือเป็นเรื่องเข้าใจผิด
 
ดร.ซัลเวย์ กล่าวยืนยันว่า ไม่มีม้าตัวใดที่เคยได้เป็นกงสุล แม้ว่าข้อมูลทางประวัติศาสตร์จะบ่งบอกว่าคาลิกูล่ามั่นหมายจะทำเช่นนี้
 
"แต่มันเหมือนเป็นเรื่องขำขัน ที่มาจากปากของเหล่าสมาชิกวุฒิสภา ที่ไม่ถูกกับคาลิกุล่า"
 
หมอผีหวาดระแวง : กรณีของ ฟรองชัวส์ ดูวาเลียร์ ค.ศ. 1907-1971
จอมเผด็จการหลายคนมักจะมีแนวโน้มเป็นโรคจิตหวาดระแวง โดยที่สภาพแวดล้อมรอบข้างจะกลายเป็นตัวส่งเสริมด้วย
 
"บุคลิกลักษณะของพวกเขาทำให้ตัวพวกเขาเองยังรักษาอำนาจไว้ได้ ตัวอย่างเช่น หากคุณเป็นคนที่ไวต่อการรับรู้เรื่องภัยคุกคามหรือการวางแผนสมคบคิด คุณก็จะสามารถกำจัดคู่แข่งของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ (ไม่ว่าจะเป็นคู่แข่งจริงๆ หรือแค่จินตนาการไปเองก็ตาม)"
 
อดีตประธานาธิบดีของเฮติ ฟรองชัวส์ "ปาป้า ด็อค" ดูวาเลียร์ แสดงออกถึงความหวาดระแวงหลายครั้งมากในตลอดระยะเวลาที่ยังดำรงตำแหน่งอยู่ 14 ปี
 
จากการที่เป็นหมอผีวูดู เขาเป็นคนที่เชื่อในไสยศาสตร์มาก เขาเชื่อว่าตัวเองมีวิญญาณวูดูคอยคุ้มครองอยู่ในทุกวันที่ 22 ของเดือน ในช่วงปีหลังๆ เขาจะยอมออกจากทำเนียบประธานาธิบดีแค่ในวันที่ 22 ของเดือนเท่านั้น
 
เขาอ้างว่าได้ใช้คำสาปของวูดูเล่นงานปธน. จอห์น เอฟ เคนเนดี ของสหรัฐฯ และบอกว่าที่เคนเนดีถูกสังหารในวันที่ 22 พ.ย. 1963 เป็นเพราะอำนาจอิทธิฤทธิ์ของเขาเอง
 
เขามีองครักษ์ส่วนตัวชื่อ ตอนตอน มาคูเตส ซึ่งเป็นคำแสลงในภาษาเฮติหมายถึงบูกี้แมน (bogeyman-เป็นภูตผีที่มักผู้ใหญ่มักใช้เล่าขู่ให้เด็กกลัว มีรูปร่างลักษณะต่างกันไปในแต่ละพื้นที่) รวมถึงได้สั่งห้ามองค์กรต่างๆ ที่เขาคิดว่าเป็นภัยต่อการปกครองของเขารวมถึง องค์กรลูกเสือด้วย
 
มีรายงานว่าฟรองชัวส์เป็นผู้ที่สั่งให้มีการสังหารสุนัขสีดำทุกตัวในเฮติ เขารอดพ้นจากการลอบสังหารมาได้ 6 ครั้ง แต่ก็เสียชีวิตจากโรคภัยไข้เจ็บในปี 1971
 
ผู้หลงตัวเอง : กรณีของ อิดี อามิน ค.ศ. 1920 - 2003
อิดี อามิน ปกครองอูกันดาในช่วงทศวรรษ 70s ชอบเรียกตัวเองว่าเป็น "ผู้พิชิตจักรวรรดิ์อังกฤษ" และที่เป็นที่รู้จักคือ "กษัตริย์แห่งสก็อตแลนด์" โดยที่อิดียังได้แต่งตั้งตัวเองให้เป็นจอมพล และมอบ เหรียญอิสริยาภรณ์ของกองทัพอังกฤษ กับเหรียญกล้าหาญกองทัพบกอังกฤษ ให้กับตัวเองด้วย
 
เขาหลงตนถึงขนาดว่าตัวเขามีศักดิ์เทียบเท่าหรือมากกว่าพระราชินีอลิซาเบธที่สองของอังกฤษ และบอกว่าตัวเขาควรจะเป็นประมุขของเครือจักรภพ ไม่ใช่พระราชินี
 
