ดามาสกัสปะทะหนัก หลังเหตุระเบิดสังหารเจ้าหน้าที่ระดับสูงของซีเรีย

ซีเรียกำลังเข้าสู่ช่วงการเปลี่ยนแปลงสำคัญเมื่อฝ่ายต่อต้านโหมรุกหนักจนปะทะกับฝ่ายรัฐบาลในหลายจุดของเมืองหลวงจนเป็นเหตุให้ผู้นำระดับสูงหลายคนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต สหรัฐฯ เชื่อ ปธน. อัสซาดกำลังสูญเสียอำนาจ

19 ก.ค. 2012 - กองกำลังฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายต่อต้านเปิดฉากต่อสู้กันอย่างดุเดือดในหลายพื้นที่ของกรุงดามาสกัส เมืองหลวงของซีเรีย หนึ่งวันหลังจากเกิดเหตุระเบิดศูนย์บัญชาการกลางของซีเรียจนเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด เสียชีวิต
 
กลุ่มนักกิจกรรมในซีเรียรายงานว่ามีกลุ่มควันดำลอยขโมงอยู่เหนือกรุงดามาสกัส เมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2012 จากการที่กองทัพได้ยิงอาวุธหนักโจมตีย่าน คาบูน และบาร์เซห์ ขณะที่ในย่าน อัล-มีดาน และซาฮีรา มีเหตุปะทะ และมีเสียงระเบิดดังหลายครั้งในย่าน มาชรู-ดูมาร์
 
เหตุรุนแรงยังได้เกิดขึ้นในย่าน อิคลาสใกล้กับทำเนียบรัฐบาลหลังจากที่กลุ่มกบฏได้โจมตีกองกำลังฝ่ายเดียวกับอัสซาดที่มีทั้งรถหุ้มเกราะ, เฮลิคอปเตอร์จู่โจม และมีการปิดกั้นทางจราจรภายในเมือง
 
กลุ่มสิทธิมนุษยชนในซีเรียรายงานว่า ด้านฝ่ายกบฏของซีเรียได้ยิงจรวดติดระเบิดใส่สถานีตำรวจในย่านเดเดด อาร์ตูซ เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิตอย่างน้อย 5 ราย ขณะที่หัวหน้าคณะผู้ตรวจการของยูเอ็นเตือนว่าซีเรียไม่อยู่ในลู่ทางที่นำไปสู่สันติได้
 
พลตรี โรเบิร์ท มูด หัวหน้าคณะผู้ตรวจการชาวนอร์เวย์ ผู้นำทีมผู้ตรวจการ 300 คนเข้าไปตรวจสอยการหยุดยิงในซีเรียซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นเลย เขากล่าวว่าภารกิจในครั้งนี้ไม่เป็นผล
 
เซนา โคดร์ ผู้สื่อข่าวอัลจาซีร่ารายงานจากกรุงเบรุต ประเทศเลบานอน บอกว่าประขาขนจำนวนมากเชื่อว่าเหตุการณ์ล่าสุดเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของซีเรีย
 
"การต่อสู้ในกรุงดามาสกัสดำเนินมาเป็นวันที่ 5 แล้ว และเริ่มเข้าใกล้ฐานอำนาจของประธานาธิบดีซีเรีย" ผู้สื่อข่าวอัลจาซีร่ากล่าว "เกียรติภูมิของรัฐบาลนี้ถูกทำลายไปแล้ว การศูนย์เสียอำนาจควบคุมดามาสกัสหมายความว่าในตอนนี้รัฐบาลกำลังสูญเสียอำนาจควบคุมประเทศอย่างช้าๆ"
 
กลุ่มสิทธิมนุษยชนในซีเรียรายงานว่า มีประชาชนมากกว่า 200 รายถูกสังหารในวันที่ 18 ก.ค. ที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เป็นประชาชน รวม 38 รายในดามาสกัส ที่ฝ่ายกบฏใช้แผนการรุกแบบทุ่มสุดตัว
 
เหตุระเบิดวันที่ 18 ก.ค.
กรณีเหตุระเบิดในวันที่ 18 ก.ค. เป็นครั้งแรกที่มีเป้าหมายเป็นกลุ่มคนวงในของอัสซาดนับตั้งแต่การประท้วงดำเนินมานานกว่า 16 เดือน มีคนกล่าวหาว่าเหตุระเบิดเกิดขึ้นจากฝีมือของบอดี้การ์ดที่เข้าร่วมการประชุมของผู้นำฝ่ายความมั่นคงในฐานบัญชาการ ทำให้สหรัฐฯ บอกว่าอัสซาดกำลังศูนย์เสียการควบคุมซีเรีย
 
สื่อรัฐบาลซีเรียรายงานว่า เหตุระเบิดดังกล่าวได้สังหารรมต.กระทรวงกลาโหม นายพล ดาอูด ราจาห์, น้องเขยของอัสซาด อัสเซฟ ชาวคัท และ นายพล อัสซัน เติร์กมานี
 
ผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุระเบิดได้แก่ รมต.มหาดไทย โมฮัมเม็ด อัล-ชาร์ และนายพล ฮิสชัม อิคติยาร์ หัวหน้าหน่วยความมั่นคงของประเทศซีเรีบ
 
มีข้อถกเถียงกันอยู่ว่าใครเป็นผู้ก่อการวางระเบิด และใช้วิธีใด
 
สื่อรัฐบาลซีเรียไม่ได้แพร่ภาพใดๆ ในเหตุระเบิดครั้งนี้เช่นที่เคยทำมาก่อนในเหตุระเบิดเมื่อช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา 
 
ปธน. อัสซาดซึ่งอยู่ที่เมืองติดทะเล ลาตาเคีย ก็ไม่ได้แถลงการณ์ใดๆ ในการโจมตีครั้งนี้ แต่ได้แต่งตั้งให้พลตรี ฟาฮาด เฟราจ เป็นรมต.กลาโหม ภายในไม่กี่ชั่วโมงถัดมา ตามการรายงานของสื่อรัฐบาล
 
กลุ่มกองกำลังปลดปล่อยซีเรีย (FSA) อ้างว่าเป็นผู้ก่อเหตุในครั้งนี้ ขณะที่กลุ่มกองพลน้อยแห่งอิสลาม (Brigade of Islam) ก็อ้างตนว่าเป็นผู้ก่อเหตุเช่นกัน
 
กลุ่มกบฏอ้างว่า เหตุระเบิดดังกล่าวเป็นหนึ่งในแผนปฏิบัติการภูเขาไฟระเบิดดามาสกัส (Operation Damascus Volcano ) ซึ่งเริ่มปฏิบัติการตั้งแต่วันจันทร์ (16) ที่ผ่านมา เป็นหนึ่งในแผนการแรกที่มีเป้าหมายโค่นล้มอัสซาด รวมถึงสัญลักษณ์และแท่นฐานของรัฐบาลนี้ ไม่ว่าจะโดยวิธีการของพลเรือนหรือด้วยอาวุธ
 
สื่อรัฐบาลบอกว่าเป็นการ "ระเบิดพลีชีพ" ก่อนที่จะถอนคำพูดแล้วกล่าวใหม่ว่าเป็น "การก่อการร้าย"
 
เหตุระเบิดเกิดขึ้นหนึ่งวันหลังจากที่กลุ่ม FSA ซึ่งมีทั้งพลเรือนติดอาวุธและอดีตทหารที่ย้ายข้างมาอยู่ฝ่ายต่อต้าน ได้ประกาศว่าจะต่อสู้เพื่อ "ปลดปล่อย" ดามาสกัส และเตือนรัฐบาลให้ระวังการจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัว
 
อัสซาดเริ่มสูญเสียอำนาจควบคุม
โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว ทอมมี่ เวียเตอร์ กล่าวว่าอัสซาดกำลังสูญเสียอำนาจควบคุม โดยชี้ให้เห็นว่ามีการย้ายข้างเพิ่มมากขึ้น และฝ่ายต่อต้านมีกำลังและรวมตัวกันแข็งแกร่งขึ้น
 
ลีออน พาเนตตา รมต.กลาโหมของสหรัฐฯ กล่าวว่าประชาคมโลกต้องร่วมกันกดดันให้อัสซาดกระทำในสิ่งที่ควร คือการลงจากอำนาจและอนุญาตให้มีการเปลี่ยนผ่านอย่างสันติ
 
แคทเธอรีน แอชตัน หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศสหภาพยุโรป กล่าวว่าเหตุระเบิดได้เน้นย้ำให้เห็นถึงความต้องการในการลงมือปฏิบัติการของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และประชาคมโลกในการหลักดันแผนการสันติของโคฟี อันนัน
 
การโหวตมติของยูเอ็น
เมื่อวันที่ 18 ก.ค. หลังเหตุระเบิด ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน ยอมตกลงทำงานร่วมกับสหรัฐฯ ในการแก้ไขวิกฤติซีเรีย โดยตกลงผ่านการพูดคุยโทรศัพท์กับ ปธน. โอบามา ของสหรัฐฯ
 
แต่ทางรัสเซียก็ย้ำว่า พวกเขายังคงเห็นต่างในกรณีการลงมติแผนแก้ปัญหาซีเรียของสภาความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ที่เรียกร้องให้มีการคว่ำบาตรอัสซาด
 
บังคีมูน เลขาธิการสหประชาชาติ และโคฟี อันนัน ตัวแทนนานาชาติเรียกร้องให้สภาความมั่นคงดำเนินการอย่างหนักแน่นก่อนการโหวตลงมติแผนแก้ปัญหาซีเรียซึ่งฝ่ายจีนและรัสเซียจ้องจะโหวตคัดค้าน
 
บังคีมูน กล่าวว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนมาก ในการปฏิบัติการบางอย่างเพื่อทำให้ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายต่อต้านหยุดสู้รบกัน ซึ่งนับตั้งแต่เดือน มี.ค. ปีที่ผ่านมา (2011) มีประชาชนเสียชีวิตจากเหตุความรุนแรงในซีเรียรวมแล้วราว 17,000 ราย
 
ปฏิบัติการ 90 วันในซีเรียของสหประชาชาติจะสิ้นสุดลงในวันศุกร์ (20) นี้แล้ว และหากไม่มีมาตรการแก้ปัญหาก็จะมีการปิดตัวคณะทำงานลง
 
 
ที่มา
Fighting rages on across Syrian capital, Aljazeera, 19-07-2012

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท