'โอบาม่า' ลงนาม 'คำสั่งลับ' ให้ความช่วยเหลือกบฏซีเรีย

สหรัฐฯ อนุญาต CIA ช่วยเหลือด้านงานข่าว รวมถึงอนุมัติเงินช่วยเหลือแก่กลุ่มกบฏในซีเรีย นอกจากนี้ยังมีการสนับสนุนจากตุรกี และผู้มั่งคั่งในกาตาร์-ซาอุฯ ขณะที่นักสิทธิมนุษยชนในซีเรียเผยข้อมูลการต่อสู้ทำให้ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นประชาชนทั่วไป ส่วนฮิวแมนไรท์วอชวิจารณ์ที่ทางการเลบานอนส่งตัวชาวซีเรียกลับประเทศ

 

 

วันที่ 2 ส.ค. 2012 ประธานาธิบดีบารัค โอบาม่า ของสหรัฐฯ ได้ลงนามคำสั่งลับที่อนุญาตให้สหรัฐฯ สนับสนุนกลุ่มกบฏที่พยายามโค่นล้มประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด และรัฐบาลซีเรีย

คำสั่งของโอบาม่าซึ่งมีการอนุมัติช่วงต้นปีที่ผ่านมาเรียกว่า "การสืบค้น" ด้านงานข่าวกรอง ที่อนุญาตให้หน่วยงานข่าวกรองกลางของสหรัฐฯ (CIA) และหน่วยงานอื่นๆ ให้การความช่วยเหลือกลุ่มกบฏในการโค่นล้มอัสซาด

ทางโฆษกของทำเนียบขาว ทอมมี่ เวียเตอร์ ก็ปฏิเสธจะให้ความเห็นในเรื่องดังกล่าว ซึ่งทางสหรัฐฯ เริ่มหยุดส่งอาวุธอันตรายให้กับฝ่ายกบฏในช่วงที่ผ่านมา แม้ว่าพันธมิตรของสหรัฐฯ ยังกระทำอยู่

เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และยุโรปกล่าวไว้ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาว่ากลุ่มกบฏในซีเรียมีพัฒนาการอย่างเห็นได้ชัด ทั้งด้านการประสานงานและประสิทธิภาพ การกล่าวเช่นนี้แสดงให้เห็นว่าฝ่ายตะวันตกมีความเชื่อมั่นในกลุ่มกบฏมากขึ้นจากที่แต่ก่อนเคยบอกว่าพวกเขาเป็นกลุ่มที่ไม่มีการจัดตั้งที่ดี

นอกจากเรื่อง 'คำสั่งลับ' แล้ว ทางรัฐบาลสหรัฐฯ เองก็แถลงต่อสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 1 ส.ค. ที่ผ่านมาว่า พวกเขาได้ใช้เงิน 25 ล้านดอลลาร์ (ราว 788 ล้านบาท) เพื่อให้ความช่วยเหลือกลุ่มกบฏ ซึ่งทางการสหรัฐฯ อ้างว่าส่วนใหญ่เป็นความช่วยเหลือด้านเครื่องมือสื่อสาร รวมถึงวิทยุเปลี่ยนข้อความเป็นรหัสลับ

ฝ่ายการต่างประเทศของสหรัฐฯ บอกอีกว่าทางสหรัฐฯ ยังได้จัดงบประมาณ 64 ล้านดอลลาร์ (ราว 2,017 ล้านบาท) เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ประชาชนซีเรีย รวมถึงบริจาคให้โครงการอาหารโลก, คณะกรรมการกาชาดสากล และองค์กรให้ความช่วยเหลืออื่นๆ

ผู้มั่งคั่งในกาตาร์-ซาอุฯ ให้เงินสนับสนุนกบฏ

แหล่งข่าวในรัฐบาลสหรัฐฯ เปิดเผยอีกว่า จากเอกสารการสืบค้นของประธานาธิบดี ทางสหรัฐฯ ได้ร่วมมือกับศูนย์บัญชาการลับของตุรกีและพันธมิตรของพวกเขา

เมื่อสัปดาห์ที่แล้วสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ตุรกี, กาตาร์ และซาอุดิอาร์เบีย ได้ตั้งฐานทัพลับใกล้กับชายแดนซีเรียเพื่อให้ความช่วยเหลือทั้งทางการทหารและการสื่อสารแก่ฝ่ายกบฏ

"ศูนย์กลางประสานงาน" อยู่ในอดานา เมืองทางตอนใต้ของตุรกี ห่างจากชายแดนซีเรีย 100 กม. ซึ่งเป็นที่ตั้งของ ฐานทัพอากาศอินเซอลิคของสหรัฐฯ ที่มีหน่วยงานข่าวกรองการทหารของสหรัฐฯ ทำงานอยู่ในนั้น

