รัฐสภาอียิปต์เดินหน้าเปิดประชุมเพื่อพิจารณาคำตัดสินของศาลฎีกา ในขณะเดียวกันก็ท้าทายกองทัพที่สั่งยุบสภาก่อนหน้านี้ ทำให้การเผชิญหน้าระหว่างกองทัพและรัฐบาลนำโดยมูฮัมหมัด มอร์ซีเป็นไปอย่างตึงเครียดมากยิ่งขึ้น
10 ก.ค. 55 - สำนักข่าวอัลจาซีรารายงานว่า รัฐสภาของอียิปต์ได้เปิดประชุมสภาต่อ หลังจากที่ประธานาธิบดีมอร์ซีประกาศคำสั่งยกเลิกคำตัดสินยุบสภาของกองทัพ นับเป็นการท้าทายอำนาจของศาลและกองทัพ ซึ่งได้ตัดสินยุบสภาเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ทำให้การเผชิญหน้าระหว่างประธานาธิบดีคนใหม่ มูฮัมหมัด มอร์ซีจากกลุ่มภราดรภาพมุสลิม กับกองทัพเป็นไปอย่างตึงเครียดมากขึ้น
โฆษกรัฐสภา ซาอัด อัล-กาตัตนี ซึ่งมาจากกลุ่มภราดรภาพมุสลิมเช่นเดียวกับมอร์ซี กล่าวเปิดการประชุมสภาซึ่งถ่ายทอดสดทางช่องโทรทัศน์รัฐบาลเมื่อวันอังคาร เขากล่าวว่า ที่สมาชิกสภามารวมกันในวันนี้ ก็เพื่อพิจารณาคำตัดสินของศาลฎีกาซึ่งตัดสินให้ยุบสภา เนื่องจากที่มาของสภาขัดรัฐธรรมนูญ
"ผมอยากย้ำว่า เราไม่ต้องการจะขัดแย้งกับคำตัดสินของศาล หากแต่เราพิจารณาที่กลไกการนำคำตัดสินของศาลฎีกามาปฏิบัติ ไม่มีวาระอื่นใดแล้วสำหรับวันนี้" เขากล่าว
สมาชิกสภาได้ให้ความเห็นชอบต่อวาระของกาตัตนี ที่เสนอให้รัฐสภาขอคำแนะนำจากศาลอุทธรณ์ว่าด้วยการนำคำตัดสินของศาลฎีกาไปปฏิบัติ และได้เสร็จสิ้นการประชุมหลังจากใช้เวลาเพียง 5 นาทีเท่านั้น
เขากล่าวว่า จะแจ้งให้สมาชิกสภาทราบอีกครั้งถึงวันประชุมสภาในครั้งต่อไป
โดยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ศาลฎีกาสูงสุดได้ตำหนิคำสั่งของมอร์ซีในระหว่างการประชุมนัดพิเศษของศาล และย้ำว่า ประธานาธิบดีต้องปฏิบัติตามคำตัดสินของศาล ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ตัดสินว่าวิธีการเลือกตั้งรัฐสภาเป็นไปโดยขัดรัฐธรรมนูญ
ด้านสภากองทัพสูงสุด (SCAF) ระบุในแถลงการณ์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า คำสั่งการยุบสภาของกองทัพเมื่อเดือนมิถุนายน เป็นการนำคำตัดสินของศาลไปปฏิบัติ
เผชิญการบอยคอตต์จากฝ่ายค้าน
อย่างไรก็ตาม อัลจาซีรารายงานว่า การประชุมครั้งนี้ ไม่ได้รับความร่วมมือจากสมาชิกสภาบางส่วน โดยพวกที่บอยคอตต์การประชุมในช่วงเช้า ได้แก่กลุ่มเสรีนิยมและฆราวาสนิยม เนื่องจากพวกเขาค่อนข้างเห็นด้วยกับการยุบสภา อีกทั้งสมดุลของอำนาจก็ไม่ได้เอื้อประโยชน์แก่พวกเขาเท่าไรนัก
ท้ังนี้ กาตัตนีและมอร์ซี ต่างเป็นสมาชิกของพรรคภราดรภาพมุสลิม ซึ่งชนะการเลือกตั้งและได้ที่นั่งกว่าครึ่งในรัฐสภา โดยความขัดแย้งทางการเมืองที่ดำเนินอยู่ระหว่างกองทัพและกลุ่มที่ได้รับการเลือกตั้ง ถูกมองโดยกลุ่มเสรีนิยมและฆราวาสนิยมว่าเป็นการแย่งชิงอำนาจ เพื่อกำหนดอำนาจทางการเมืองของกลุ่มภราดรภาพมุสลิมหลังการปฏิวัติเมื่อเดือนมกราคมปีที่แล้ว
ปธน. มอร์ซี ได้กล่าวผ่านโฆษกของเขา ยัสเซอร์ อาลี โดยย้ำถึงการตัดสินใจที่เรียกประชุมสภาว่าเป็น "การยืนหยัดของเจตจำนงค์ประชาชน"
คำสั่งของมอร์ซี ยังระบุให้มีการเลือกตั้งทั่วไปใหม่อีกครั้ง หลังการรับรองประชามติรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จสิ้น ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นช่วงปลายปีนี้
นักวิเคราะห์มองว่า สภากองทัพและสถาบันของรัฐซึ่งยังเต็มด้วยเจ้าหน้าที่ที่ยังภักดีต่อระบอบเก่า ได้พยายามจำกัดอำนาจของกลุ่มภราดรภาพมุสลิม หลังจากที่พวกเขาชนะการเลือกตั้งและเป็นเสียงส่วนมากในสภา
ว่าด้วยรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
ถึงแม้ว่าสภาร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากรัฐสภาที่ถูกยุบไปก่อนหน้านี้ จะอยู่ในระหว่างร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่สภากองทัพสูงสุดได้ให้อำนาจแก่ตนเองเพื่อเลือกสภาร่างฯ ใหม่หากสภาร่างฯ คณะปัจจุบันเกิดปัญหา
การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถูกมองว่าเป็นความพยายามที่จะจำกัดอำนาจของมอร์ซีหากว่าเขาชนะ โดยในเดือนที่ผ่านมา กลุ่มภราดรภาพมุสลิมได้โต้ว่าการตัดสินของศาลฎีกาเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง และกองทัพ ซึ่งถืออำนาจบริหารในคณะนั้น ไม่มีสิทธิตามกฎหมายที่จะสั่งยุบสภา
"สภากองทัพสูงสุดไม่ได้ถ่ายมอบอำนาจทั้งหมดให้แก่ประธานาธิบดี และนั่นก็คือประเด็นสำคัญ" ยุสซุฟ อัฟ ผู้พิพากษาในเขตกีซา และนักวิชาการด้านรัฐธรรมนูญกล่าว
อัฟ กล่าวว่า ศาลของอียิปต์ถูกมองในด้านลบเพิ่มขึ้นมาก เนื่องจากการตัดสินคดีทางการเมืองหลังการปฏิวัติในปี 2554 เป็นต้นมา
"วิธีหนึ่งในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ก็คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมและให้อำนาจบริหารกลับสู่มือของรัฐสภาอีกครั้ง" เขากล่าว "หากว่าผมจะต้องเลือกความชอบธรรมระหว่างจากกองทัพและประธานาธิบดี ผมก็ต้องเลือกความชอบธรรมที่มาจากประธานาธิบดีอยู่แล้ว"
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา กองทัพได้ออกมากล่าวว่า คำสั่งของทัพที่ให้ยุบสภา เป็นผลมาจากสถานการณ์ทางการเมือง กฎหมายและรัฐธรรมนูญที่ประเทศกำลังเผชิญอยู่
กองทัพเสริมด้วยว่า คำสั่งดังกล่าว เป็นไปเพื่อรักษาความต่อเนื่องของสถาบันทางการเมืองและสภากองทัพ จนกว่ารัฐธรรมนูญใหม่จะร่างสำเร็จ และระบุว่า ทางกองทัพมั่นใจว่า สถาบันของรัฐต่างๆ จะเคารพระเบียบข้อบังคับของรัฐธรรมนูญ
ที่มา: แปลจาก Egypt parliament meets in defiance of court
http://www.aljazeera.com/news/middleeast/2012/07/201271054440593307.html