Skip to main content
sharethis
 “ปู” กำชับมาตรการส่งแรงงานไปบาห์เรน ชูบ้านเอื้ออาทรเป็นแบบอย่าง  
 
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจร ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้ปรารภในที่ประชุมถึงผลการเยือนประเทศบาห์เรน ว่ายุทธศาสตร์สำคัญของบาห์เรนคล้ายกับไทย เพราะไทยกำลังจะวางยุทธศาสตร์เป็นประเทศที่เป็นคอนเนกอินนิตี้กับประเทศใน กลุ่มลุ่มน้ำโขง ประเทศในประชาคมอาเซียน รวมถึงประเทศพม่า ซึ่งข่าวดีคือบาห์เรนเห็นชอบที่จะสนับสนุนให้เอกชนและรัฐบาลของเขาสั่งซื้อ ข้าวและผลไม้ ดอกไม้จากประเทศไทยมากขึ้น ขณะที่ภาคการก่อสร้างที่บาห์เรนก็ต้องการแรงงานทักษะฝีมือสูงจากประเทศไทย นายกฯจึงให้นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ไปศึกษาในรายละเอียดว่าจะส่งเสริมแรงงานไทยไปบาห์เรนได้อย่างไรบ้าง รวมถึงก่อนหน้านี้ที่กระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่าอียูได้แบรนด์ไก่ไทยจากวิกฤตไข้หวัดนก ซึ่งบาห์เรนได้รับคำสั่งปลดล็อกจากอียูและนำเข้าไก่สดไทยเพิ่มขึ้นแล้ว 
       
นายอนุสรณ์กล่าวต่อว่า นโยบายบ้านเอื้ออาทรของบาห์เรนก็ถือเป็นแบบอย่างที่บ้านเอื้ออาทรของไทยควร ไปดู เรื่องการดูแลสิทธิประโยชน์หรือสวัสดิการขั้นพื้นฐาน นอกจากนี้ไทยและบาห์เรนจะประกาศยุทธศาสตร์ร่วมกันในการให้ความช่วยเหลือ เรื่องการหาศูนย์กระจายสินค้าและเป็นหุ้นส่วนทำธุรกิจร่วมกัน ส่วนการเยือนกาตาร์ของนายกฯ นั้น เป็นข่าวดีสำหรับชาวเชียงใหม่ คือกาตาร์แอร์ไลน์ได้อนุมัติเปิดเส้นทางบินตรงจากกาตาร์ถึงเชียงใหม่ และในปี 2022 กาตาร์จะเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก โดยไทยอาสาให้คำแนะนำเรื่องการบริหารจัดการกีฬา เรื่องสุขภาพ และทางการแพทย์ 
       
นายอนุสรณ์กล่าวต่อว่า นายกฯ ยังฝากการบ้านให้ นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ในการดูร่างทีโออาร์ ในการจัดการบริหารจัดการงบประมาณของคณะกรรมการนโยบายน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ หรือ กนอช. และคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) จะต้องมีความถูกต้องตามหลักกฎหมายโดยให้ปรึกษากฤษฎีกา และให้กฤษฎีกาตรวจ โดยนายปลอดประสพได้เรียนในที่ประชุมเบื้องต้นว่า ได้ร่างเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว รอเพียงความเห็นของกฤษฎีกา ซึ่งพี่น้องประชาชนสบายใจในฤดูน้ำนี้ได้ 
       
นายอนุสรณ์กล่าวว่า นอกจากนี้นายกฯ ได้มอบให้นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรและสหกรณ์ ไปดูกรมชลประทาน ซึ่งมีหน้าที่ในการรายงานข้อมูลทุกมิติในเรื่องการบริหารจัดการน้ำ ไม่ใช่รายงานเฉพาะปริมาณน้ำที่มีอยู่หรือคงเหลือในเขื่อน แต่ต้องไปดูการบริหารจัดการปริมาณการระบายน้ำด้วย เนื่องจากการระบายน้ำจากจุดหนึ่งไปสู่จุดหนึ่งยังน้อยอยู่ จึงต้องเพิ่มเรื่องทิศทางการไหล ปริมาณการปล่อยออกจากเขื่อนจะต้องรายงาน ครม.อย่างใกล้ชิด และกรมชลประทานและผู้เกี่ยวข้องต้องมีการประชุมเป็นทางการอย่างน้อยสัปดาห์ ละ 1 ครั้ง ส่วนการประชุมเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลเศรษฐกิจตัวเลข จะต้องประชุมทุกวัน หากมีวาระพิเศษจะต้องมีเทเลคอนเฟอเรนซ์ร่วมกับรัฐมนตรี และต้องรายงาน ครม.ทุกสัปดาห์ 
       
นายอนุสรณ์กล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องที่ไทยเป็นประธาน World Economic Forum on East Asia 2012 โดยในวันที่ 31 พ.ค.ซึ่งจะมีผู้นำประเทศมาเยือนจำนวนมาก นายกฯ จึงมอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทำความเข้าใจกับประชาชนในเส้นทางที่ขบวน รถผู้นำจะขับเคลื่อนผ่านไป โดยจะมีการสื่อสารกับประชาชนเป็นระยะเพื่อให้ประชาชนได้ทราบ ซึ่งอาจจะกระทบต่อความสะดวกสบายของประชาชน นอกจากนั้นเพื่อเป็นเอกลักษณ์ของประเทศไทยกระทรวงการต่างประเทศเตรียมตัดชุด ผ้าไหมให้รัฐมนตรีได้ใส่ เพื่อต้อนรับผู้นำประเทศต่างๆ 
 
(ASTV ผู้จัดการออนไลน์, 20-5-2555)
 
คนงาน "ชินเอ" บุกขึ้นตึก ก.แรงงาน เรียกนายจ้างเจรจา-รับคนงานกลับทั้งหมด 
 
ก.แรงงาน 21พ.ค.- ความคืบหน้าการชุมนุมของคนงานจาก บริษัทชินเอ ไฮเทค จำกัด จ.นครราชสีมา ที่เดินทางมาชุมนุมที่กระทรวงแรงงานตั้งแต่ช่วงเช้า ล่าสุดกลุ่มคนงานได้เดินทางมาสมทบอีกกว่า 200 คน  ยกระดับการชุมนุม โดยแบ่งคนกระจายไปตามชั้นต่างๆ ของกระทรวงแรงงาน ตั้งแต่ชั้น 1-7 พร้อมส่งเสียงเรียกร้องให้กระทรวงฯ เรียกผู้บริหารชาวญี่ปุ่นมาเจรจา เพื่อให้รับคนงานทั้งหมดกลับเข้าทำงานโดยไม่มีเงื่อนไขทำให้การทำงานของเจ้า หน้าที่เป็นไปอย่างยากลำบาก แม้จะมีการส่งเจ้าหน้าที่แรงงานสัมพันธ์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าไปพูดคุยทำความเข้าใจก็ตาม แต่คนงานก็ยังไม่ยินยอม 
 
ล่าสุดนายอาทิตย์ อิสโม อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ได้สั่งให้ประกาศเสียงตามสาย ขอความร่วมมือคนงานให้ลงไปชุมนุมด้านล่าง ก่อนจะเชิญนายจ้างมาร่วมหาทางออก เรื่องที่เกิดขึ้น เบื้องต้นตัวแทนนายจ้างยินยอมจะรับคนงานกลับเข้าทำงานโดยไม่มีความผิด ยกเว้น กลุ่มผู้นำคนงาน 176 คนที่ถูกไล่ออกก่อนหน้านี้ ซึ่งนายจ้างจะขอสัมภาษณ์เป็นรายบุคคล ทั้งนี้ หากนายจ้างไม่ยอมรับผู้ใดกลับและคิดว่าตนไม่ได้รับความเป็นธรรม สามารถร้องคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์เพื่อวินิจฉัย โดยนายจ้างพร้อมรับคนงานกลับหากผลการวินิจฉัยชี้ว่าคนงานไม่มีความผิด 
 
(สำนักข่าวไทย, 21-5-2555)
 
“เผดิมชัย” พบม็อบแรงงานชินเอ-แนะรีบกลับเข้าทำงาน 
 
22 พ.ค. 55 - บรรยากาศการชุมนุมประท้วงของคนงานบริษัท ชินเอ-ไฮเทค จำกัด ซึ่งปักหลักประท้วงภายในกระทรวงแรงงาน ตั้งแต่เมื่อวานนี้ (21 พ.ค.) ล่าสุดนายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้มาพูดคุยกับกลุ่มคนงานที่ชุมนุมอยู่บริเวณใต้อาคาร พร้อมสอบถามถึงปัญหาและข้อเรียกร้อง ซึ่งคนงานหลายคนได้บอกถึงปัญหา เช่น การลาพักร้อนแล้วต้องยื่นใบรับรองแพทย์ ถูกลดเบี้ยขยัน หรือถูกบังคับให้เขียนใบลาออกจากสมาชิกสหภาพแรงงาน และเปลี่ยนสัญญาจ้างเป็นแบบรับเหมาช่วง โดยคนงานยังยืนยันข้อเรียกร้องให้บริษัทฯ รับแกนนำคนงานที่ถูกเลิกจ้างทั้ง 176 คน กลับเข้าทำงาน ไม่เช่นนั้นก็พร้อมจะถูกบริษัทฯ เลิกจ้างทั้งหมด 
  
นายเผดิมชัย ระบุว่า อยากให้คนงานรวบรวมรายชื่อผู้ถูกเลิกจ้างทั้ง 176 คน พร้อมปัญหาต่างๆ ส่งให้อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) เป็นคนกลางช่วยเจรจากับผู้บริหารบริษัทฯ และอยากให้คนงานกลับเข้าทำงานโดยเร็วที่สุด เพราะบริษัทฯ ยังยินดีรับกลับเข้าทำงาน และเตือนว่าเคลื่อนไหวโดยตกเป็นเครื่องมือของคนบางคน ซึ่งจะทำให้เกิดผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ จนนักลงทุนไม่กล้าเข้ามาลงทุน เพราะกลัวเจอปัญหาแรงงานนัดหยุดงานชุมนุมประท้วง 
  
