Skip to main content
sharethis
22 มิ.ย. 55 - เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจรายงานว่าศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง เลื่อนพิพากษาคดี "แพรวา" ในวันที่ 2 ก.ค.นี้
 
โดยคดีนี้อัยการยื่นฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.53 เวลากลางคืน จำเลยขณะอายุ 16 ปีเศษขับรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้าซีวิค หมายเลขทะเบียน ฎว-8461 กรุงเทพมหานคร ขึ้นบนทางยกระดับโทลล์เวย์ ขาเข้ามุ่งหน้า ถ.ดินแดงด้วยความเร็วสูงเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด ซึ่งจำเลยได้กระทำประมาทโดยปราศจากความระมัดระวังที่บุคคลในภาวะปกติจะต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และจำเลยอาจใช้ความระมัดระวังเช่นนั้นได้แต่หาได้ใช้เพียงพอไม่ 
 
โดยจำเลยไม่ขับรถในช่องทางซ้าย เมื่อมาถึงบริเวณแยกทางลงบางเขน ช่วงมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้เปลี่ยนช่องทางไปมา เปลี่ยนช่องทางจากช่องทางขวาสุดเพื่อมาทางซ้ายถัดมา และยังเปลี่ยนกลับไปยังช่องทางขวาอีกครั้ง เป็นเหตุให้รถยนต์ซีวิคของจำเลยพุ่งเข้าชนรถยนต์ตู้โดยสารทะเบียน 13-7795 กรุงเทพ ที่วิ่งระหว่างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต - อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ซึ่งมีนางนฤมล ปิตาทานัง อายุ 38 ปี เป็นคนขับทำให้รถยนต์ตู้เสียหลักหมุนไปชนขอบกั้นทางโทลล์เวย์ พลิกคว่ำพังเสียหาย คนขับรถตู้โดยสารและผู้โดยสารภายในรถยนต์ตู้กระเด็นออกจากตัวตกจากทางด่วนเสียชีวิตรวม 9 คน และบาดเจ็บสาหัสจำนวนหนึ่ง 
 
ส่วนรถยนต์ของจำเลยแฉลบเลยจากรถยนต์ตู้ประมาณ 50 เมตร นอกจากนี้ ก่อนเกิดเหตุจำเลยยังได้ใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถยนต์ โดยมีหลักฐานเป็นรายงานการใช้โทรศัพท์มือถือของจำเลย ชั้นสอบสวนจำเลยให้การปฏิเสธทั้ง 2 ข้อหา
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบรรยากาศที่ศาลเยาวชนฯ มีบรรดาญาติผู้เสียหาย และเพื่อนๆ นักศึกษาที่เสียชีวิตเดินทางมาฟังการพิจารณาตั้งแต่ช่วงเช้า 8.30 น. ขณะที่สื่อมวลชนมาร่วมทำข่าวจำนวนมาก โดยทางศาลอนุญาตให้ช่างภาพอยู่นอกศาล ส่วนผู้สื่อข่าวสามารถเข้าด้านในศาลได้แต่ไม่อนุญาตให้เข้าฟังภายในห้องพิจารณาคดี แต่อนุญาตให้เฉพาะคู่ความเท่านั้นที่สามารถเข้าฟังการพิจารณาคดีได้ ต่อมาเวลาประมาณ 9.30 น. น.ส.แพรวพราว ซึ่งสวมชุดสีขาวทับด้วยสูทสีดำ เดินทางมาพร้อมพ่อ-แม่ และทนายความ โดยเข้าประตูด้านหลังศาลฝั่งตรงข้ามกระทรวงกลาโหม เพื่อหลบกองทัพนักข่าว
 
นางถวิล เช้าเที่ยง มารดาของดร.ศาตรา เช้าเที่ยง ผู้เสียชีวิต กล่าวว่า แม้เหตุการณ์จะผ่านมา 2 ปีแล้วแต่รู้สึกเสียใจ ทุกวันนี้ตื่นขึ้นมายังอยากเห็นหน้าลูกชาย ตอนนี้อยากให้จำเลยออกมาขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สำหรับการเยี่ยวยาคดีนี้ได้รับเงินจากบริษัทประกันภัยจำนวนหนึ่ง และจำเลยนำมามอบให้อีกจำนวน 30,000 บาท หลังจากนี้ก็ไม่ได้รับการติดต่ออีกเลย  ส่วนเรื่องคดีความได้มอบหมายให้ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นผู้ดูแล
 
ด้านนายแพทย์กฤช รอดอารีย์ บิดาของนายเกีรยติมัน รอดอารีย์ นศ.มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ตอนนี้ยังรอคำขอโทษจากทางจำเลย และอยากให้ผลของคดีนี้เป็นบรรทัดฐานให้กับสังคม ที่ผู้ปกครองที่มีฐานะชอบซื้อรถให้ลูกซึ่งเป็นเยาวชนยังไม่มีวุฒิภาวะและใบขับขี่ หากบุตรหลานได้กระทำความผิดไปแล้ว พ่อแม่ผู้ปกครองจะต้องรับผิดชอบในส่วนที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าหากคำพิพากษาของศาลออกมาอย่างไรแล้ว จำเลยต้องยื่นอุทธรณ์คดี โดยเฉพาะการขอรถยนต์ของกลางซีวิคคืน
 
ขณะที่นางทองพูน พานทอง มารดาคนขับรถตู้  กล่าวทั้งน้ำตาว่า มั่นใจในพยานหลักฐานในคดีนี้ พอที่จะเอาผิดจำเลยได้โดยยืนยันว่าลูกสาวไม่ได้ขับรถเร็ว หรือประมาท เพราะหากขับเร็วกว่ารถยนต์ของจำเลย จะไม่ถูกชนและไม่เสียชีวิต โดยมีประจักษ์พยานมาเบิกความยืนยันว่า รถตู้วิ่งมาด้วยความเร็วในเลนกลางปกติ แต่ถูกรถยนต์ซีวิคที่ขับมาด้วยความเร็วสูงเฉี่ยวชนด้านท้าย คดีนี้แม้เป็นอุบัติเหตุจำเลยอาจไม่เจตนาก็จริง แต่ถ้าระมัดระวังก็จะไม่เกิดเหตุสลดเช่นนี้ ทั้งนี้ มั่นใจในความยุติธรรมที่จะเกิดขึ้น ไม่ได้คิดที่จะซ้ำเติมเด็ก แต่ฝ่ายจำเลยก็ควรลดฐิถิลงมาบ้างเราก็คนเหมือนกัน ที่ผ่านมาฝ่ายจำเลยจะพูดอย่างไร ต้องอดทนทั้งที่รู้สึกเสียใจเหมือนน้ำท่วมปาก
 
อย่างไรก็ตาม วันนี้ยังไม่มีการอ่านคำพิพากษา โดยศาลได้หารือกับคู่ความทั้งสองฝ่ายเรื่องการไกล่เกลี่ยประนีประนอมเกี่ยวกับค่าเสียหายในคดี เพื่อประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย  
 
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีนี้ยังไม่สมควรมีคำพิพากษา แต่ให้คู่ความทุกฝ่ายร่วมประชุมกัน เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาของแต่ละฝ่าย โดยให้ศูนย์ให้คำปรึกษาแนะนำและประสานการประชุม เพื่อแก้ไขบำบัดฟื้นฟูเด็ก เยาวชนและครอบครัวของศาลเยาวชนและครอบครัวกลางเป็นผู้ประสานงาน โดยนัดประชุมวันที่ 2 ก.ค.นี้ เวลา 9.00 น.  โดยให้คู่ความทุกฝ่ายทั้งนักจิตวิทยา สังคมสงเคราะห์ ผู้แทนมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ร่วมประชุม และให้ศูนย์ฯ รายงานให้ศาลทราบ เพื่อกำหนดวันนัดฟังคำพิพากษาต่อไป
 
ต่อมาเมื่อเวลา 11:30 น. น.ส.ยุวดี เยี่ยงยุกดิ์สากล อัยการประจำสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผย  ว่าวันนี้ศาลได้มีข้อเสนอแนะให้ทั้งสองฝ่ายใช้วิธีไกล่เกลี่ยเรื่องค่าสินไหมทดแทน ตามพรบ.ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง และวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัวกลาง พ.ศ.2553 มาตรา132 และวันนี้ยังไม่มีการพิพากษา แต่จะนัดทั้งสองฝ่ายมาไกล่เกลี่ยอีกครั้งในวันที่ 2 ก.ค.เวลา09.00น.นี้ ซึ่งการนำพรบ.ฉบับนี้มาใช้ เนื่องจากเป็นการช่วยไกล่เกลี่ยและเยียวยาผู้เสียหายด้วย และหากการไกล่เกลี่ยไม่สำเร็จจะมีการพิพากษาต่อไป
 
น.พ.กฤช รอดอารีย์ บิดาของ1ในผู้เสียชีวิต เปิดเผยภายหลังเดินทางมาร่วมฟังคำพิพากษาตามนัดของศาลว่า ส่วนตัวตนยังไม่ค่อยเข้าใจกับกฎหมายใหม่ที่นำมาใช้ แต่ยอมรับดุลยพินิจของศาลที่นำมาเพื่อไกล่เกลี่ยให้กับทั้งสองฝ่าย ส่วนผล ส่วนผลการไกล่เกลี่ยจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับศาล แต่ตนเองไม่ได้หวังเรื่องเงินสินไหมตอบแทน แต่อยากให้มีการรับผิดชอบต่อสังคม
 
อย่างไรก็ตามยอมรับรู้สึกผิดหวังที่ยังไม่ได้ อ่านคำพิพากษาในวันนี้ ซึ่งอยากให้มีการตัดสินตามความผิดของจำเลยแต่ก็เป็นดุลพินิจของศาลนำกระบวนการไกล่เกลี่ยมาใช้ และหลังจากนี้ได้มีการนัดผู้เสียหายไปที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสาตร์ ท่าพระจันทร์ เพื่อหารือในเรื่องการไกล่เกลี่ยต่อไป

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net