Skip to main content
sharethis
เพื่อไทยเคารพมติศาลรัฐธรรมนูญ ที่ให้ “จตุพร” พ้นสมาชิกภาพ ส.ส. แม้จะไม่เห็นด้วย ทั้งข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง พร้อมระบุ “สรรพภัญญู” จะเลื่อนขึ้นเป็น ส.ส. แทน ด้านประชาธิปัตย์เกาะติดคดีรอดูคำวินิจฉัยก่อนยื่นยุบพรรคเพื่อไทย
 
18 พ.ค. 55 - สำนักข่าวไทยรายงานว่า ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 7 ต่อ 1 ให้สมาชิกภาพ ส.ส.ของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่ม นปช. สิ้นสุดลง เนื่องจากขณะเลือกตั้งถูกจับกุมคุมขัง ซึ่งเป็นข้อบัญญัติว่า เป็นคุณสมบัติต้องห้ามการเป็นสมาชิกพรรคการเมือง  ทำให้ขาดสมาชิกภาพของพรรคเพื่อไทย และส่งผลต่อสมาชิกภาพ ส.ส. ด้วย ว่า  พรรคเพื่อไทยเคารพมติศาลรัฐธรรมนูญ แต่ไม่เห็นด้วย ทั้งในข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง
 
ร.ท.หญิง สุณิสา กล่าวว่า สำหรับ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ลำดับถัดไป ที่จะเลื่อนขึ้นมาเป็น ส.ส.แทน นายจตุพร คือ ผู้สมัครในลำดับที่ 70 นายสรรพภัญญู ศิริไปล์ ซึ่งขั้นตอนต่อไป ประธานสภาผู้แทนราษฎร จะเป็นผู้แจ้งต่อที่ประชุมสภาฯ  วันจันทร์ที่ 21 พ.ค. เพื่อให้ นายสรรพภัญญู ได้กล่าวคำปฏิญาณตนต่อสภาฯ
 
สำหรับคำวินิจฉัยครั้งนี้ จะส่งผลให้มีการยุบพรรคเพื่อไทยหรือไม่นั้น ร.ท.หญิง สุณิสา กล่าวว่า  ขึ้นอยู่กับว่าจะมีผู้ร้องหรือไม่  แต่พรรคมั่นใจว่าสามารถที่จะชี้แจงได้ เพราะเราเชื่อโดยสุจริตว่า  นายจตุพร มีคุณสมบัติครบถ้วน และสังคมก็คงเห็นเช่นเดียวกัน คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังรับรองคุณสมบัติความเป็นผู้สมัคร ส.ส.ให้กับ นายจตุพร และยังประกาศรับรองความเป็น ส.ส.ของ นายจตุพร อีกด้วย แสดงให้เห็นว่า พรรคไม่ได้มีเจตนา ที่จะส่งผู้ที่ขาดคุณสมบัติ ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แต่อย่างใด
 
“ส่วนการพ้นสภาพความเป็น ส.ส. ของ นายจตุพร จะมีผลต่อการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี หรือไม่  ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของนายกรัฐมนตรี ว่าจะปรับ ครม. หรือไม่ และเมื่อไร ซึ่งพรรคเพื่อไทยยืนยันว่า หากมีการปรับ ครม.เกิดขึ้น ทุกอย่างเป็นไปตามหลักความรู้ความสามารถ และเพื่อประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก” ร.ท.หญิง สุณิสา กล่าว
 
ปชป.เกาะติดคดี “จตุพร” รอดูคำวินิจฉัย ก่อนยื่นยุบพรรคเพื่อไทย 
 
ด้านเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดง ให้พ้นสมาชิกภาพว่า การที่นายจตุพรถูกคำวินิจฉัยของศาลให้พ้นสมาชิกภาพตามรัฐธรรมนูญมาตรา 100 (3) และ 101 (3) ซึ่งนายจตุพร ไม่มีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้งตั้งแต่ต้นแล้ว ขณะเดียวกัน นายจตุพรลงสมัครรับเลือกตั้งโดยมติของกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย ซึ่งขัดกฎหมายพรรคการเมืองและกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และ ส.ว. ตามมาตรา 34 และ 139 ซึ่งมีผลต่อนายจตุพร ที่ระบุว่าผู้ใดรู้และรู้ว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.และเป็นผู้มีลักษณะต้องห้าม มิให้สมัครรับเลือกตั้ง ได้สมัครรับเลือกตั้ง โดยฝ่าฝืนมาตรา 34 และมาตรา 35 หรือมาตรา 38 วรรคสอง ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1- 10 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนด 10 ปี
 
นายเทพไท กล่าวว่า ส่วนข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับพรรคการเมืองโดยเฉพาะมาตรา 94 ของกฎหมายพรรคการเมือง ระบุว่า เมื่อพรรคการเมืองกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้ อาจจะถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคการเมือง ซึ่งในมาตรา 94(2) ระบุว่าการกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และ ส.ว. หรือประกาศของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งมีผลทำให้ผลการเลือกตั้งไม่ได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม ดังนั้นต้องดูว่าการที่พรรคเพื่อไทยมีมติส่งนายจตุพรลงสมัครรับเลือกตั้ง ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แล้วว่านายจตุพรขาดคุณสมบัติ แล้วยังมีมติส่งลงเลือกตั้งอีก ก็ต้องพิจารณาดูว่าขัดมาตรา 94 หรือไม่ เชื่อว่าหลังจากนี้ฝ่ายกฎหมายของพรรคประชาธิปัตย์จะนำเอาคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมาวิเคราะห์ว่าการกระทำดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 100 (3) และ 101 (3) และกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และ ส.ว. มาตรา 34 และ 139 และกฎหมายพรรคการเมืองมาตรา 94 (2) และมาตรา 98 หรือไม่ เพราะเชื่อว่าหากขัดจะมีผลกระทบต่อพรรคเพื่อไทยอย่างแน่นอน เพราะหากขัดก็จะถึงขั้นยุบพรรคตามมาตรา 94 วรรคสอง
 
นายเทพไท กล่าวว่า จากนี้ไป กกต.จะต้องนำคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมาพิจารณาว่าจะมีการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสิทธิทางการเมืองนายจตุพร 10 ปีหรือไม่ และจะต้องยื่นต่ออัยการสูงสุดกรณีที่จะมีการยุบพรรคเพื่อไทยด้วย โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีผู้ร้องเพิ่ม แต่หาก กกต.ไม่ดำเนินการ กกต.ก็อาจถูกดำเนินการเองก็ได้ 
 
ด้านนายวิรัตน์ กัลยาศิริ ส.ส.สงขลา หัวหน้าทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมานายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้รับรองว่านายจตุพร เป็นสมาชิกของพรรคเพื่อไทย จึงถือว่าเป็นการรับรองเท็จ เข้าข่ายผิดกฎหมายอาญา นายยงยุทธเป็นกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย และพรรคเพื่อไทยได้ประโยชน์เพราะนายจตุพรได้เป็น ส.ส. ดังนั้นเมื่อศาลวินิจฉัยเป็นอย่างนี้ พรรคเพื่อไทยก็อาจถูกยุบพรรคได้ เพราะให้การรับรองที่เป็นเท็จ ซึ่งทีมกฎหมายกำลังดูคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญอย่างเป็นทางการอีกครั้ง จากนั้นจะยื่นต่อ กกต.เพื่อยุบพรรคเพื่อไทยเป็นครั้งที่ 3 
 
ที่มาเรียบเรียงจาก: สำนักข่าวไทย 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net