ต่อมาเวลา 17.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจกองร้อยปราบจลาจล กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 จำนวน 40 นาย เข้ามาภายในกระทรวงแรงงาน เพื่อดูแลความเรียบร้อย ซึ่งภาพรวมสถานการณ์ยังคงปกติ 
 
(สำนักข่าวไทย, 23-5-2555)
 
ทีดีอาร์ไอ ชี้แรงงานวัยหนุ่มสาวตกงาน 3% หากค่าจ้างเพิ่มขึ้นทุกๆ 10% แนะรัฐบาลหามาตรการรองรับ 
 
นายดิลกะ ลัทธพิพัฒน์ ผู้เชี่ยวชาญประจำสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) เปิดเผยว่า จากการศึกษาผลกระทบของการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำต่อการเคลื่อนไหวในตลาดแรงงาน พบว่า กลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด คือ คนงานวัยหนุ่มสาวอายุระหว่าง 15-24 ปี ซึ่งผลการคำนวณตามแบบจำลอง Fixed Effects และ Arellano & Bond พบว่าการจ้างงานในภาคอุตสาหกรรมลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นทุกๆ 10% จะส่งผลให้แรงงานกลุ่มนี้ตกงาน 3% 
 
นายดิลกะ กล่าวว่า แรงงานกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะเป็นแรงงานไร้ทักษะ เมื่อตกงานแล้วจะถูกภาคผลิตที่ไม่เป็นทางการดูดซับไว้ อาทิ ช่วยธุรกิจครัวเรือนโดยไม่ได้รับค่า จ้าง หรือในกิจการเอกชนขนาดลูกจ้างต่ำกว่า 10 คน ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในภาคการเกษตร 
 
ขณะที่คนงานกลุ่มอายุตั้งแต่ 25-55 ปี ไม่ได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติจากการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ เพราะส่วนใหญ่เป็นแรงงานมีฝีมือ ยกเว้นแรงงานในภาคค้า ปลีก/ค้าส่ง ซึ่งจะกระจายมาอยู่ในภาคเกษตร ก่อสร้าง โรงแรม และร้านอาหาร 
 
นายยงยุทธ แฉล้มวงษ์ ผู้อำนวยการวิจัยด้านการพัฒนาแรงงาน ทีดีอาร์ไอ กล่าวว่า ผู้ประกอบการต้องเพิ่มผลิตภาพไม่ต่ำกว่าปีละ 3-4% หรือทำกำไรเพิ่ม 12% ในช่วง 3 ปีนี้ถึงจะสามารถอยู่รอดจากผลกระทบการขึ้นค่าจ้างได้ 
 
(MSN การเงินการธนาคาร, 23-5-2555)

แรงงานกว่า 200 คน เดินเท้าบุกอนุสาวรีย์ชัยฯ หลังถูกเลิกจ้างไม่เป็นธรรม 
 
24 พ.ค. 55 - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ กลุ่มผู้ชุมนุมที่ได้รับความเดือดร้อนจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมจาก จ.นครราชสีมา กว่า 200 คน นำโดยนายเอกรัตน์ พรหมพันธุ์ใจ ได้เดินเท้าจากกระทรวงแรงงาน ถ.มิตรไมตรี มายังอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยก่อนหน้านี้ หรือ 3 วันที่แล้วได้เดินทางไปยังอาคารมาลีนนท์ เพื่อร้องเรียนกับสื่อมวลชนมาแล้ว แต่วันนี้ยังไม่มีจุดหมายว่าจะไปยังจุดใด เพราะยังไม่สามารถหาข้อยุติได้ ด้านพ.ต.ท.วิรัช เสือสืบพันธ์ สว.จร.สน.ดินแดง ระบุว่า การจราจรยังไม่มีปัญหาอย่างใด 
 
(มติชนออนไลน์, 24-5-2555)
 
