คนตรังถาม–กฟผ.ตอบ โฆษณาคาใจ “โรงไฟฟ้าถ่านหินสะอาด?”

 
 
ขณะที่กระแสการคัดค้าน “โรงไฟฟ้าถ่านหินตรัง” ซึ่งการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เล็ง 3 พื้นที่ ใน อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง เป็นสถานที่ก่อสร้างกำลังพุ่งขึ้นสู่กระแสสูง ประเด็นการเผยแพร่เอกสารโฆษณาและประชาสัมพันธ์ของ กฟผ.ว่า โรงไฟฟ้าที่กำลังจะเกิดขึ้นในอำเภอกันตังเป็น “โรงไฟฟ้าถ่านหินสะอาด” ก็ถาโถมความสงสัยตามมาอีกระรอกใหญ่
 
ชวการ โชคดำลีลา หัวหน้าศูนย์พลังงานไฟฟ้าจังหวัดตรัง จากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เปิดอกให้สัมภาษณ์พิเศษ ถึงความเป็นมาของโครงการก่อสร้าง 9 โรงไฟฟ้าถ่านหินในพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะที่ อ.กันตัง ซึ่งกำลังเข้าสู่ขั้นตอนการศึกษาทรัพยากรชายฝั่ง และผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น
 
รวมทั้งให้เรื่องคาใจคนตรังที่ว่า “ถ่านหินสะอาดมีจริงหรือ?” คำตอบอยู่ในบทสัมภาษณ์ชิ้นนี้แล้ว
 
 

มองแผน PDP 2010 อย่างไร?

ตามแผน PDP 2010 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ต้องก่อสร้างโรงไฟฟ้าสนองความต้องการการใช้ไฟฟ้าตามความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งเพิ่มขึ้นทุกปีปีละ 4–5 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่โรงไฟฟ้าที่มีอยู่ปัจจุบันก็ต้องหมดอายุการใช้งาน ในอีก 20 ปีข้างหน้า ประมาณ 16,000 เมกะวัตต์ ต้องปลดออกจากระบบไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นเราต้องสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ขึ้นมาทดแทนโรงไฟฟ้าที่หมดอายุ และในส่วนที่มีความต้องการเพิ่ม 4–5 เปอร์เซ็นต์ให้ได้ตามแผน
 
แผน PDP 2010 ฉบับนี้ เป็นฉบับปรับปรุงครั้งที่ 3 ตามแผนนี้ถึงอย่างไรก็ต้องสร้างโรงไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือในส่วนของโรงไฟฟ้าเอกชน ทั้งสองส่วนนี้จะต้องร่วมกันสร้างโรงไฟฟ้า เพื่อสนองความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น
 
วันที่ 26 เมษายน 2555 เราใช้ไฟฟ้าถึง 26,126 เมกะวัตต์ จะเห็นได้ว่าความต้องการใช้ไฟฟ้ามันไม่หยุด การประหยัดพลังงานเราทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร การไฟฟ้าแห่งประเทศไทยมีการบริหารด้าน Demand Side Management ในภาคการประหยัดพลังงาน เช่น การส่งเสริมประหยัดพลังงานเครื่องใช้ไฟฟ้าเบอร์ 5 เพื่อลดการใช้พลังงานไฟฟ้าลง ท้ายที่สุดสรุปแล้ว เรายังต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่ม
 
โรงไฟฟ้าเอง ไม่ใช่สร้างโรงไฟฟ้าวันนี้ แล้วใช้ได้เลย การก่อสร้างใช้เวลานาน อย่างโรงไฟฟ้าแก๊สใช้เวลาสร้างประมาณ 27 เดือน หรือ 3 ปี โรงไฟฟ้าถ่านหินประมาณ 5 ปี ก่อนจะสร้างโรงไฟฟ้า จะต้องผ่านกระบวนการต่างๆ ประมาณ 2 ปีแล้ว รวมแล้วโรงไฟฟ้าถ่านหินใช้เวลาประมาณ 7 ปี ถ้าเป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ก็ 10 ปี
 
เพราะฉะนั้นจึงจำเป็นจะต้องมีแผนการพัฒนาพลังงานไฟฟ้าเป็นขั้นตอน ดูว่าเมื่อมีโรงไฟฟ้าปลดจากระบบแล้ว ปริมาณไฟฟ้าจะต้องเข้าระบบเท่าไหร่ ไม่อย่างนั้นบริหารจัดการไม่ได้ ไฟฟ้าจะไม่พอใช้ ความมั่นคงก็ไม่มี
 
สำหรับการบริหารจัดการพลังงานไฟฟ้า หนึ่ง ต้องมีความมั่นคงด้านพลังงาน สอง ราคาต้องเหมาะสม สิ่งสำคัญที่สุดคือ การพัฒนาพลังงานไฟฟ้าต้องควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อมด้วย เราต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตลอดเวลาที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยผลิตไฟฟ้ามา 40 ปี ไม่เคยปรากฏว่าไฟฟ้าของประเทศไม่พอใช้ เรามีไฟฟ้าใช้เพียงพอมาตลอด
 
ในส่วนของกำลังสำรองที่มั่นคงตามมาตรฐานระดับโลกจะต้องมีไม่น้อยกว่า 15 เปอร์เซ็นต์ สมมติว่ามีต้องการอยู่หนึ่งหมื่นเมกะวัตต์ ต้องมีแผนผลิตให้เกินไว้ 15 เปอร์เซ็นต์คืออีก 1,500 เมกะวัตต์ ก็เป็น 11,500 เมกะวัตต์ ไม่น้อยกว่านี้ เพราะหากโรงไฟฟ้าโรงใดโรงหนึ่งปิดไป จะเอาไฟฟ้าจากไหนมาใช้ สมมุติหายไปโรงหนึ่ง 800 เมกะวัตต์ จะเอามาจากไหนมาทดแทน ถ้าผลิตแค่หนึ่งหมื่นเมกะวัตต์พอดี ก็ไม่มีไฟฟ้าสำรองอาจต้องดับไฟในบางพื้นที่
 
ที่ผ่านมาสิ่งเหล่านี้คนไม่ค่อยเข้าใจ โดยเฉพาะภาคใต้มีความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่ม 4–5 เปอร์เซ็นต์ต่อปีมาตลอด วันที่ 14 พฤษภาคม 2555 ที่ผ่านมา ใช้ไป 2,300 กว่าเมกะวัตต์ ขณะที่กำลังติดตั้งเรามีอยู่ 2,100 เมกะวัตต์ เราต้องไปซื้อไฟฟ้ามาจากมาเลเซีย และดึงไฟฟ้ามาจากภาคกลางประมาณ 600 เมกะวัตต์
 