มีรายงานว่ารัฐบาลตุรกีเริ่มมีส่วนร่วมกับกลุ่มกบฏในซีเรียมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่แหล่งข่าวในยุโรประบุว่าเหล่าตระกูลที่มีฐานะในซาอุฯ และกาตาร์ได้ให้การสนับสนุนทางการเงินกับกลุ่มกบฏ และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทั้งสองประเทศต่างก็เรียกร้องผ่านสื่อให้อัสซาดออกจากตำแหน่ง

มีรายงานอีกว่าเมื่อวันที่ 31 ก.ค. กองกำลังปลดปล่อยซีเรีย (FSA) ได้รับอาวุธจรวดต่อต้านอากาศยานจำนวนราว 20 กว่าลูก ซึ่งสามารถใช้เป็นอาวุธตอบโต้เฮลิคอปเตอร์และเครื่องบินรบของอัสซาดได้

สำนัก NBC ของสหรัฐฯ ระบุว่า มีอาวุธยิงจรวด MANPADs ถูกลำเลียงจากตุรกีเพื่อส่งไปให้กลุ่มกบฏของซีเรีบ แต่บัสซัม อัล-ดาดา ผู้ให้ปรึกษาทางการเมืองของ FSA ปฏิเสธรายงานข่าวของ NBC และกล่าวให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ภาษาอาหรับ อัล-อาราบิยา บอกว่าพวกเขาไม่ได้รับอาวุธใดๆ เลย

เผยภาพวีดิโอกบฏซีเรียประหาร 'ชาบิยา' กองทหารรับจ้างฝ่ายรัฐบาล

ในวันเดียวกัน (2 ก.ค.) สำนักอัลจาซีร่าเปิดเผยภาพวีดิโอแสดงให้เห็นกลุ่มกบฏประหารชีวิตกลุ่มทหารรับจ้างฝ่ายรัฐบาลในเมืองอเล็ปโป

กลุ่มชายที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นสมาชิกกลุ่ม 'ชาบิยา' กลุ่มทหารรับจ้างที่ช่วยเหลือรัฐบาลซีเรียปราบปรามประชาชน ถูกสั่งให้ยืนเรียงแถวแล้วยิงทิ้งในระยะเผาขน

ผู้บรรยายวีดิโอใน Youtube บอกว่าชายเหล่านี้มาจากตระกูล บาร์รี ซึ่งฝ่ายกบฏตั้งข้อหาว่าพวกเขาเป็นฆาตกร

กลุ่มสิทธิมนุษยชนในซีเรียเปิดเผยตัวเลขผู้เสียชีวิตจากความขัดแย้งในซีเรียโดยระบุว่ามีคนถูกสังหารเมือวันที่ 1 ส.ค. ทั่วประเทศซ๊เรีย 135 คน เป็นประชาชน 74 ราย เป็นทหาร 43 ราย และเป็นฝ่ายกบฏ 18 ราย ขณะที่วันที่ 31 ก.ค. ที่คนเสียชีวิตทั้งหมด 124 คน ครึ่งหนึ่งเป็นคนในเมืองอเล็ปโป

เลบานอนส่งตัวชาวซ๊เรียกลับประเทศ

ขณะเดียวกันก็มีรายงานว่าประเทศเลบานอนได้ส่งตัวชาวซีเรีย 14 คนกลับประเทศ แม้ว่าจะมีความรุนแรงเกิดขึ้นอยู่ตามชายแดนก็ตาม จนนักสิทธิมนุษยชนวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องนี้

ทางตัวแทนกลุ่มฮิวแมนไรท์วอทช์ประจำกรุงเบรุตกล่าวว่า กลุ่มผู้ที่ถูกส่งตัวกลับประเทศกลัวว่าตัวเองจะถูกใส่ร้ายและสังหารเมื่อกลับไป และมีหนึ่งในนั้นที่น่าจะเป็นนักกิจกรรมทางการเมือง แต่ทางการเลบานอนอ้างว่าเหตุผลที่ส่งตัวกลับไม่ใช่มาจากเรื่องการเมือง แต่พวกเขาถูกส่งตัวกลับตามหลักกฏหมายทั่วไป และไม่มีใครเป้นนักกิจกรรมทางการเมือง

ที่มาเรียบเรียงจาก:

Obama inks 'secret order' to aid Syria rebels, Aljazeera, 02-08-2012
http://www.aljazeera.com/news/middleeast/2012/08/20128264510724249.html

Regime loyalists 'executed' in Syria's Aleppo, Aljazeera, 02-08-2012
http://www.aljazeera.com/video/middleeast/2012/08/20128222712598918.html

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท