นาวาฟ อัล-ฟาเรส เอกอัครราชทูตซีเรียประจำอิรัก ประกาศย้ายข้างไปอยู่ฝ่ายต่อต้านรัฐบาล บอกทนดูประชาชนถูกรัฐบาลเข่นฆ่าไม่ได้ ขณะที่ชาติตะวันตกเตรียมกดดันรัฐบาลซีเรีย 10 วัน ให้ทำตามแผนสันติภาพ

 

 

 

12 ก.ค. 2012 - เอกอัครราชทูตซีเรียประจำกรุงแบกแดด ออกมากล่าวเรียกร้องให้ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ของซีเรีย ลงจากตำแหน่ง การที่นักการทูตระดับสูงของซีเรียมีท่าทีแปรพักตร์เช่นนี้ยิ่งเป็นการกดดันรัฐบาลอัสซาด ขณะที่กลุ่มประเทศโลกตะวันตกเริ่มแผนการคว่ำบาตร 10 วัน เพื่อกดดันให้แผนสันติภาพในซีเรียบรรลุผล

 

นาวาฟ อัล-ฟาเรส เอกอัครราชทูตซีเรียประจำอิรัก ประกาศว่าเขาได้ย้ายข้างไปอยู่ฝ่ายเจ้าหน้าที่ที่ต่อต้านรัฐบาลอัสซาด ซึ่งเป็นกลุ่มที่ยังเล็กแต่กำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่รัฐบาลซีเรียต้องเผชิญกับการลุกฮือของประชาชนมานานเกือบ 16 เดือนแล้ว

 

นาวาฟ กล่าวให้สัมภาษณ์ต่ออัลจาซีร่าว่า เขาตัดสินใจในเรื่องนี้ได้หลังจากที่เห็นว่ารัฐบาลได้กระทำการสังหารหมู่ประชาชนอย่างเหี้ยมโหดต่อประชาชนชาวซีเรีย

 

"ผมขอประกาศลาออกจากการเป็นเอกอัครราชทูตซีเรียประจำอิรัก ขณะเดียวกันผมก็ขอประกาศถอดตัวออกจากการเป็นสมาชิคพรรคบาธของซีเรียด้วย" ฟาเรสกล่าว

 

"ผมเรียกร้องให้สมาชิกผู้ซื่อสัตย์ของพรรคทุกคนเดินตามรอยผม เพราะว่ารัฐบาลได้ทำให้พรรคของเรากลายเป็นเครื่องมือสังหารประชาชนและทำลายความหวังสู่เสรีภาพของประชาชนแล้ว"

 

ฟาเรสยังได้เรียกร้องให้กองทัพเข้าร่วมกับการปฏิวัติซีเรีย โดยชี้ว่าการทำเช่นนี้จะช่วยป้องกันประเทศบ้านเกิดจากศัตรูต่างชาติและไม่ต้องสังหารประชาชนประเทศตนเอง

 

เขาเรียกร้องให้ประชาชนชาวซีเรียทุกคนร่วมมือกันและอดทนต่อการที่รัฐบาลพยายามแบ่งแยกพวกเขา

 

ฟาเรสเป็นข้าราชการอาวุโสภายใต้การปกครองของตระกูลอัสซาดมานาน นับตั้งแต่สมัยของอดีตประธานาธิบดี ฮาเฟซ อัล-อัสซาด ที่ดำรงตำแหน่งมาก่อนหน้านี้ ฟาเรสมาจากเมืองดิแอร์ เอสซอร์ เมืองทางตะวันออกที่มีทางต่อไปยังประเทศอิรัก และเป็นเมืองที่กองกำลังของรัฐบาลอัสซาดได้ใช้กำลังเข้าปราบปรามอย่างโหดเหี้ยม

 

 

 

การย้ายข้างครั้งนี้ต่างจากสิ่งที่เคยเกิดขึ้นกับกรณีของ มานาฟ ทลาส นายพลและเพื่อนของอัสซาด การย้ายข้างของฟาเลสได้สร้างแรงสะเทือนต่อรัฐบาลซีเรีย

 

"ผู้คนกำลังสูญเสียความมั่นใจในรัฐบาลอัสซาด" ฟาวัซ เกอเกส์ จากวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์ลอนดอนกล่าว

 

"หากคุณออกไปนอกอเล็ปโป หรือเดราห์ หรือฮามา กลุ่มกบฏดูเอาจริงเอาจังอย่างมาก" เกอเกสกล่าว "แต่ถ้าหากคุณลองวางตัวเป็นฝ่ายต่อต้านภายนอกซีเรีย ถึงตอนนั้นเราคงไม่ต้องพูดถึงทางเลือกของรัฐบาลอัสซาดอีกเลย"

 

"มันอาจจะยังดูไม่เด่นชัด แต่ก็มีบางอย่างที่บอกผมว่าเวลาไม่ได้อยู่ข้างเดียวกับรัฐบาลอัสซาดแล้วตอนนี้ ... มันมีทั้งสงครามเศรษฐกิจ, สงครามจิตวิทยา นั่นคือเหตุผลว่าทำไม การย้ายข้างหรือถอนตัวออกในทุกวันนี้ทำให้เกิดแรงสะเทือนทางจริยธรรมและทางการเมือง"

 

โมฮาเม็ด เซอมินี สมาชิกของกลุ่มสภาแห่งชาติซีเรียซึ่ง (SNC) เป็นกลุ่มต่อต้านหลัก บอกว่าการย้ายข้างของเอกอัครราชทูตเป็นแค่จุดเริ่มต้น ต่อไปจะมีการย้ายข้างหรือถอนตัวในระดับการทูตอีก เซอมินีอ้างอีกว่ากลุ่มของพวกเขารู้จักกับนักการทูตจำนวนมาก

 

ฟาเรสเป็นชาวนิกายซุนนี ที่มีสายสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับหน่วยงานความมั่นคงของซีเรีย เขาเป็นทูตรายที่ 2 ที่ถอนตัวออกมา รายแรกคือ บาสซัม อิมาดี เอกอัครราชทูตของซีเรียประจำสวีเดน

 

ในตอนนี้อิมาดี กลายเป็นสมาชิกของ (SNC) เขากล่าวกับอัลจาซีร่า การถอนตัวของฟาเรสและทลาสชี้ให้เห็นว่า ผู้คนเริ่มกระโดดหนีหลังจากที่รู้ว่าจุดจบของรัฐบาลอัสซาดอยู่ไม่ไกลแล้ว

 

"พวกเราควรรู้ไว้ว่าเขา (ฟาเรส) เป็นคนที่ใกล้ชิดกับรัฐบาลมาก แต่เขาก็ยังถอนตัวออกมาเพราะผมคิดว่าเขาไม่สามารถทนดูสิ่งที่เกิดขึ้นกับซีเรียได้ พวกเราควรจดจำไว้ด้วยว่าเขาได้เรียกร้องให้ทูตคนอื่นๆ ถอนตัวออกจากตำแหน่งด้วย ซึ่งหมายความว่าคนอื่นๆ จะทำตาม" อิมาดีกล่าว

 

 

 

ที่สหประชาชาติ ประเทศอังกฤษ, ฝรั่งเศส, เยอรมนี และสหรัฐอเมริกาได้ช่วยกันร่างเอกสารแผนการให้เวลาอัสซาด 10 วันในการปฏิบัติตามแผนสันติภาพของโคฟี่ อันนัน มิเช่นนั้นจะต้องถูกคว่ำบาตรอย่างหนัก

 

หากสมาชิกสภาความมั่นคงแห่งสหประชาชาติรวมถึงรัสเซียยอมรับมติดังกล่าวนี้ จะอนุญาตให้มีการคว่ำบาตรที่ไม่เกี่ยวกับการทหารภายใต้กฏบัตรมาตรา 7 ของสหประชาชาติ ถ้ารัฐบาลซีเรียยังคงใช้กำลังเข้าโจมตีเมือง

 

มติของที่ประชุมมีการประณามรัฐบาลซีเรียในเรื่องการเพิ่มการใช้อาวุธหนัก รวมถึงการโจมตีโดยรถถังและเฮลิคอปเตอร์โดยไม่เลือกเป้าหมาย