มีรายงานว่าเขานำหัวของศัตรูทางการเมืองแช่ไว้ในตู้เย็นของเขาด้วย แม้ว่าเรื่องนี้จะยังไม่ได้รับการยืนยัน แต่มีครั้งหนึ่งที่เขาพูดกับที่ปรึกษาของเขาก่อนอาหารเย็นว่า "ผมต้องการกินหัวใจของคุณ ผมต้องการกินลูกๆ ของคุณ"
 
เขามีภรรยา 5 คน มีลูกหลายสิบคน และขอให้คนเรียกตัวเองว่า "พ่อใหญ่" (Big Daddy)
 
ลัทธิบูชาบุคคล : กรณีของ ซาปาร์มูรัท นิยาซอฟ ค.ศ. 1940 - 2006
ซาปาร์มูรัท นิยาซอฟ เป็นประธานาธิบดีที่ดำรงตำแหน่งตลอดชีวิตของเติร์กเมนิสถาน เขาได้สร้างลัทธิบูชาตัวบุคคลขึ้นในระดับที่เทียบชั้นกับ "จอมเผด็จการ" ของโคเฮนได้เลย
 
นิยาซอฟให้คนสร้างรูปปั้นทองคำและทำให้หมุนได้เพื่อที่จะสามารถหันไปหาพระอาทิตย์ได้ตลอดเวลา
 
ขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่ของเติร์กเมสนิสถานยังคงอยู่ในภาวะยากจน เขากลับมีพระราชวังน้ำแข็งสร้างอยู่ที่เมืองหลวง และสั่งให้มีการสร้างทะเลสาปในใจกลางทะเลทราย
 
เขายังได้ตั้งชื่อเมือง, สวนสนุก, เดือนมกราคม และอุกกาบาตตามชื่อของเขา
 
แม้ว่าเขาจะมีโครงการที่ใหญ่โต แต่ผู้นำคนนี้ก็เป็นที่รู้จักดีในฐานะผู้ที่ออกกฏหมายแปลกๆ หลังจากที่เขาเลิกบุหรี่ในปี 1997 เขาสั่งให้รัฐมนตรีทุกคนเลิกตามเขาด้วย เขายังได้สั่งห้ามการแสดงบัลเลต์, โอเปร่า, และการไว้ผมยาวกับการไว้หนวดเคราของผู้ชาย
 
เขาเขียนหนังสือเช่นเดียวกับซัดดัม ฮุสเซ็น หนังสือชื่อ 'รัคห์นามา' เป็นการรวบรวมความคิดของเขาเกี่ยวกับอัตลักษณ์และประวัติศาสตร์ของชาวเติร์ก ซึ่งกลายมาเป็นหนังสือที่ต้องอ่านในห้องสมุดของโรงเรียนและมหาวิทยาลัย ที่แปลกก็คือ ประชาชนต้องสอบผ่านเกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้ด้วยถึงจะได้รับอนุญาตให้มีใบขับขี่ได้
 
เช่นเดียวกับ คาลิกูล่า เขาชื่นชอบม้าและได้เปิดสถานพักผ่อนสำหรับม้าด้วยเงิน 20,000,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งมีสระว่ายน้ำ, เครื่องปรับอากาศ และศูนย์การแพทย์ อยู่ภายใน
 
นิยาซอฟเสียชีวิตในปี 2006 และรูปปั้นทองคำของเขาถูกย้ายออกไปในปี 2010
 
ผู้ที่สืบอำนาจต่อจากเขาคือ เคอบันกูลี เบอดีมุคาเมดอฟ จัดให้มีการประกวดม้าสวยงามในปี 2011 ซึ่งมีการให้รางวัลพรมปูม้ายอดเยี่ยม และรางวัลเครื่องแต่งกายวันหยุดยอดเยี่ยมสำหรับม้าด้วย
 
มายาคติภาพลักษณ์ : กรณีของ คิม จอลอิล ค.ศ. 1942-2011
มีเผด็จการยุคใหม่เพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ถูกนำมาถกเถียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางมากเท่าผู้นำเผด็จการคนก่อนหน้านี้ของเกาหลีเหนือ คิม จองอิล
 
จากการพยายามทำตัวเป็นคุณพ่อที่แสนดี คิม จองอิล ได้ใช้สื่อที่รัฐบาลควบคุมเป็นเครื่องมือในการรักษามายาคติภาพลักษณ์เรื่องอำนาจสถานะของตน
 