โรงไฟฟ้าพลังน้ำจากเขื่อนเชี่ยวหลาน หรือเขื่อนรัชประภา จังหวัดสุราษฎร์ธานี เดินเครื่องเฉพาะเพื่อการเกษตรเป็นหลัก ส่วนโรงไฟฟ้าน้ำมันดีเซล จังหวัดสุราษฎร์ธานี แทบไม่ต้องพูดถึงเลยไว้ใช้ในยามฉุกเฉินอย่างเดียว ถ้าเราเกิดขอซื้อไฟฟ้าจากมาเลเซีย แล้วมาเลเซียไม่ขายให้เรามีปัญหาแน่ เพราะเราซื้อแบบไม่ยืนยัน ความต้องการใช้ไฟฟ้าของเขาอาจพีคพร้อมกับเราพอดี หรือถ้าเราต้องการใช้ไฟฟ้าฉุกเฉิน สุราษฎร์ธานีให้ได้ 240 เมกะวัตต์ก็จริง แต่ต้องใช้น้ำมันดีเซลเดินเครื่อง น้ำมันดีเซลแพงใช้ครั้งหนึ่งตกยูนิตละ 20 กว่าบาท ขณะที่รัฐขายไฟฟ้าให้ประชาชนแค่ยูนิตละ 3.20 บาท รัฐต้องเอาเงินมาชดเชย เอาภาษีเรามาชดเชย นี่คือสภาพของไฟฟ้าภาคใต้ เราถึงจะมาพัฒนาพลังงานเพื่อให้มันเพียงพอ
 
ตอนนี้เราเอาก๊าซธรรมชาติมาจากพม่ามาผลิตไฟฟ้า ได้มาจากแหล่งเยตากุน ยานาดา และเอ็ม 9 ที่เพิ่งลงนามในสัญญา จากแหล่งเยตากุน ยานาดา เอามาผลิตไฟฟ้าได้ 5,600 เมกะวัตต์ รับก๊าซจากพม่ามาประมาณ 1,100 ลูกบาศก์ฟุตต่อวัน เดินท่อมาผลิตไฟฟ้า 5,600 เมกะวัตต์ ส่วนแหล่งเอ็ม 9 จะรับได้ในปี ค.ศ.2014 ปริมาณ 1,200 ลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ผลิตไฟฟ้าได้ทั้งหมดรวม 7,000 เมกะวัตต์ เหมือนกับเราไปยืมจมูกของพม่ามาหายใจ เพราะก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยอีก 18 ปีก็หมด ตอนนี้ปริมาณเริ่มลดลงเรื่อยๆ เราจะทำอย่างไรให้พลังงานไฟฟ้าของประเทศเรามั่นคง
 
ตอนนี้ต่างประเทศเริ่มมีปัญหา พม่าไฟฟ้าไม่พอใช้ ประชาชนเดินขบวนประท้วง อินเดียก็มีปัญหา เพราะใช้ถ่านหินผลิตไฟฟ้าเยอะ อินโดนีเซียก็เหมือนกัน เริ่มมองแล้วว่าอนาคตข้างหน้าน้ำมันจะหมด ก๊าซธรรมชาติจะหมด เขาจะทำอย่างไร ในเมื่อเขามีถ่านหินเป็นหลัก เขาอาจสงวนถ่านหินเอาไว้ใช้ภายในประเทศก็ได้ ต่อไปเขาอาจไม่ขายเรา ตอนนี้บริษัทบ้านปู จำกัด (มหาชน) ไปทำเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซียอยู่ประมาณ 5 เหมือง
 
ตอนนี้สัดส่วนการใช้ถ่านหินเรา 20 เปอร์เซ็นต์เอง เราใช้ก๊าซธรรมชาติถึง 65 เปอร์เซ็นต์ อันที่หนึ่งผมกลัวว่าก๊าซจะหมด อันที่สองไฟฟ้าจากก๊าซก๊าซ 65 เปอร์เซ็นต์ เราเอามาจากพม่า 42 เปอร์เซ็นต์ เป็นก๊าซของเราเอง 58 เปอร์เซ็นต์ เป็นก๊าซจากอ่าวไทย และแหล่งเจดีเอที่ใช้ร่วมกันระหว่างไทยกับมาเลย์ 50:50 ไม่นานก็หมดใช่ไหมครับ กลายเป็นว่าตอนนี้เราเอาจมูกพม่ามาหายใจอยู่ 5,600 เมกะวัตต์
 
 

ถ่านหินเราก็ยืมจมูกของอินโดนีเซียหายใจ?

ไม่ เราเซ็นสัญญานานถึง 30 ปี
 
 

พม่าเราก็เซ็นสัญญานานหลายสิบปี?

พม่ามันมีความเสี่ยง ถ้าท่อแตกละ ถ้าโดนกะเหรี่ยงระเบิดท่อละ เหมือนที่ผ่านมาตอนเดือนเมษายน 2555 เขาหยุดบำรุงรักษา 10 กว่าวัน เขาหยุดซ่อมฐานแก๊ส การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยต้องเอาน้ำมันดีเซลมาผลิตไฟฟ้า
 
พม่ามีฐานแก๊ส 3 ฐาน เราซื้อมา 2 คือเยตากุน ยานาดา 1,100 ลูกบาศก์ฟุตต่อวัน อีกฐานคือเอ็ม 9 อันนี้เพิ่งเซ็นสัญญา ทั้ง 3 ท่อวิ่งมาจากพม่า มารวมกันเป็นท่อเดียว ผ่านภูเขา ผ่านกะเหรี่ยง ถ้าโดนกะเหรี่ยงระเบิดทำไงละ หรือต่อไปในอนาคตพม่าแอบเดินท่อเข้าประเทศพม่า แล้วบอกว่าแก๊สใกล้จะหมด แบบนี้จบเลย เหมือนของเราอ่าวไทยที่ร่อยหรอลงเรื่อยๆ
 
 

จะสร้างโรงไฟฟ้าในภาคใต้กี่โรง?

คนเขาถามว่าทำไมถึงเป็นที่ภาคใต้ เพราะเราต้องนำเข้าถ่านหินจากต่างประเทศ ไม่ได้ใช้ใช่ถ่านหินในประเทศ ถ่านหินที่ใช้จะต้องมาทางเรือ พอมาทางเรือก็ต้องมาขึ้นตามบริเวณชายฝั่ง ทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน โรงไฟฟ้าก็ต้องตั้งบริเวณชายฝั่ง
 
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยสำรวจมาหมดแล้ว ตั้งแต่จังหวัดตราดจนถึงนราธิวาส ปัตตานี ฝั่งอันดามันก็ระนอง พังงา เดิมจังหวัดพังงาเองก็มีแผนจะสร้างโรงไฟฟ้า ศึกษาแล้วแต่ไม่เหมาะสม เนื่องจากอยู่ใกล้แนวรอยเลื่อนแผ่นดินไหว เราจะต้องหลบแนวรอยเลื่อนลงมา สตูลก็มีแผน แต่ที่ดินสตูลมีไม่พอ
 
การสร้างโรงไฟฟ้าต้องดูหลายอย่าง ต้องไม่มีการย้ายประชาชนออกจากพื้นที่ อย่างโรงไฟฟ้าถ่านหิน 800 เมกะวัตต์ ใช้พื้นที่ประมาณ 1,000 ไร่ แต่มีเงื่อนไขว่าต้องรบกวนชุมชนน้อยที่สุด
 
 

โรงไฟฟ้าถ่านหินในภาคใต้ทั้ง 9 โรง ขนาด 800 เมกะวัตต์หมดเลยใช่ไหม?

ใช่ ขนาด 800 เมกะวัตต์ 9 โรง ผลิตไฟฟ้า 7,200 เมกะวัตต์ ตอนนี้ภาคใต้ใช้ไฟฟ้าอยู่ 2,300 เมกะวัตต์ กำลังผลิตอยู่ที่ประมาณ 2,100 เมกะวัตต์ ความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มอีกประมาณปีละ 5 เปอร์เซ็นต์ กำลังการผลิตที่จะได้จาก 9 โรงในอนาคต 7,200 เมกะวัตต์ จะป้อนเข้าระบบ Power Grid นำไปใช้ทั้งประเทศ เพราะที่ผ่านมาภาคใต้ยืมไฟฟ้าภาคอื่นมาใช้นานแล้ว ยืมจากโรงไฟฟ้าในกรุงเทพมหานครมาใช้นานแล้ว เราก็ต้องผลิตเผื่อแผ่ไปให้เขากลับไปบ้าง
 
 

จังหวัดไหนบ้างที่ศึกษาแล้วมีศักยภาพตั้งโรงไฟฟ้าถ่านหินได้?

ตั้งแต่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ตรัง สงขลาก็สามารถสร้างได้ ใกล้ๆ กับโรงไฟฟ้าจะนะอยู่คนละตำบล แต่เป็นพื้นที่เป้าหมายเหมือนกัน เรายังไม่ได้ศึกษา สตูล เราก็ไปสำรวจแต่ที่ดินไม่พอ
 
 

ความเหมาะสมของจังหวัดตรัง?

อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง มีท่าเรือขนถ่ายถ่านหินเดิม ที่ขนถ่ายถ่านหินไปโรงปูนทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราชอยู่แล้ว ชาวบ้านน่าจะคุ้นกับถ่านหิน เหมือนชาวบ้านที่โรงไฟฟ้าลิกไนต์จังหวัดกระบี่ เราเลยมาศึกษาดูว่าพื้นที่มีเพียงพอไหม เราดู 3 พื้นที่ในอำเภอกันตังก็พบว่า พอจะมีพื้นที่ขนาด 800–900 ไร่อยู่ บางพื้นที่ก็มี 2,000 ไร่ บางพื้นที่ 1,200 ไร่
 
 

3 พื้นที่มีที่ไหนบ้าง?

ตำบลบางสัก ตำบลวังวน และตำบลนาเกลือ บางพื้นที่มี 2 พันไร่ 3 พันไร่ แต่ต้องดูผังเมืองรวมประกอบด้วย พื้นที่สร้างโรงไฟฟ้าต้องมีโฉนด ต้องไม่มีการย้ายประชากรออกจากพื้นที่ เราต้องดูหลายอย่าง ต้องดูพื้นที่ทำท่าเรือให้เรือเข้ามาจอด ต้องใกล้แหล่งน้ำ ท้ายที่สุดเราต้องศึกษา EHIA ครบทั้งทางด้านกายภาพ ชีวภาพ สังคม ศึกษาทั้งระบบนิเวศน์
 
 

ลงพื้นที่จังหวัดตรังมากี่ปี่แล้ว?

ประมาณปีกว่า
 
 

ทำอะไรไปบ้าง?

เรามีกระบวนการอยู่ 7 ขั้นตอน ขั้นที่หนึ่ง เราศึกษาศักยภาพของพื้นที่ว่าเหมาะสมไหม ศึกษาไปแล้ว 3 พื้นที่นะ แต่ยังไม่รู้นะว่าจะเลือกอันไหน แต่ต้องเลือกเอาพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง
 
การศึกษาความเหมาะสมนี่ศึกษาหลายด้าน ต้องใกล้แม่น้ำเอาเรือขนถ่านหินเข้ามาได้ มีน้ำเพียงพอ และประชากรเบาบาง รบกวนชุมชนน้อย นี่ยังไม่สิ้นสุดนะ ถ้าเราศึกษา EHIA ชุดใหญ่ ต้องศึกษาลงไปในรายละเอียดว่า ทิศทางลมเป็นยังไง ต้องศึกษาอีกเยอะ อันนี้ผู้เชี่ยวชาญจะเข้ามาศึกษา ตอนนี้เราแค่ศึกษาว่าพื้นที่นี้มีศักยภาพสร้างโรงไฟฟ้าได้หรือไม่เท่านั้น
 
หลังจากนั้นเราจะให้ข้อมูลกับชุมชน ตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ มาตรา 57 ผมต้องอ้างรัฐธรรมนูญ ปี 2550 ตลอด เพราะนักพัฒนาเอกชน (เอ็นจีโอ) เขาอ้างรัฐธรรมนูญ มาตรา 67 วรรค 2 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยก็มีสิทธิ ที่จะลงไปชี้แจงข้อมูลกับชุมชน ตามมาตรา 57 จะบอกให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยยกเลิกโครงการง่ายๆ มันเป็นไปไม่ได้ เพราะเราทำตามรัฐธรรมนูญ 2550 ตอนนี้เราไม่ได้มาบอกว่าต้องสร้าง ขั้นที่ 2 เป็นขั้นให้ความรู้กับประชาชน เราให้ข้อเท็จจริงทั้งหมด พร้อมกับพาคนในพื้นที่ไปดูงาน
 
 

จากการลงพื้นที่ตั้งแต่ต้นถึงปัจจุบัน ปฏิกิริยาชาวบ้านเป็นอย่างไรบ้าง?

ก็มีทั้งคนที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย เป็นธรรมดาอยู่แล้ว คนเป็นกลางก็มี ส่วนคนเห็นด้วยมากหรือน้อย เรายังตอบยังไม่ได้ ตอนนี้เราขอให้ได้เข้าไปให้ความรู้กับชาวบ้านเท่านั้น
 
 

เนื่องจากลงไปไปหลายพื้นที่แล้วไม่ได้การยอมรับ เช่น อำเภอท่าศาลา อำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช พอมาจังหวัดตรังมีความมั่นใจในการทำความเข้าใจกับชาวบ้านขนาดไหน?

ไม่ว่าจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช มิติต่างกัน ถ้าเราเข้าไปในพื้นที่ ขณะที่ในพื้นที่มีปัญหาของเขาอยู่แล้ว เช่น การเมืองในพื้นที่มีปัญหา ชุมชนขัดแย้งกันอยู่ พอการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเข้าไปเราจะตกเป็นเหยื่อ เพราะฝ่ายตรงข้ามจะจุดประเด็นนี้ไปโจมตี ไล่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยออกจากพื้นที่ ทั้งที่ยังไม่ได้ทำอะไรมากมายด้วยซ้ำ
 
ถ้าพื้นที่ไหนมีความขัดแย้งในพื้นที่น้อย จะไม่ค่อยเกิดปัญหา ยกตัวอย่างที่กระบี่ความขัดแย้งในพื้นที่น้อย และชุมชนเขารับรู้เรื่องโรงไฟฟ้าถ่านหินมาตั้งแต่มีโรงไฟฟ้าลิกไนต์กระบี่ มันเป็นพื้นที่เหมืองถ่านหินลิกไนต์เก่า เขารับรู้เรื่องถ่านหินอยู่แล้ว ก็จะไม่ค่อยมีปัญหาเกิดขึ้น นอกจากว่ามีนักพัฒนาเอกชน หรือเอ็นจีโอจากข้างนอกเข้าไปจุดประเด็นทีละเล็กละน้อย
 
เอ็นจีโอมีหลายระดับ ตั้งแต่ระดับประเทศ ระดับภาคใต้ ในจังหวัดตรังมีทั้งมูลนิธิหยาดฝน มูลนิธิอันดามัน เขาทำเรื่องอนุรักษ์กันหมด ผมไม่ได้ว่าเขาไม่ดี เรื่องการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติเป็นเรื่องดี แต่มิติการพัฒนาประเทศต้องให้ชาวบ้านรับรู้ด้วย ไม่ใช่มาปิดกั้นไล่คนของเราออกจากพื้นที่ มันไม่ถูก
 
 

ที่ผ่านมาโดนปิดล้อมหรือยัง ?