โรงแรมเอวาซอนภูเก็ต เลิกจ้างพนักงาน 400 คน 
 
23 พ.ค. 55 - ที่สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดภูเก็ต นายวารินทร์ สิงห์คง รองประธานสหภาพแรงงานภูเก็ตไอซ์แลนด์ พร้อมด้วยคณะกรรมการฯ ประมาณ 10 คน ได้เข้าพบ นายกิตติพงษ์ เหล่านิพนธ์ สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดภูเก็ต เพื่อหาแนวทางยุติปัญหา หลังจาก โรงแรมเอวาซอน ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว ที่มีอายุเปิดดำเนินกิจการมากว่า 30 ปี ได้ประกาศบอกเลิกกิจการ และเลิกจ้างพนักงานกว่า 400 คน เมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา และในวันนี้ทางสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดภูเก็ต ได้มีหนังสือเชิญทั้ง 2 ฝ่าย มาพบ และได้ร่วมปรึกษาหารือเพื่อป้องกันปัญหาข้อขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้น แต่ปรากฏว่า ฝ่ายนายจ้างขอเลื่อนนัดไปเป็นวันที่ 12 มิ.ย. 2555 โดยที่ให้เหตุผลว่า ไม่สะดวกที่จะเข้าร่วมหารือในวันดังกล่าวเป็นเหตุให้ฝ่ายลูกจ้างนัดรวมตัว กันในวันพรุ่งนี้อีกครั้ง เพื่อเข้ายื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เพื่อหาแนวทางยุติปัญหา โดยประเด็นหลักๆ ที่ฝ่ายลูกจ้าง ต้องการจากนายจ้าง คือ เรื่องค่าตอบแทนพิเศษ ที่นอกเหนือจากค่าตอบแทนตามกฎหมาย และเหตุผลที่นายจ้างต้องเลิกกิจการ และเลิกจ้างพนักงานทั้งหมดด้วย 
 
(ไอเอ็นเอ็น, 23-5-2555)
 
ปธ.สหภาพรถไฟอีสานจวกไม่ปรับปรุงรถจักรดีเซล 
 
24 พ.ค. 55 - นายสาธร สินปุร ประธานสหภาพประธานสหภา?พรถไฟอีสาน แรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย สาขาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ให้สัมภาษณ์แสดงความคิดเห็น กรณีหัวรถจักร หมายเลข 4212 ตกรางที่บริเวณหลักเสาโทรเลขที่ 156/2 บ้านน้ำพุใหม่พัฒนา หมู่ 1 ต.พญาเย็น อ.ปากช่อง นครราชสีมา ว่าคันที่เกิดอุบัติเหตุเป็นรถจักรดีเซล ยี่ห้ออัลสตอม ผลิตที่ประเทศฝรั่งเศส มีอายุการใช้งานมากกว่า 30 ปี หากเป็นประเทศอื่นๆ ปลดระวางกันแล้ว หรือนำเข้าไปเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์ 
 
สาเหตุที่เกิดขึ้น สหภาพ ฯ ได้เรียกร้องผ่านรัฐบาลหลายยุคหลายสมัยให้ปรับปรุง โดยติดตั้งอุปกรณ์เบรกอัตโนมัติ หรือ ปารค์กิ้งเบรก ซึ่งจะทำงานเมื่อระบบเบรกลมขัดข้อง แต่หัวรถจักรรุ่นนี้ ไม่ได้ติดตั้งแต่อย่างใด ประเทศไทยมีปัญหาขาดแคลนหัวรถจักร ที่นำมาใช้ลากจูงโบกี้ต่างๆ จึงต้องทนนำมาใช้ หัวรถจักรดีเซล มีอายุการใช้งานไม่ต่ำกว่า 20 ปี จึงเกิดปัญหาเสื่อมสภาพและชำรุดไปตามการใช้งาน มีจำนวนไม่พอเพียงต่อการจัดเดินรถ ซึ่งขบวนหัวรถจักรที่ใหม่ที่สุดของการรถไฟแห่งประเทศไทยซื้อมาใช้งาน เมื่อ 13 ปีที่แล้ว เฉพาะขบวนรถไฟสายอีสาน โดยเฉลี่ยวันละ 2 ขบวน จะต้องมีหัวจักรชำรุด เครื่องยนต์ หรือระบบการขับเคลื่อนมีปัญหา 
 
เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ขบวนรถที่ 68 รถธรรมดา อุบล ฯ -กรุงเทพฯ เสียอยู่บนราง เขต อ.สีคิ้ว นครราชสีมา เครื่องยนต์ขัดข้อง เสียเวลา 176 นาที และ ขบวนรถที่ 234 รถธรรมดา สุรินทร์ -กรุงเทพ ฯ เครื่องยนต์ขัดข้อง เสียเวลา 186 นาที ผู้โดยสารได้รับผลกระทบ เสียเวลาในการเดินทาง เพราะฉะนั้น สิ่งที่ควรเร่งดำเนินการคือจัดซื้อหัวจักรใหม่และซ่อมบำรุงหัวรถจักรที่จอด เสียอยู่ที่โรงซ่อมมักกะสัน และ บางซื่อ รวมทั้งโครงการระบบรถไฟรางคู่ ที่ผ่านการอนุมัติของ ครม.แล้ว รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว 
 
(เนชั่นทันข่าว, 24-5-2555)
 
สภาฯ ยานยนต์จี้ขอกำลังสนับสนุนคนงานชินเอ
 
เมื่อ วันที่ 24 พ.ค. 55 - สภาองค์การลูกจ้างแรงงานยานยนต์แห่งประเทศไทยออกแถลงการณ์เชิญร่วมสนับสนุน สหภาพแรงงานชินเอ ไฮเทค โดยมีรายละเอียดดังนี้ ...
 