เรื่องต่างๆ ที่นำเสนอมีตั้งแต่เรื่องที่ดูเกินจริงไปจนถึงเรื่องธรรมดาทั่วไป จากการบอกเล่าของทางการเผิดเผยว่าเมื่อคิมถือกำเนิดมาก็มีรุ้งกินน้ำสองสายและมีดาวส่องสว่างอยู่บนท้องฟ้า และเมื่อเขาเสียชีวิตทะเลน้ำแข็งขนาดใหญ่ก็แตกออกเป็นสองซีก
 
สื่อของรัฐบาลเกาหลีเหนือเปิดเผยอีกว่า เมื่อคิมโยนโบวลิ่งครั้งแรก เขาได้คะแนนเต็ม 300 และเมื่อเขาตีกอล์ฟครั้งแรกเขาก็ตีได้โฮลอินวัน 5 หลุม อันเดอร์พาร์ 38
 
"เผด็จการไม่สนใจว่าตนจะต้องทุ่มเงินเป็นล้านเพื่อส่งเสริมลัทธิบูชาตัวบุคคล และมีความเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่นต่ำ มองแค่ความต้องการของตนเอง" ศจ.คูลลิดจ์กล่าว
 
เช่นเดียวกับ นิยาซอฟ แน่นอนว่าชีวิตของคิม จองอิล สะท้อนความเป็นอยู่หรูหรา ขณะที่ชาวเกาหลีเหนือหลายแสนคนกำลังจะตายด้วยความอดอยาก
 
มีรายงานเปิดเผยว่า ขณะที่คิมซึ่งเดินทางไปเยือนรัสเซียโดยทางรถไฟเนื่องจากเกลียดการขึ้นเครื่องบิน เขาได้สั่งให้มีการขนส่งล็อบสเตอร์ทางอากาศมาให้ที่รถไฟทุกวัน
 
ความชื่นชอบในภาพยนตร์ของเขาทำให้เขาสั่งให้จับตัวผู้กำกับภาพยนตร์ชาวเกาหลีใต้และภรรยาที่เป็นนักแสดงมา และสั่งให้สร้างภาพยนตร์สำหรับเขา จนกระทั่งศิลปินสองรายนี้สามารถหลบหนีออกมาได้
 
ต้องโทษที่อำนาจ หรือ บุคลิกลักษณะ?
ศจ. คูลลิดจ์กล่าวว่า ขณะที่กลุ่มยีนส์ทำให้เกิดความผิดปกติทางบุคลิกลักษณะได้ เช่น การหลงตัวเอง, หวาดระแวง และต่อต้านสังคม แต่สภาพแวดล้อมก็มีส่วนผลักดันพวกเขา โดยเฉพาะผู้ที่มีอำนาจมาแต่กำเนิด
 
"การสืบทอดทางพันธุกรรมนั้นแข็งแรงมากเท่าหรือมากกว่าสภาพแวดล้อม อย่างไรก็ตาม ขณะที่พันธุกรรมเป็นความโน้มเอียงที่จะเกิดความผิดปกติ แต่สภาพแวดล้อมก็ช่วยส่งเสริมให้ความโน้มเอียงนี้เกิดขึ้นหลายเท่าตัว"
 
ศจ. คูลลิดจ์ ให้ข้อมูลว่าลักษณะของผู้หลงตัวเอง (narcissist) จะฝักใฝ่ในอำนาจและถูกดึงดูดด้วยตำแหน่งยศถาสูงๆ ได้ง่าย
 
"หากคุณต้องการจะมีอำนาจ และคุณมีแรงขับที่ว่านั้น คุณอาจกลายเป็นเผด็จการได้ นี่เป็นสิ่งที่ยากจะต้านทาน และเมื่อพวกเขาได้อำนาจมาแล้ว พวกเขาก็ลงยาก บุคลิกลักษณะเหล่านี้มักจะทำให้เขาอยู่ในอำนาจได้ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าหากคุณรู้สึกไวต่อการคุกคามและการวางแผนสมคบคิด คุณก็จะกำจัดศัตรูคู่แข่งของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ" ศจ. คูลลิดจ์กล่าว 
 
มีบุคคลต่อต้านสังคมจำนวนมากที่มีเสน่ห์ดึงดูด และใช้เสน่ห์ที่ว่านี้เพื่อขึ้นสู่อำนาจ และบางครั้งก็ขึ้นสู่อำนาจด้วยความโหดเหี้ยมด้วย
 
 
 
ที่มา
The Dictator: Why do autocrats do strange things?

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net