มี คือมีเอ็นจีโอเข้าไปยุคนในพื้นที่ แต่ก่อนเราเข้าไปก็ธรรมดา ในพื้นที่ไม่มีอะไรเลย ช่วยเหลือดูแลกัน แต่พอเอ็นจีโอเริ่มเข้ามาเท่านั้นแหละ มีการนำเอาข้อมูลที่ชาวบ้านซึ่งยังไม่ได้ไปเห็นของจริงมาเล่า ส่วนจะมีอะไรอื่นอยู่ข้างหลังบ้างหรือไม่ เราไม่รู้
 
 

พื้นที่ไหน ที่มีการปิดล้อม?

ที่วังวน
 
 

ที่บางสัก นาเกลือละ?

บางสัก นาเกลือ เรายังไม่ถูกปิดล้อม ถูกปิดล้อมเฉพาะที่วังวน
 
 

เริ่มศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (IEE) เมื่อไหร่?

ตามแผนเราจะศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น ในเดือนกรกฎาคม 2555 นี่แหละ ใช้ระยะเวลาศึกษาประมาณ 8 เดือน ต้องจ้างบริษัทที่ปรึกษา จ้างนักวิชาการมาศึกษา โดยบริษัทที่ปรึกษาจะเป็นผู้ประสานงานกับสถาบันการศึกษา ไปจ้างนักวิชาการ นักวิจัย 30–40 คนมาศึกษา โดยต้องมีชาวบ้านเข้าร่วมศึกษาด้วย
             
 

ต้นเดือนกรกฎาคม 2555 น่าจะเริ่มไม่ทัน?

อาจจะเป็นกลางหรือปลายเดือนกรกฎาคม 2555 เพราะเราต้องให้ชาวบ้านมาร่วมศึกษาด้วย เราต้องให้ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม
 
 

ทราบว่ามีบางมหาวิทยาลัยรับศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้นไปแล้ว?

คนละงานกันครับ อันนั้นเข้าใจผิด มันเป็นงานวิจัยครับ ไม่ใช่ศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น เป็นงานวิจัยการใช้ประโยชน์ทรัพยากรชายฝั่งทั้งหมด
 
 

ทำไมถึงต้องศึกษาการใช้ประโยชน์ทรัพยากรชายฝั่ง?

เราถอดบทเรียนจากอดีต อย่างที่โรงไฟฟ้าจะนะ จังหวัดสงขลา เราไม่มีฐานข้อมูลของกุ้ง หอย ปู ปลา ในอาณาบริเวณก่อสร้าง ฐานข้อมูลพวกนี้เราไม่มี เราก็เอามาเป็นบทเรียนว่าถ้าโรงไฟฟ้าที่อื่นจะต้องศึกษาให้หมดเลย ไม่ว่ากุ้ง หอย ปู ปลา ปลาโลมา ปลาพะยูน หญ้าทะเล ที่เขาพูดว่ามีปลาพะยูน 200 ตัว มีจริงหรือเปล่า หญ้าทะเล 25,000 ไร่ มีจริงหรือเปล่า อย่างลุ่มน้ำปะเหลียนต้องศึกษาหมดเลย วันหนึ่งชาวบ้านจับปลาได้กี่กิโลกรัม มีปลาอะไรบ้าง ปูดำมีกี่ตัว ต้องศึกษาให้หมด
 
การวิจัยทรัพยากรชายฝั่งก็เพื่อต้องการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติให้ยั่งยืน เราจะเอาผลการวิจัยแล้ว มาพัฒนาปรับปรุงให้ดีขึ้น ชุมชนจะได้ใช้ประโยชน์จากทรัพยากรชายฝั่งทั้งหมด
 
ที่จังหวัดกระบี่เราก็ศึกษาเรื่องทรัพยากรชายฝั่งด้วย เพราะเรากำลังจะสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินที่นั่นเช่นกัน
 
 

การศึกษา IEEต้องใช้งบประมาณเท่าไหร่?

ไม่รู้ครับ มีฝ่ายรับผิดชอบเรื่องนี้อยู่ แต่เราศึกษาอย่างรอบด้าน ศึกษาเยอะ หนังสือเอกสารนี่เป็นตั้งๆ รายละเอียดเยอะ มีทุกด้านไม่ว่าเรื่องแนวรอยเลื่อน แผ่นดินไหวมีหมด ด้านประชากรศาสตร์มีอะไร จำนวนประชากรมีกี่คน
 
 

การศึกษา IEE แตกต่างจาก EIA และ EHIA อย่างไร?

IEE เราศึกษาข้อมูลทุติยภูมิ แต่ EHIA ศึกษาตั้งแต่ข้อมูลปฐมภูมิ ไปจนถึงทุติยภูมิ EHIA เป็นการศึกษาชุดใหญ่ทั้งระบบ แต่ IEE เป็นการศึกษาข้อมูลย่อย ข้อมูลที่ได้อาจจะนำไปใช้ประกอบในการศึกษา EHIA ด้วยก็ได้
 
 

โครงการลักษณะไหนที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยต้องทำ EHIA?

ถ้าเป็นโรงไฟฟ้าก๊าซ โรงไฟฟ้าจะนะแค่ทำ EIA เพราะขนาดไม่เกิน 3 พันเมกะวัตต์ แต่ถ้าเป็นโรงไฟฟ้าถ่านหิน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยต้องทำทั้งหมด เราไม่เคยทำ EHIA มาก่อน แต่ผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนเคยทำ EHIA มาแล้ว ที่เก็คโค่วัน ที่บีแอลซีพี จังหวัดระยอง
 
กว่าจะผ่านยากครับ ไม่หมู เอาแค่กระบวนการเริ่มต้นยังยากเลย เพราะกฎหมายรัฐธรรมนูญล็อกไว้ ไม่เหมือนสมัยก่อนผมไปสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินแม่เมาะ ผมสร้างได้เลย ทุกวันนี้การทำโปรเจ็กต์ขนาดใหญ่ยากมาก รัฐธรรมนูญฉบับนี้ให้ความสำคัญกับสิทธิชุมชนมาก
 
เมื่อเราทำ EHIA เสร็จแล้ว ต้องผ่านกระบวนการต่างๆ อีก คณะกรรมการฯ เยอะ ทุกคนแสดงความเห็นเยอะมาก เอาแค่โรงไฟฟ้าจะนะ 2 ผมเข้าไปฟังเขาให้ความเห็นก็ปวดหัวแล้ว โครงการขนาดใหญ่ภาคประชาชนก็อ้างสิทธิ์ตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญอย่างเดียว
 
 

ท่าเรือขนถ่ายถ่านหิน?

การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยจะสร้างท่าเรือขนถ่ายถ่านหินขึ้นมาใหม่ เป็นของโรงไฟฟ้าเอง ถ้าไปใช้ท่าเรือที่มีอยู่เดิมเราจะรบกวนเขาเยอะ ถ้าไปใช้ท่าเรือนาเกลือขององค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง เขาก็ขนถ่ายยิปซัม ปูนซิเมน ปาล์มน้ำมัน ยางพารา ไม้ยางพาราอยู่ แค่ขนสินค้าที่มีอยู่ เขาก็รับไม่ไหวอยู่แล้ว
 
 

ท่าเรือขนถ่านหินต้องทำ EHIA แยกต่างหากจากโรงไฟฟ้าไหม?

เราทำ EHIA รวมกับตัวโรงไฟฟ้าเลย เป็นการทำ EHIA ของโรงไฟฟ้าและท่าเรือ
 
 

โรงไฟฟ้าถ่านหินตรังมีต้นทุนต่อหน่วยเท่าไหร่?

ประมาณ 2.60 บาท โรงไฟฟ้าที่ต้นทุนถูกที่สุดคือโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ โรงไฟฟ้าที่ตรังมีมูลค่าหลายหมื่นล้าน แต่ยังระบุชัดเจนไม่ได้ว่าเท่าไหร่ อาจจะ 4–5 หมื่นล้านบาท ขึ้นอยู่กับการออกแบบ ขึ้นอยู่กับบริษัทฯ เสนอราคา แต่เป็นโปรเจ็กต์ใหญ่ การเป็นโรงไฟฟ้าถ่านหินสะอาดต้องลงทุนสูง
 
 

โรงไฟฟ้าถ่านหินสะอาด?

ชื่อมันเป็นอย่างนี้ ภาษาอังกฤษเขาเรียก Clean coal Technology คือโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ใช้เทคโนโลยีสะอาด ชื่อโรงไฟฟ้าเทคโนโลยีสะอาดมันก็น่าจะโอเคแล้วละ แต่เป็นเพราะตัวถ่านหินมันไม่สะอาด ต่อไปต้องเปลี่ยนเพิ่มคำว่าเทคโนโลยีเข้าไปเป็นโรงไฟฟ้าเทคโนโลยีถ่านหินสะอาด
 
 

ป้องกันมลพิษอย่างไร?

กระบวนการของโรงไฟฟ้าถ่านหิน ก่อนออกจากเหมืองต้องเนี้ยบมาก่อนแล้ว ทั้งกายภาพ ชีวภาพ เคมี มีการทำความสะอาดถ่านหินมาอย่างดี ก่อนลงเรือขนส่งมาถึงโรงไฟฟ้า พอถึงโรงไฟฟ้า โรงไฟฟ้าก็ดูดเข้าระบบปิด มีสายพานลำเลียงแบบโรงไฟฟ้าบีแอลซีพีระยอง ซึ่งเป็นท่อปิด มองไม่เห็นสายพานลำเลียง เข้าไปในโรงไฟฟ้าก็มีโรงเก็บ
 
ที่เป็นกังวลคือมลพิษ 3 ตัวหลักๆ 1.ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ 2.ไนโตรเจนออกไซด์ 3.ฝุ่น ทั้ง 3 ตัว เรามีระบบดักจับหมดเลย เขาจึงเรียกว่าเทคโนโลยีโรงไฟฟ้าถ่านหินสะอาด
 
การดักจับฝุ่นด้วยระบบไฟฟ้าสถิต มีประสิทธิภาพสูงถึง 99 เปอร์เซ็นต์ ถ้าเราควบคุมให้ดีกว่าที่กฎหมายกำหนด มันก็ไม่มีพิษมีภัยกับมนุษย์อยู่แล้ว ถ้ามีพิษมีภัยกับมนุษย์เราสร้างโรงไฟฟ้าไม่ได้ กรมควบคุมมลพิษคงสั่งปิดโรงไฟฟ้า แล้วการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยลงทุนไปตั้งมากมาย กลับเดินเครื่องโรงไฟฟ้าไม่ได้มันก็จบ
 
 

เถ้าลอย เถ้าหนักของถ่านหินเอาไปไหน?

ฝุ่นที่มีขนาดเล็กกว่า 10 PPM จะถูกจับด้วยสนามไฟฟ้า ส่วนที่เกิดจากระบบกำจัดซัลเฟอร์ไดออกไซด์ จะมีเถ้าลอยกับเถ้าหนัก เถ้าลอยเราจะขายโรงปูนทุ่งสง เอาไปผสมกับปูนซิเมนต์ทำให้ปูนแข็งขึ้น
 
ทุกวันนี้ที่โรงไฟฟ้ากระบี่ ก็มีระบบกำจัดสารซัลเฟอร์ไดออกไซด์ เพราะโรงไฟฟ้ากระบี่ใช้น้ำมันเตา น้ำมันเตามีกำมะถันสูง ต้องใช้ระบบกำจัดซัลเฟอร์ไดออกไซด์
 
 

สารปนเปื้อนของถ่านหินไปอยู่ที่ไหน?

สารปนเปื้อนที่ติดอยู่ในถ่าน ไม่ส่งผลกระทบอะไรเขาเลยไม่พูดถึง เขาวิเคราะห์มาแล้วว่าถ่านหินบิทูมินัทก้อนหนึ่ง ปรอท แคดเมี่ยมที่พูดถึงมีปริมาณน้อยมาก ไม่ถึงขั้นก่ออันตรายต่อมนุษย์ ถึงจะมีหลงเหลืออยู่ในเถ้า แต่ปริมาณก็น้อยมาก ในส่วนของเถ้าจึงเอาไปขายโรงปูนหมดเลย ส่วนเถ้าหนักนี่ปัจจุบันนี้เขาเอาไปทำปุ๋ย
 
เหมือนโรงไฟฟ้ากระบี่ สนามกอล์ฟก็อยู่บนขี้เถ้าของเหมือง โรงไฟฟ้าแม่เมาะก็เหมือนกัน ในสนามกอล์ฟขี้เถ้าทั้งนั้น เอาขี้เถ้าไปถมหญ้าก็ขึ้นปกติ ทุกวันนี้ที่โรงไฟฟ้าบีแอลซีพีระยอง เขาเอาไปทำปุ๋ย เอาไปถมดินปลูกต้นไม้ได้ตามปกติ ตอนนี้กำลังวิจัยอยู่ว่าใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง แต่คนไม่ค่อยเชื่อ
 
 

ระบบกำจัดซัลเฟอร์ไดออกไซด์ สามารถดักจับฝุ่นได้ขนาดไหน?

