Skip to main content
sharethis

ยอมรับสหรัฐฯ ขอใช้อู่ตะเภาสมัยรัฐบาลประชาธิปัตย์ ในกรอบศูนย์บรรเทาสาธารณภัยฯ แต่รัฐบาลปัจจุบันกลับปกปิดเรื่องความคืบหน้า แจงพันธมิตรฯ เข้าใจผิด เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับทางราชการ เชื่อสหรัฐฯ ใช้อู่ตะเภาไม่ใช่เรื่องวีซ่าต่างตอบแทนให้ทักษิณ 

เว็บไซต์พรรคประชาธิปัตย์ รายงานเมื่อวานนี้ (9 มิ.ย.) ว่า นายกษิต ภิรมย์ อดีต รมว.ต่างประเทศ ได้แถลงเรื่องการขอใช้สนามบินอู่ตะเภาของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เพื่อใช้เป็นศูนย์บรรเทาสาธารณภัยและความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และองค์การนาซ่าขอใช้พื้นที่ด้วย เพื่อจอดอากาศยานและขึ้นทำการบินตรวจสภาพอากาศว่า โครงการนี้ทำมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์

นายกษิต กล่าวว่า เรามีการเสนอต่อโลกเพื่อจะให้ใช้สนามบินอู่ตะเภาเป็นศูนย์บรรเทาสาธารณภัยในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเราได้พูดคุยกับ รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ องค์การสหประชาชาติ และเวิลด์ฟู๊ด โดยเขาก็ขอเสนอให้สนามบินอู่ตะเภาเป็นศูนย์บรรเทาสาธารณภัยฯ และเราทำเรื่องนี้เป็นนโยบายของอาเซียน ซึ่งเราพูดชัดเจนในอาเซียน ว่าจะทำเรื่องนี้ในกรอบของสหประชาชาติ โดยเรามีการประสานงานระหว่างกระทรวงต่างประเทศสหรัฐ กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เราเคยหารือกันและมาสำรวจพื้นที่สนามบินอู่ตะเภาว่าจะสามารถใช้พื้นที่ไหนในการทำศูนย์บรรเทาสาธารณภัยฯได้บ้าง และเรามีข้อหารือกันอีก 3 ข้อใหญ่คือ 1.สหรัฐจะมีการฝึกอบรมเทคโนโลยีให้กับบุคลากรของไทยและมิตรประเทศ 2.จะใช้สนามบินเป็นโกดังเก็บอุปกรณ์และอาหาร ซึ่งเราได้ทาบทามเรื่องนี้กับสหประชาชาติและเวิรด์ฟู๊ด ในการพัฒนาอาหารที่ไม่หุงตุ้ม 3 เมื่อเกิดอุบัติภัยก็มาร่วมปฏิบัติงานให้ได้ภายใน 24 ชั่วโมง เรามีความคืบหน้าในเรื่องนี้มาตลอด

นายกษิต กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาไทยและสหรัฐฯอเมริกามีความร่วมมือในด้านต่างๆ มามากมาย เช่น การฝึกคอบบร้าโกลด์ หรือเมื่อเกิดสึนามิกองทัพสหรัฐก็มาใช้สนามบินอู่ตะเภาในการให้ความช่วยเหลือกู้ภัยในภูมิภาคนี้ ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เราก็ให้สหรัฐฯใช้สนามบินอู่ตะเภาในช่วยเหลือภูมิภาคนี้เช่นกัน ดังนั้นถือว่าเรามีประสบการณ์ร่วมกับสหรัฐฯ มาตลอด

ก็เป็นที่น่าเสียดายว่ารัฐบาลชุดนี้รวมถึงกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงไอซีที กลับนิ่งเงียบไม่ยอมออกมาแถลงข่าวความคืบหน้าความชัดเจนในเรื่องนี้เลย ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด และก่อให้เกิดความรู้สึกไม่ดีของประชาชน ทั้งที่จริงเรื่องนี้เราเป็นฝ่ายไปเจรจาเองในการขอความร่วมมือในการมาช่วยเหลือภัยพิบัติในอาเซียน ส่วนจะไปเกี่ยวกับ มาตรา 190 หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับเนื้อหา เพราะด้านความมั่นคงเรามีกรอบความร่วมมือกับสหรัฐฯเราอยู่แล้ว