ที่ ส.อ.ย.ท. พิเศษ/2555
 
วันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2555
 
เรื่อง เชิญร่วมสนับสนุนสหภาพแรงงานชินเอ ไฮเทค
 
เรียน ประธานสหภาพแรงงาน
 
สิ่งที่ส่งมาด้วย แถลงการณ์สหภาพแรงงานชินเอ ไฮเทค
 
จาก สถานการณ์เกิดปัญหาพิพาทแรงงานระหว่างสหภาพแรงงานชินเอ ไฮเทค กับบริษัทฯ เนื่องจากบริษัทฯ มีการเลิกจ้างคณะกรรมการบริหารสหภาพฯ และขัดขวาง แทรกแซง การดำเนินกิจกรรมสหภาพฯ ตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2554 จนกระทั่งเหตุการณ์บานปลายและขยายวงกว้าง เนื่องจากบริษัทฯ ได้จ้างฝ่ายทรัพยากรบุคคลมาใหม่ (เป็นทนายความ) เพื่อต่อสู้กับสหภาพฯ โดยเฉพาะมีการเลิกจ้าง คณะกรรมการลูกจ้าง ผู้แทนการเจรจา และตักเตือนคณะกรรมการเพิ่มขึ้น เหตุการณ์ได้พัฒนาขึ้น มีการงด O.T. ประท้วง นัดหยุดงาน ที่หน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา ทางสหภาพฯได้มีการยื่นหนังสือต่อทางผู้ว่าราชการจังหวัดแล้วแต่ก็ยังไม่ สามารถหาข้อยุติได้ จนสหภาพฯต้องนำเรื่องส่งถึงกระทรวงแรงงาน แต่ก็ยังไม่สามารถหาข้อยุติได้ จนถึงปัจจุบันทางสหภาพฯพร้อมสมาชิกได้รวมตัวชุมนุมกันที่กระทรวงแรงงาน ซึ่งทางสภาฯ ก็ให้ความช่วยเหลือมาโดยตลอด เพื่อให้การต่อสู้รักษาไว้ซึ่งความยุติธรรมสิทธิแรงงาน สิทธิมนุษยชน ตามสิทธิอันชอบธรรมของลูกจ้าง 
 
ดัง นั้นเพื่อการดำเนินการแก้ไขปัญหาบรรลุข้อยุติด้วยดี ทางสภาองค์การลูกจ้างแรงงานยานยนต์ แห่งประเทศไทย  จึงใคร่ขอความร่วมมือมายังทุกท่านเพื่อให้การสนับสนุนในการแก้ไขปัญหาให้ สำเร็จลุล่วงด้วยดี
 
จึงเรียนมาเพื่อทราบ และใคร่ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้การสนับสนุนล่วงหน้ามา ณ โอกาสนี้
 
ขอแสดงความนับถือ
(นายมานิตย์ พรหมการีย์กุล)
 
เลขาธิการสภาองค์การลูกจ้างแรงงานยานยนต์แห่งประเทศไทย
 
อนึ่งข้อมูลจากแถลงการณ์สหภาพแรงงานชินเอไอเทคได้ระบุถึงปัญหาที่คนงานโดนกระทำไว้ดังนี้
 
บริษัท ชินเอ ไฮ-เทค จำกัด ตั้งอยู่ที่ จ.นครราชสีมา ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์โดยการฉีดอลูมิเนียม ส่งให้กับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ทุกแบรนด์ทั้งในและนอกประเทศ เช่น ในสายการผลิตของโตโยต้า  ฮอนด้า อีซูซุ นิสสัน เป็นต้น บริษัทฯได้ตั้งอยู่ในประเทศและพัฒนาอย่างรวดเร็วจนปัจจุบันสามารถขยายสาขา ออกได้จำนวน ๓สาขาใหญ่ๆ ตั้งอยู่ที่ จ.นครราชสีมา ๒โรงงาน และอยุธยาอีก ๑โรงงาน
 
สหภาพ แรงงานชินเอไฮเทค จัดตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.๒๕๕๑ อาศัยอำนาจแห่งพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.๒๕๑๘  จากสภาพปัญหาภายในที่พนักงานไม่ได้รับการดูแล เช่น พนักงานระดับปฏิบัติการไม่ได้รับการขึ้นค่าจ้างเลยแม้แต่บาทเดียวนับสิบปี พนักงานซับคอนแทรคจะได้รับสวัสดิการ และโบนัสน้อยกว่าพนักงานประจำ การละเมิดสิทธิพื้นฐานเช่นถูกบังคับให้ทำโอทีใครไม่มาจะออกหนังสือเตือน ต้องทำงานตั้งแต่ ๘.๐๐-๒๐.๐๐น.ทุกวัน ได้หยุดเฉพาะวันเปลี่ยนกะนั้นก็คือได้หยุดแค่เดือนละ ๑วัน ทำให้พนักงานมีคุณภาพชีวิตที่ต่ำเกิดปัญหาครอบครัว และปัญหาสุขภาพ นี่เป็นแค่ตัวอย่างบางเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อ ๕ปีที่แล้ว
 