ขนาดเล็กกว่า 10 PPM ที่จมูกมนุษย์ไม่สามารถดักจับได้ สามารถจับได้ด้วยสนามแม่เหล็กไฟฟ้า ไม่งั้นแม่เมาะนี่พนักงานคงตายไปหมดแล้ว ผมก็อยู่แม่เมาะมา ไม่เห็นเป็นไรเลย แต่เอ็นจีโอไปถ่ายภาพการทำเหมือง ไม่รู้ไปเอามาจากไหน เอามาปะติดปะต่อแล้วให้คนดู ให้ทีวีอะไรไป นั่นแหละ มันไม่ใช่ของจริง ปัจจุบันนี้แม่เมาะนี่เหมืองเขาได้รับรางวัลระดับโลก
 
อากาศที่แม่เมาะดีกว่ากรุงเทพฯ ทุกวันนี้ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ก็น้อย ฝุ่นก็น้อย ดีกว่ากรุงเทพฯ ระดับการปนเปื้อนสามารถดูได้ตลอดเวลาทางอินเตอร์เน็ต เข้าไปที่เว็บไซต์ของกรมควบคุมมลพิษจะเห็นหมดเลย ไปดูที่เว็บไซต์ของโรงไฟฟ้าแม่เมาะก็ได้ ดูได้แบบเรียลไทม์เลย จะเห็นค่าแสดงออกมา โรงไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยที่บางกรวย อยู่กลางกรุงเทพฯ เลย เขาก็มอนิเตอร์ให้คนที่ขับรถไปมาเห็นเลยว่า ค่าอากาศเท่าไหร่
 
ที่บางกรวยใช้ก๊าซจากพม่า ภาคใต้ที่จะนะใช้ก๊าซจากแหล่งจีดีเอ 18 ถ้าเกิดท่อก๊าซแตก ไฟฟ้าภาคใต้ก็เรียบร้อย เราต้องระมัดระวัง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยก็ต้องเตรียมระบบผลิตไฟฟ้าด้วยน้ำมันดีเซลเสริมเข้ามา เพื่อให้เกิดความมั่นคงทางด้านพลังงาน ถ้าก๊าซมีปัญหาก็เอาน้ำมันดีเซลเข้ามา
 
 

ตอนนี้ที่ไหนที่ผลิตไฟฟ้ามากที่สุด?

ตอนนี้ภาคกลาง โรงไฟฟ้าราชบุรี รองลงมาก็โรงไฟฟ้าลิกไนต์แม่เมาะกับโรงไฟฟ้าบางปะกง โรงไฟฟ้าแม่เมาะมีอายุ 30 กว่าปี ตอนนี้ผลิตอยู่ 2,400 กว่าเมกะวัตต์ สมัยที่ยังไม่มีโรงไฟฟ้าราชบุรี โรงไฟฟ้าแม่เมาะเป็นโรงไฟฟ้าที่ผลิตไฟฟ้าเยอะสุด โรงไฟฟ้าแม่เมาะเป็นโรงไฟฟ้าลิกไนต์ เป็นเหมืองของเราเอง
 
โรงไฟฟ้าแม่เมาะเป็นโรงไฟฟ้าที่ทำคุณประโยชน์กับประเทศชาติมาก ทำให้ค่าไฟฟ้าเราถูก เมื่อค่าไฟฟ้าเราถูกต้นทุนการผลิตสินค้าของเราก็ถูก ศักยภาพการแข่งขันทางการค้าของเราก็สูงไปด้วย
 
 

มีข้อโต้แย้งว่าการพยากรณ์การใช้พลังงานของไทยสูงเกินจริง?

ปริมาณการใช้ไฟฟ้าสูงสุด เมื่อเดือนเมษายน 2555 เราเตรียมไว้ที่ 24,000 เมกะวัตต์ แต่เอาเข้าจริงในช่วงที่ใช้ไฟฟ้าสูงสุดกลับสูงถึง 26,000 เมกะวัตต์ ห่างจากที่เตรียมการณ์ถึง 2,000 เมกะวัตต์ ที่เรามีไฟฟ้าพอใช้ เพราะเรามีกำลังสำรองอยู่ 20 เปอร์เซ็นต์ นี่คือเหตุผลว่า ทำไมต้องมีกำลังการผลิตไฟฟ้าสำรองไม่น้อยกว่า 15 เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่ผลิตเกินมานี่แหละทำให้เราพอใช้ในที่เราใช้ไฟฟ้าสูงสุดเกินจากที่คาดการณ์ไว้
 
ถ้าไม่มีกำลังไฟฟ้าสำรอง ตอนเดือนเมษายนที่ผ่านมาเราจบเลย ที่เขาบอกว่าเราพยากรณ์เกินจริง ผมบอกได้เลยว่าเขาไม่รู้จริง เขาก็พูดอย่างนี้เหมือนกัน บอกว่าพยากรณ์เกินจริงทั้งนั้นแหละ แต่ไม่รู้ข้อเท็จจริง อย่าลืมว่าโรงไฟฟ้าก็ต้องมีการปิดบำรุงรักษาด้วย การบริหารจัดการพวกนี้ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยดูแลอยู่ มันจะพยากรณ์เกินจริงได้อย่างไร ทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องมาร่วมกันคำนวณ เป็นไปไม่ได้ที่เราจะหลอกตัวเอง พยากรณ์มั่วๆ เราทำไม่ได้ คนที่มาทำตัวเลขพวกนี้มีแต่นักวิชาการทั้งนั้น เราจะพยากรณ์เกินจริงไปเพื่ออะไร
 
 

อาจมีข้อสงสัยเรื่องผลประโยชน์เกี่ยวกับธุรกิจพลังงาน?

ไม่มีหรอกครับ อย่ามองภาพลบเลย ไม่ใช่หรอกครับ ถ้าสมมุติพยากรณ์เกินจริงมากๆ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยลงทุนมหาศาล การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยก็ต้องมาแบกรับภาระการลงทุน รัฐบาลต้องมาแบกรับเงินกู้ต่างประเทศ เพราะการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยก็เป็นของรัฐบาลเกิน 50% ถ้าการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยไปกู้เงินต่างประเทศ รัฐบาลก็ต้องค้ำประกัน ปล่อยให้พยากรณ์เกินจริงมากๆ ไม่มีใครได้ประโยชน์ มีแต่ประเทศชาติเสียประโยชน์
 
 

ประเทศชาติอาจเสียประโยชน์ แต่ในเชิงธุรกิจการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือกลุ่มธุรกิจในวงการพลังงานอาจได้ประโยชน์?

ไม่ได้ประโยชน์เลย ผมอยู่ในองค์กร ผมถือว่าการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เป็นองค์กรที่โปร่งใสที่สุดในประเทศ ไม่มีผลประโยชน์กับใครทั้งสิ้น ผมพูดตรงๆ เลยนะ ผมภูมิใจ ผมไปเวทีใหญ่ผมก็พูดแบบนี้ ไม่ว่า จะเป็นกับ ส.ว.หรือสออะไร ผมว่าประเทศไทยเดินหน้าไม่ได้ เพราะไม่เอาความจริงมาคุยกัน ถ้าไม่ใช่พวกตัวเอง เขาจะไม่มองด้านบวก มองแต่ด้านลบ
 
ผมเป็นคนในองค์กรของรัฐ เป็นคนของหน่วยงานที่โปร่งใสที่สุดแล้ว เราไม่มีผลประโยชน์กับใครทั้งนั้น เรามองจากความเป็นจริงในปัจจุบันเท่านั้น
 
 

ธุรกิจไฟฟ้าเป็นธุรกิจเกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศ มีหลักประกันอะไรในการรองรับการขาดทุน?