“ผมขอเรียกร้องให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาชี้แจงกับประชาชนให้ประชาชนเข้าใจกระจ่างชัด ว่าขั้นตอนต่อไปจะเป็นอย่างไร และหากมีการทำเอ็มโอยูก็ควรจะนำมาแจกสมาชิกรัฐสภาและให้ประชาชนรับทราบข้อมูลทั้งหมด ทำอะไรให้โปร่งใส และมีอะไรที่เกี่ยวกับ มาตรา 190 หรือไม่ ส่วนการที่องค์การน่าซ่ามาขอใช้ก็มาในช่วงปลายสมัยที่ผมเป็น รมว.ต่างประเทศ จนเสนาธิการทหารสหรัฐมาให้สัมภาษณ์ในรายการโทรทัศน์ คนไทยจึงมาทราบเรื่อง ส่วนเรื่องขอนาซ่ามาขอใช้ด้วยนั้น ทางเสนาธิการทหารสหรัฐฯบอกว่าเรื่องนาซ่าไม่เกี่ยวกับกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ แต่ผลงานของนาซ่าในการสำรวจอวกาศจะช่วยให้เราสามารถรู้ถึงการเกิดภัยพิบัติล่วงหน้า และจะทำให้เราสามารถเตือนภัยและป้องกันภัยได้ ข้อมูลของน่าซ่าก็จะเป็นประโยชน์กับเรา”นายกษิต กล่าว

นายกษิตกล่าวว่า ตลอดเวลา 7-8 เดือน รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกลับปิดปากในเรื่องนี้ น่าเสียใจว่าคนไทยไม่เคยรู้เรื่องเหล่านี้เลย จึงขอให้รัฐบาลนำข้อมูลออกมาชี้แจงให้ประชาชนไทยทราบ ว่าเราจะได้ประโยชน์อะไร เช่นจะมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับคนไทยหรือไม่ ต่อไปการพยากรณ์อากาศของเราจะรวดเร็วขึ้นแค่ไหน หรือการสำรวจอวกาศจะสามารถเห็นกำลังรบในภูมิภาคนี้หรือไม่ เรื่องนี้ต้องมีความโปร่งใส และต้องแจ้งมิตรประเทศด้วย

เมื่อถามว่าแสดงว่าเรื่องนี้พันธมิตรเข้าใจผิดใช่หรือไม่ นายกษิต กล่าวว่า เป็นการเข้าใจผิด และความจริงไม่ควรจะเข้าใจผิดถ้ารัฐบาลมาชี้แจงให้ประชาชนฟัง เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่ความลับทางราชการหรือเรื่องลับที่ต้องปิดบังอะไร

ส่วนการต่างตอบแทนเรื่องวีซ่าเข้าสหรัฐฯ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แลกกับการใช้สนามบินอู่ตะเภา นายกษิต กล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐฯ สูงส่งกว่าเรื่องนี้เยอะ เขาเคารพกฎหมาย คงไม่ใช่ประเทศที่จะมาทำเพื่อผลประโยชน์ของคนๆ เดียว เมื่อถามว่าสรุปว่าไทยได้ประโยชน์หรือเสียประโยชน์ในเรื่องนี้ นายกษิต กล่าวว่า เราได้ประโยชน์ ได้ความรู้ ได้เทคโนโลยี อยู่ทีเงื่อนไขว่ากระทรวงวิทย์ฯมีบุคลากรที่มีฝีมือที่จะไปรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีหรือยัง เรื่องนี้กระทรวงวิทยฯก็น่าจะออกมาชี้แจงด้วย เมื่อถามว่าหลายคนเป็นห่วงกลัวจะเสียอธิปไตย นายกษิต กล่าวยืนยันว่า เราไม่เสียอธิปไตยแน่นอน เพราะเราเป็นคนอนุญาตให้เขามาใช้พื้นที่ของเราเอง เขาเข้ามาเราก็มีอธิปไตยอยู่

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net