ปี แรกที่มีสหภาพฯก็เกิดการกระทบกระทั้งกันบ้างเพราะทางบริษัทฯยังไม่เข้าใจ หลักการแรงงานสัมพันธ์ ส่วนตัวสหภาพฯเองก็ยังไม่ได้ชี้แจงนโยบายให้ชัดเจน แต่เมื่อประธานบริษัทฯลงมาพุดคุยกับทางสหภาพฯปัญหาทุกอย่างก็คลี่คลายลง  ทั้งสหภาพฯและบริษัทฯก็ดำรงอยู่อย่างเกื้อกูลตลอดมา เช่นในปีที่บริษัทฯประสบปัญหาเศรษฐกิจปี๕๒ สหภาพฯก็ยื่นข้อเสนอขอลดโบนัสตัวเองเพื่อช่วยประคองโดยทางบริษัทฯไม่ได้ร้อง ขอ  ต่อมาปี๕๓ บริษัทฯเริ่มฟื้นตัวทางสหภาพฯก็ตัดสินใจไม่ยื่นข้อเรียกร้องในปีนั้นเพื่อ เป็นกำลังใจซึ่งกันและกัน  ต่อมาปี๕๔ เมื่อบริษัทฯฟื้นคืนสภาพปกติทางบริษัทฯก็ตอบแทนน้ำใจแก่สหภาพฯโดยการสนับ สนุนเวลาในการทำกิจกรรมของสหภาพฯ พร้อมทั้งยังมอบเงินสนับสนุนกิจกรรมดังกล่าวเป็นประจำทุกเดือน
 
แต่ เมื่อต้นปี ๕๕ นี้ ทางนายจ้างได้จ้างวานคนนอกเข้ามาล้มสหภาพฯ หันมาเป็นศัตรูกับลูกจ้างที่ร่วมสร้างบริษัทฯนี้ขึ้นมา มีการขออำนาจศาลเลิกจ้างคณะกรรมการลูกจ้าง ๒ ท่านแต่เมื่อศาลพิจารณาพิพากษายกคำร้อง ทางบริษัทฯกลับไม่ยอมรับการตัดสิน ไม่ยอมรับพนักงานทั้งสองกลับเข้าทำงาน สหภาพฯยื่นข้อเรียกร้องขอปรับเปลี่ยนสภาพการจ้าง ยื่นแก่นายจ้างในวันที่ ๒ เม.ย.๕๕ มีการเปิดการเจรจา แต่ในระหว่างการเจรจานายจ้างได้สั่งพักงานกรรมการสหภาพฯเริ่มตั้งแต่วันที่๙ เม.ย.๕๕ จำนวน๔ท่าน โดยไม่มีการสอบสวนในความผิดที่ตั้งมา และยังข่มขู่ให้สมาชิกสหภาพฯลาออกจากการเป็นสมาชิกภาพ การเจรจาไม่สามารถตกลงกันได้ จนในวันที่ ๒๗ เม.ย.๕๕ สหภาพฯแจ้งเจ้าหน้าที่แรงงานขอใช้สิทธินัดหยุดงานตามกฎหมายตั้งแต่วันที่ ๒๘ เม.ย.๕๕ เวลา๑๘.๐๐น. เป็นต้นไป สมาชิกสหภาพฯทั้งหมด๒,๐๐๐คน ได้รวมตัวกันนัดหยุดงานและรวมตัวที่ศาลากลาง จ.นครราชสีมา หลังจากการนัดหยุดงานนายจ้างได้ออกคำสั่งเลิกจ้างคณะกรรมการลูกจ้าง กรรมการสหภาพฯ และสมาชิกสหภาพฯ จำนวน๑๗๖คน แล้วยังออกหนังสือข่มขู่พนักงานที่ออกมาชุมนุมอีกคนละ๒๐๐ล้านต่อคน ออกโดยสำนักงานทนายความชัยรัตน์ ทัดเทียม
 
ทาง สหภาพฯได้กำหนดแนวทางไว้สองทางดังนี้ คือ ๑.นายจ้างต้องรับพนักงานทุกคนกลับเข้าทำงานโดยไม่เลือกปฏิบัติ  หรือ ๒.เลิกจ้างแล้วจ่ายค่าชดเชยตามอายุงานให้แก่ลูกจ้างทุกคนที่ไม่ต้องการกลับ เข้าทำงาน
 
(ประชาไท, 25-5-2555)
 
ยกฟ้อง! คดีคนงานถูกฟ้อง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ 
 
ศาลยกฟ้องคดีนายจ้างแจ้งข้อหาหมิ่นประมาท ทั้งกฎหมายอาญาและ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จากกรณีทำหนังสือร้องเรียน แล้วปรากฏมีการอีเมลถึงองค์การอื่นๆ ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าจำเลยเป็นเพียงผู้ทำหนังสือร้องเรียน และไม่มีหลักฐานยืนยันได้ว่าเป็นผู้ส่งอีเมล 
 
25 พ.ค.55 - ที่ศาลจังหวัดสมุทรปราการ ศาลพิพากษายกฟ้องคดีที่อัยการเป็นโจทก์ฟ้อง นายสงคราม ฉิมเฉิด พนักงานจัดส่งแก๊ส สาขาสมุทรสาคร บริษัท ไทยอินดัสเตรียลแก๊ส จำกัด (มหาชน) (ทีไอจี) ซึ่งเป็นอนุกรรมการสหภาพฯ จากกรณีมีการส่งอีเมลหนังสือร้องเรียน ซึ่งมีเนื้อหาหมิ่นประมาทไปยังองค์กรต่างๆ โดยศาลเห็นว่าไม่มีหลักฐานเพียงพอว่าจำเลยเป็นผู้ส่งอีเมลดังกล่าวจริงหรือ ไม่ เพียงแต่ยืนยันได้ว่าเป็นผู้ทำหนังสือร้องเรียน 
 
ทั้งนี้ คดีนี้เป็นคดีที่นางปาริชาติ พลพละ ผู้จัดการสาขาของบริษัท ทีไอจี ฟ้องนายสงคราม ในข้อหาหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326, 328 และ พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา(ฉบับที่ 11) พ.ศ.2535 มาตรา 3,4 รวมถึงข้อหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดย ประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 ซึ่งภายหลังการเจรจาไกล่เกลี่ยฝ่ายนายจ้างได้ยอมความโดยถอนฟ้องไป แต่ยังคงเหลือข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เพราะเป็นอาญาแผ่นดิน ไม่อาจยอมความได้ ทำให้ต้องต่อสู้คดีต่อไป 
 
(ประชาไท, 25-5-2555)
 
พนักงานเอวาซอนภูเก็ต ร้องผู้ว่าฯเจรจานายจ้างจ่ายค่าชดเชยพิเศษ 
 
จากกรณีโรงแรมเอวาซอน ภูเก็ต ซึ่งเปิดดำเนินกิจการมากว่า 30 ปี ประกาศเลิกกิจการ และเลิกจ้างพนักงานทั้งหมด กว่า 400 คน ทำให้พนักงานทั้งหมดตกงานทันที เมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมานั้น 
 
ล่าสุดวันนี้ (24 พ.ค.55) นายสันทัด เสริฐประสิทธิ์ ประธานกรรมการสหภาพแรงงานภูเก็ตไอร์แลนด์ พร้อมสมาชิกฯ 100 กว่าคน ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนถึงนายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ผ่าน ดร. สมหมาย ปรีชาศิลป์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เพื่อช่วยเจรจากับนายจ้างให้จ่ายค่าชดเชยพิเศษนอกเหนือจากทางโรงแรมจ่ายตาม กฎหมายคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 
 
โดยทางสหภาพได้ให้เหตุผลที่ยื่นข้อเรียกร้องดังกล่าวว่า เพราะพนักงานส่วนใหญ่อายุงานเฉลี่ย 15 ปีขึ้นไป และอายุเฉลี่ยของพนักงานก็อยู่ระหว่าง 30-50 ปี เป็นส่วนใหญ่ และเป็นตัวหลักในการรับผิดชอบครอบครัว ถึงแม้ว่าทางโรงแรมจะจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมายดังกล่าว แต่จากอายุของพนักงานส่วนใหญ่ ที่มีอายุค่อนข้างเยอะ ทำให้มีความยากลำบากต่อการหางานทำใหม่ ดังนั้นทางสหภาพแรงงานภูเก็ตไอซ์แลนด์ จึงได้ขอให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตช่วยเจรจากับนายจ้างให้จ่ายเงินค่า ชดเชยพิเศษ ตามอัตราเงินเดือนสุดท้าย 4 เดือน ให้แก่ลูกจ้างที่มีอายุงานไม่เกิน 10 ปี และให้จ่ายเงิน ค่าชดเชย พิเศษ ตามอัตรา เงินเดือนสุดท้าย 8 เดือน ให้แก่ลูกจ้าง อายุงานตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป 
 
ด้าน ดร. สมหมาย ปรีชาศิลป์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวขณะรับหนังสือว่า ขณะนี้ทราบปัญหาของทุกท่านเป็นอย่างดี และจะทำรายงานถึงผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตดูแลปัญหาความเดือดร้อนให้ 
 
ได้ข้อสรุปอย่างไรจะแจ้งกลับไปทางสหภาพฯ ให้ทราบในทันที อย่างไรก็ตามทราบว่าขณะนี้ทางโรงแรมต่าง ๆ ใน จ.ภูเก็ต ต้องการพนักงานเพิ่มหลายอัตรา ถือว่าเป็นข่าวดีของทุก ๆ ฝ่าย อยากให้ลองไปสมัครเพื่อจะได้ทำงานอย่างต่อเนื่องทันที 
 
ในขณะที่นายพ่วง สองนาม ผู้ช่วยจัดหางานจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ตอนนี้ขอให้ทุกคนไปยื่นเอกสารที่สำนักงานประกันสังคมจังหวัดภูเก็ต กรณีคนว่างงาน ซึ่งตนได้ประสานกับฝ่ายบุคคลของโรงแรมอย่างต่อเนื่อง และทราบว่า ส่วนใหญ่ได้เดินทางไปยื่นเอกสารดังกล่าวแล้ว ส่วนผู้ที่ยังไม่ได้ยื่นก็ขอให้ยื่นภายใน 30 วัน 
 
นอกจากนี้ทางกรมการจัดหางานได้ออกประกาศรับสมัครเพื่อจัดส่งคนไทยไปทำ งานประเภทโรงแรมที่มาเก๊า หากใครสนใจสามารถไปลงทะเบียน แจ้งความจำนงได้ เพื่อจะได้มีงานทำเร็วขึ้น และในวันที่ 27 พ.ค.ที่จะถึงนี้ทางสำนักงานจัดหางานจังหวัดภูเก็ตได้จัดกิจกรรมนัดพบแรงงาน ที่ห้างสรรพสินค้าโฮมเวิร์ค ซึ่งจะมีตำแหน่งงานว่างกว่า 1,000 อัตรา ช่วงนี้ ไม่อยากให้ทุกคนต้องกังวลกับสิทธิประโยชน์ตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน อยากให้ทุกคนช่วยตนเองไปก่อนโดยต้องไปสมัครงานก่อน 
 
(phuketindex.com, 24-5-2555)
 
แรงงานบุรีรัมย์ถูกตุ๋นอันดับ 3 ของประเทศ - เตรียมตั้งศูนย์บริการครบวงจร 
 
นายอิทธิ คงวีระวัฒน์ จัดหางานจ.บุรีรัมย์ บุรีรัมย์ - จัดหางาน จ.บุรีรัมย์ เตรียมตั้งศูนย์บริการไปทำงานต่างประเทศแบบครบวงจร ป้องกันการหลอกลวงไปทำงานต่างประเทศ ลดปัญหาเรียกค่าหัวที่ไม่เป็นธรรม หลังพบสถิติแรงงานถูกหลอกมากเป็นอันดับ 3 ของประเทศ ล่าสุดมีแรงงานถูกหลอก 12 ราย สูญร่วม 2 ล้าน 
 
วันนี้ ( 26 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานจัดหางานจังหวัดบุรีรัมย์ เตรียมจัดตั้งศูนย์บริการการไปทำงานต่างประเทศแบบครบวงจร ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อเป็นศูนย์กลางในการอำนวยความสะดวกให้กับคนหางาน ที่มีความประสงค์จะเดินทางไปทำงานยังต่างประเทศ ให้สามารถเข้าถึงข้อมูล และรับบริการจากเจ้าหน้าที่หน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องได้โดยตรง ณ จุดเดียว ตั้งแต่เริ่มต้นไปจนถึงจบกระบวนการเดินทางไปทำงานยังต่างประเทศ 
 
โดยจะมีการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาร่วมให้บริการ อาทิ กรมการกงสุลฯ มาให้บริการเกี่ยวกับการทำหนังสือเดินทาง หรือพาสปอร์ตให้กับแรงงาน , ธนาคารเพื่อการเกษตรสหกรณ์การเกษตร มาให้บริการด้านสินเชื่อแก่คนหางานที่ประสงค์จะเดินทางไปต่างประเทศ , บริษัทจัดหางานเอกชนที่จดทะเบียนถูกต้องในพื้นที่จังหวัด เข้ามาร่วมให้บริการ , สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด มาให้บริการเรื่องการตรวจสุขภาพ และอีกหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมให้บริการด้วย 
 
นายอิทธิ คงวีระวัฒน์ จัดหางานจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า เชื่อว่าหากมีการจัดตั้งศูนย์ดังกล่าวแล้ว จะสามารถลดขั้นตอนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ ให้กับคนหางานที่ต้องการไปทำงานยังต่างประเทศได้ อีกทั้งยังเป็นการป้องกันกลุ่มสาย นายหน้า ที่จะเข้ามาหลอกลวงแรงงาน และยังจะช่วยลดปัญหาการเรียกเก็บค่าหัวที่ไม่เป็นธรรมกับคนหางานได้ในอีกทาง หนึ่งด้วย 
 
ทั้งนี้ จากสถิติพบว่าจังหวัดบุรีรัมย์มีคนหางานที่ถูกหลอกไปทำงานต่างประเทศมากเป็น อันดับ 3 ของประเทศ และล่าสุดได้มีแรงงานถูกหลอก 12 ราย รวมมูลค่าความเสียหายร่วม 2 ล้านบาท เจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมสาย นายหน้าเถื่อนได้ 6 ราย ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการดำเนินคดี 
 
(ASTV ผู้จัดการออนไลน์, 26-5-2555)
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net