มีค่าเอฟทีที่มันขึ้นมันลง ที่เกิดจากต้นทุนทางพลังงาน สมมติใช้ต้นทุนดีเซลผลิตเยอะ ค่าเอฟทีก็สูง สมัยก่อนไม่มีคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ Regulator ตอนนี้มีคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน เพื่อให้มีความโปร่งใสคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานจะเข้ามาดูแลเรื่องนี้ เป็นหน่วยงานที่เข้าควบคุมการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยด้วยซ้ำว่า คุณจะขึ้นค่าเอฟทีได้หรือไม่ มันไม่เหมือนเดิม เพราะฉะนั้น Regulator จะเข้ามาดูแลแทนประชาชน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยจะขึ้นค่าไฟ จะขึ้นค่าอะไรทุกอย่าง ไม่ได้ขึ้นด้วยตัวเอง
 
ค่าเอฟทีมาจากอะไร ค่าเอฟทีมาจากต้นทุนทางพลังงานว่า เอาอะไรมาผลิตไฟฟ้า ถ้าเอาน้ำมันดีเซลมาผลิตไฟฟ้า ค่าเอฟทีสูงแน่ ถ้ายิ่งเพิ่มการใช้พลังงานหมุนเวียนมากขึ้นเท่าไหร่ ค่าเอฟทีก็ยิ่งสูง เนื่องจากพลังงานหมุนเวียนไม่เสถียร มันใช้ได้ไม่กี่ชั่วโมง ฉะนั้นถ้าลงทุนไปสมมติโซลาร์เซล 1 เมกะวัตต์ ร้อยล้านบาท นี่ของจริงเลยนะ 25 ไร่ แต่นำมาผลิตไฟฟ้าได้แค่ 15% รัฐให้แอ็ดเดอร์หรือค่าชดเชยเท่าไหร่รู้ไหม 6.50 บาท แล้วเอามาขายให้ประชาชน 3 บาท แอ็ดเดอร์ก็คือภาษีเรานี่แหละ รัฐเอาเงินภาษีของเรามาชดเชย สมมติผมไปลงทุนรัฐจะให้ 6.50 บาทต่อหน่วย ขายไฟฟ้าหนึ่งหน่วยออกไปรัฐให้ 6.50 บาท แล้วขายไฟฟ้า 3.20 บาท ก็ตกราวประมาณยูนิตละ 10 บาท ที่คนขายไฟจะได้ ทำไมเขาถึงขายได้ก็รัฐให้อีก 6.50 บาทไง 6 ปีก็คืนทุน
 
 

ในเมื่อรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รับแผนอนุรักษ์พลังงาน 20 ปีไปแล้ว แต่พอทำแผน PDP 2010 ถึงได้แผนอนุรักษ์พลังงานไปใช้เพียง 20%?

ต้องแยกออกสองส่วนครับ แผนอนุรักษ์พลังงานกับแผนพัฒนาไฟฟ้า (PDP 2010) มันคนละอันกันนะ คำว่าอนุรักษ์พลังงานของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยก็คือการใช้พลังงานหมุนเวียน แต่คำว่าใช้พลังงานหมุนเวียน ถ้าเราไม่พูดต่อคนก็เข้าใจผิด
 
ปัจจุบันในแผนอนุรักษ์พลังงาน 20 ปี การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยกำหนดไว้เลยว่า จะต้องผลิตพลังงานหมุนเวียนให้ได้ 340 เมกะวัตต์ เราต้องถามต่อไปว่าทำได้จริงเท่าไหร่ จริงๆ แล้วทำได้ไม่กี่เมกะวัตต์เอง
 
 

เรื่องการอนุรักษ์พลังงาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยทำอะไรไปบ้าง?

เขาเน้นให้เราไป Demand Side Management คือบริหารจัดการการใช้พลังงาน หรือการประหยัดพลังงาน การประหยัดพลังงานคืออะไร หนึ่งการใช้ตู้เย็นเบอร์ 5 หลอดไฟเบอร์ 5 อันนั้นลดพลังงานได้แค่ส่วนหนึ่ง เพราะคนไทยไม่มีวัฒนธรรมการประหยัด ประหยัดได้ไม่มาก เรื่องการอนุรักษ์พลังเขามุ่งเน้นไปที่การใช้พลังงานหมุนเวียน
 
คำว่าส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนก็คือ หนึ่งสนับสนุนเงินทุนให้บริษัท ตอนนี้ World Bank เขาปล่อยเงินผ่านธนาคารกสิกรไทยให้บุคคลที่ต้องการสร้างโซลาร์เซลล์กู้ไปทำธุรกิจโซลาร์เซลล์ แต่พลังงานหมุนเวียนที่เป็นโซลาร์เซลล์ กระทรวงพลังงานเขารับได้ 500 เมกะวัตต์ ตอนนี้เขาปิดรับแล้ว เพราะทำสัญญาไปแล้วเอกชนทำไม่ได้ สมมติผมอยากทำ ผมไปเซ็นสัญญาไว้ 2 ปี แต่ผมทำไม่ได้ กระทรวงพลังงานยกเลิกสัญญาเลยนะ
 
เรื่องนี้มันเกี่ยวกับระบบสายส่งด้วย ถ้าความจุของระบบสายส่ง หรือ Capacity ของสายส่งไม่พอก็ขยายระบบนั้นไม่ได้
 
อย่างภาคใต้ สมมติที่สิเกาผมอยากสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวล ผมต้องไปเช็คว่าสายส่งเขาพอไหม ถ้าไม่พอเขาก็ขยายให้ไม่ได้ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคก็ไม่รับ กระทรวงพลังงานก็ไม่อนุมัติ เพราะก่อนจะไปยื่นต้องคุยกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคว่า สายส่งพอไหม สมมติผมต้องการ 3 เมกะวัตต์ ถ้าสายส่งรับไม่ได้ผมก็ทำไม่ได้
 
 

แผนอนุรักษ์พลังงานที่ผ่านมติคณะรัฐมนตรีไปแล้วมีเนื้อหาอะไรที่พิสดาร?

ผมว่าไม่พิสดารหรอก เพียงแต่คนเราเข้าใจไม่ตรงกันมากกว่า ระหว่างการพัฒนาโรงไฟฟ้ากับการอนุรักษ์พลังงาน การอนุรักษ์พลังงานคือการเน้นให้มาใช้พลังงานหมุนเวียน ซึ่งเราต้องมาดูศักยภาพของประเทศไทยว่า มีจริงหรือเปล่า
 
อย่างพลังงานลมนี่ ความเร็วลมเหมาะที่สุดอยู่ที่เขายายเที่ยง แล้วที่อื่นทำได้ไหม ทำไม่ได้ ไม่ใช่ว่ามีลมแล้วผลิตไฟฟ้าได้เลย มันต้องมีความเร็วลมที่แรงพอ และมีลมต่อเนื่องพอที่จะผลิตไฟฟ้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง แต่ถ้าใช้ไฟเฉพาะแค่ตอนเย็นนี่โอเค ใช้เฉพาะตอนที่ลมแรงโอเค แต่ความจริงมันไม่ใช่
 
ในชีวิตประจำวันของคนเราต้องใช้ไฟฟ้า 24 ชั่วโมง เราจึงต้องมีพลังงานหลักไว้ใช้ ไม่ว่าก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน นิวเคลียร์ เพื่อเดินเครื่องให้ได้ 24 ชั่วโมง ต้นทุนก็ไม่แพง ถ้าใช้พลังงานหมุนเวียนอย่างเดียว โซลาร์เซลล์อย่างเดียว แดดไม่มีก็ใช้ไม่ได้แล้ว ใช่ไหม ถ้าใช้ไม่ได้แล้วยอมรับได้ไหมละ ประชาชนยอมรับไหม ไม่มีใครยอมรับ
 
 

พลังงานหมุนเวียนในจังหวัดตรัง?

เรื่องพลังงานหมุนเวียน ไม่ว่าน้ำหรืออะไร เรามีจำกัด ที่จังหวัดตรังพลังงานน้ำผลิตได้ 0.7 เมกะวัตต์เอง น้อยมาก มีคนถามผมเหมือนกันว่า ทำไมไม่สนับสนุนพลังน้ำ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยทำที่ภาคกลาง อย่างพลังงานน้ำท้ายเขื่อนนี่เราทำ พยายามทำเต็มที่ อย่างพลังงานน้ำตก ที่อำเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร เราก็เข้าไปสนับสนุน
 
ถามว่าจังหวัดตรังมีแหล่งน้ำไหม มันไม่ได้มีขนาดสร้างโรงไฟฟ้า หน้าแล้งน้ำไม่มี ได้แค่เอาไว้เสริม เป็นอาหารเสริมนิดหน่อยได้ สมมุติขาดสารอาหารนี่เราเอาเรื่องพวกนี้มาเติมแค่นั้นเอง โซลาร์เซลล์ที่เกาะลิบง จังหวัดตรัง ที่รัฐบาลเข้าไปลงทุน ทางญี่ปุ่นเขาให้เงินมา 180 ล้านก็ใช้ไม่ได้
 
 

โซล่าร์เซลล์มีข้อจำกัดอย่างไร?

แดดไม่มีก็ผลิตไฟฟ้าไม่ได้ แบตเตอรี่มีอายุแค่ 2 ปีก็เสื่อมสภาพ กำลังการผลิตน้อย ค่าบำรุงรักษาสูง ต้องเช็ดฝุ่นเช็ดอะไรตลอด ตอนนี้กองเป็นเศษซากที่เกาะลิบง ผมไปดูมา ขอเงินบำรุงรักษา 1.5 ล้านบาทยังไม่ได้เลย กระทรวงพลังงานขอ จังหวัดก็ไม่ให้ นี่ผมยกตัวอย่างให้เห็นว่า ต้องบอกความจริงว่า พลังงานหมุนเวียนมีจุดอ่อนอะไร
 
อย่างบางคนบอกว่าให้เขามาติดที่หลังคาบ้าน การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเขาทำมาแล้ว เป็นโซลาร์เซลล์สำหรับบ้านที่ไม่มีไฟ ตอนนี้ทั้งหมดใช้ไม่ได้แล้ว เพราะแบตเตอรี่เสื่อมสภาพ ระบบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของมัน ไม่ว่า พวกชาร์จเจอร์พวกนี้สำคัญ มันซับซ้อนชาวบ้านก็บำรุงรักษาไม่เป็น สุดท้ายมันก็เสื่อม ใช้ไม่ได้ ผมไปพูดที่สุราษฎร์ธานี ผมถามลุงเอาอีกไหม เขาบอกเลย ไม่เอา
 
คนเขาบอกว่าพลังงานแสงแดดมันสะอาด ผมไม่เถียงหรอกว่า มันสะอาดจริง แต่ข้อจำกัดมันมี มันเป็นพลังงานหลักไม่ได้ สมมุติถ้าผมเอามาติดให้นะ ทั้งลม ทั้งโซลาร์เซลล์พี่เอาไหม เพราะถ้าไม่มีทั้งลมทั้งแดดก็ไม่มีไฟ แล้วค่าบำรุงรักษาสูงเอาไหม
 
เขาไม่ได้มองว่า ก่อนจะเป็นกังหันลม ก่อนที่จะเป็นโซลาร์เซลล์พวกนี้ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาเท่าไหร่ เมื่อใช้ไม่ได้ก็เป็นเศษซากซิลิกอน ไปดูได้ที่เกาะลิบงเห็นชัดเลย
 
ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม ถ้าจะใช้โซลาร์เซลล์ ต้องใช้พื้นที่ 25 ไร่ ต้องตัดต้นปาล์มทิ้งไปเท่าไหร่ ต้องตัดต้นยางไปกี่ไร่ ถึงจะได้ไฟฟ้า 1 เมกะวัตต์ แถมไม่มีความเสถียรด้วย ติดตั้งไป 100 เมกะวัตต์ ใช้ได้แค่ 15 เมกะวัตต์
 
 

ตรังใช้ไฟฟ้าแค่ 100 กว่าเมกะวัตต์ ทำไมถึงสร้างโรงไฟฟ้าขนาด 800 เมกะวัตต์?

เพราะเราผลิตไฟฟ้าส่งไปใช้ทั่วประเทศ ไม่ใช่ว่าผลิตเอามาใช้ที่ตรังอย่างเดียว ที่ไหนต้องการใช้ก็ดึงไปใช้ได้หมด ตอนนี้อย่าลืมว่าภาคใต้ก็เอามาจากภาคกลางประมาณ 600 เมกะวัตต์ ทุกคนจะบอกว่าจังหวัดตรังใช้ไฟแค่ 120 เมกะวัตต์ ผลิตแค่ 200 เมกะวัตต์ก็เหลือเฟือ
 
Capacity สายส่งของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคในจังหวัดตรังรองรับได้ 240 เมกะวัตต์ ตอนนี้ใช้อยู่ 120 เมกะวัตต์ หรือใช้อยู่ประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ เขาเผื่อไว้แล้วละว่า การใช้ไฟฟ้ามันจะเพิ่มขึ้นทุกปี เขาก็ออกแบบเผื่อไว้ 20 ปีข้างหน้า ถึงอย่างไรจังหวัดตรังก็ใช้ไฟฟ้าถึง 200 เมกะวัตต์อยู่แล้ว ทีนี้ตอนนี้ใช้อยู่ 120 เมกะวัตต์
 
แล้วทำไมไม่สร้างโรงไฟฟ้าขนาด 300 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าขนาด 300 เมกะวัตต์ กับ 800 เมกะวัตต์การลงทุนต่อหน่วยไม่ต่างกัน ถ้าเราสร้าง 800 เมกะวัตต์ มันคุ้มกับการลงทุน แถมยังสามารถเผื่อแผ่ไฟฟ้าไปใช้ได้ทั่วประเทศด้วย
 
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท