Skip to main content
sharethis


เว็บไซต์ข่าวสดรายงานว่าเมื่อวันที่ 5 ต.ค. ที่ผ่านมาที่ห้างสินค้าอิมพีเรียลเวิลด์ ลาดพร้าว นางธิดา โตจิราการ ประธานนปธ. พร้อมด้วย นพ.เหวง โตจิราการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และนายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทร ปราการ พรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำนปช. ร่วมแถลงประจำสัปดาห์ พร้อมทั้งขอให้กลุ่มคนเสื้อแดงร่วมยืนไว้อาลัยเป็นเวลา 1 นาที ให้นายกิตติชัย แข็งขัน หนึ่งในผู้ถูกยิงหน้าวัดปทุมวนา ราม เมื่อวันที่ 19 พ.ค.2553 และยังเป็นพยานปากสำคัญในคดี 6 ศพวัดปทุมฯ ที่ล่าสุดเสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา และมีพิธีฌาปนกิจศพในวันที่ 5 ต.ค. นี้ ที่บ้านเกิด อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น อีกทั้งนางธิดายังเปิดคลิปวิดีโอของนายกิตติชัย ที่เล่าถึงเหตุการณ์ในวันที่ถูกยิง และได้รับการช่วยเหลือจากพยาบาลอาสา โดยช่วงสุดท้ายของคลิป เป็นภาพนายกิตติชัยนอนคว่ำหน้าอยู่บนเสื่อ บริเวณหลังมีผ้าปิดแผล และมีไม้ดาม

นางธิดากล่าวว่า นายกิตติชัยไม่ได้เกี่ยวข้องกับการชุมนุม เพียงแต่เข้ามาดูเหตุการณ์เท่านั้น ขอ ฝากไปยังนายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ที่บอกว่ายิงกันเอง โดยอ้างว่าวิถีกระสุนที่ไปถูกน.ส.กมนเกด อัคฮาด พยาบาลอาสา ส่วนหนึ่งมาจากล่างไปสู่บน จึงอยากฝากไปยังพรรคประชาธิปัตย์ว่า ไม่สามารถปฏิเสธความเป็นจริงได้ ยิ่งพยายามโยนความผิดให้คนเสื้อแดง และกล่าวหาว่าชายชุดดำเป็นคนเสื้อแดง หรือบอกว่ายิงกันเอง บ่วงนี้ก็ยิ่งรัดคอพวกคุณ มากเท่านั้น

ประธานนปช.กล่าวต่อว่า โดยก่อนหน้านี้ที่คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) สรุปรายงานออกมา ทางนปช.ก็โต้แย้งไปจำนวนหนึ่ง อีกทั้งเตรียมเขียนและแปลเป็นภาษาอังกฤษ นอกจากฉบับของนปช.แล้ว ยังจะมีของนักวิชาการและบุคคลอื่นๆ โดยเฉพาะเอกสารของศูนย์ข้อมูลประ ชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการสลายการชุมนุมกรณี เม.ย.-พ.ค.53 (ศปช.) เพื่อนำไปสู่สังคมโลกให้มากขึ้น

นางธิดากล่าวว่า คณะกรรมการอิสระทั้งหลาย รวมถึงกฎหมาย และรัฐธรรมนูญที่มาจากรัฐ ประหาร แสดงตัวตนว่าเป็นสิ่งที่เกิดมาเพื่อปกป้องอภิสิทธิ์ชนและอำมาตย์ ไม่ใช่ทำงานเพื่อประชาชน ดังนั้น ยุทธศาสตร์การเปิดโรงเรียนนปช. ก็เพื่อให้ได้กฎหมาย และรัฐธรรมนูญที่เป็นของประชาชน การที่ไปฟ้องร้องต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ อาจมีขั้นตอนที่ต้องใช้เวลาสักระยะ และอยาก ให้รัฐบาลลงนามยอมรับเขตอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศ กรณีการปราบปรามประชาชนในปี 2553 เพื่อเอาคนผิดมาลงโทษ และทำความจริงให้ปรากฏ

ประธานนปช.กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ขอแสดงความเสียใจต่อนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ที่ต้องลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี และตำแหน่งต่างๆ ในพรรคเพื่อไทย เพราะเป็นกับดักการตรวจสอบของระบอบอำมาตย์ที่วางไว้ เชื่อว่าการที่พรรคเพื่อไทยถูกกระทำ จะทำให้คนในพรรคเข้าใจความเป็นจริงว่า อำนาจที่ท่านได้มานั้นเป็นของปลอม เพราะท่านกำลังจะถูกอำนาจจริงบีบคอ แต่เราจะเอาใจช่วย สำหรับโรงเรียนนปช. ในวันที่ 21 ต.ค. จะไปเปิดที่ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี วันที่ 28 ต.ค. ที่ จ.อุตรดิตถ์ และเดือนพ.ย. จะไปเปิดที่ประเทศเยอรมนี และจะเชิญคนจากแดนไกลมาเป็นวิทยากรด้วย

ส่วนนายวรชัยกล่าวว่า นายยงยุทธก็ลาออกจากรัฐมนตรีแล้ว ต่อไปคนที่ใช้เอกสารเท็จและหนีทหาร ก็ต้องลาออกด้วย เพราะไม่มีเอกสารมายืนยันว่าไม่ได้กระทำผิดจริง ฉะนั้น ต้องลาออก ไม่เช่นนั้นจะเรียกร้องให้ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ปรับย้อนหลัง และเรียกคืนยศร้อยตรี เพราะเป็นการกระทำผิดที่ชัดแจ้งที่สุด

ขณะที่ นพ.เหวงกล่าวว่า เตรียมหลักฐานภาพ ถ่ายไปมอบให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เป็นภาพชายชุดดำที่เป็นพวกเจ้าหน้าที่ และจะให้นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ เรียกนายสมชาย หอมลออ กรรมการคอป. มาสอบสวนด้วย เพราะอยากจะทราบว่า ในรายงาน 36 หน้าของคอป.ที่อ้างถึงชายชุดดำ ทำไมถึงไม่มีรูปถ่ายมายืนยันแม้ แต่รูปเดียว และอยากจะขอหลักฐานที่เป็นวิทยา ศาสตร์ด้วย ไม่ใช่มากล่าวหากันลอยๆ โดยจะให้ ดีเอสไอสอบสวนใน 2 กรณี คือกรณีที่นายสมชายบอกว่ากลุ่มคนเสื้อแดงยิงปืนจากวัดปทุมฯ ทำให้รางรถไฟฟ้ามีรอยแตก และกรณียึดปืนเอ็ม 16 จากฐานพระในวัดปทุมฯ ที่ไม่มีหลักฐานภาพถ่ายมา ตีพิมพ์ในรายงานแต่อย่างใด ถ้าดีเอสไอสอบสวนแล้วพบว่า คอป.โกหก นายสมชาย และนายคณิต ณ นคร ประธานคอป. ต้องรับผิดชอบด้วย

นพ.เหวงกล่าวต่อว่า อีกทั้งส่วนหนึ่งในรายงานของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ที่ระบุถึงกรณีการยกเลิกการประชุมอาเซียน เมื่อปี 2552 ว่าการชุมนุมของคนเสื้อแดงสร้างความเสียหาย ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม ภาพลักษณ์ และเกียรติภูมิของประเทศไทย แต่กลับไม่เขียนตำหนิการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เลย เช่นการบุกยึดสนามบินดอนเมือง และสุวรรณภูมิ ไม่ทราบว่าใครทำให้ประเทศไทยเสียหายมากกว่ากัน จึงอยากให้ประชาชาชนช่วยกันตรวจสอบว่า คณะกรรมการสิทธิฯ ชุดนี้ควรจะทำงานต่อไปหรือไม่

จากนั้นเวลา 15.45 น. ที่ดีเอสไอ นพ.เหวงเข้าพบพ.ต.อ.ประเวศน์ มูลประมุข รองอธิบดีดีเอสไอ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดี 98 ศพ เพื่อให้ปากคำเกี่ยวกับการชุมนุมของคนเสื้อแดงเมื่อเดือนเม.ย.-พ.ค.2553 พร้อมทั้งยื่นหนังสือขอให้ดีเอสไอตรวจสอบรายงานฉบับสมบูรณ์ของคอป. ที่มีเนื้อหาพาดพิงถึงชายชุดดำจำนวน 36 หน้า ว่ามีหลักฐานหรือพยานส่วนใดที่ทำให้คอป.มีข้อสรุปว่ามีชายชุดดำจริง อีกทั้งต้องการให้ดีเอสไอเรียกนายคณิตและนายสมชายเข้าให้ปากคำถึงกรณีดังกล่าวอย่างละเอียดด้วย

นพ.เหวงกล่าวว่า ภาพถ่ายที่คอป.อ้างว่าเป็นชายชุดดำเป็นการอ้างจากแหล่งข่าวสำนักข่าวต่างประเทศ แต่ไม่ระบุตัวบุคคล ดังนั้น จึงนำภาพชายชุดดำหลายภาพมาให้พนักงานสอบสวนนำไปตรวจสอบว่าเป็นเจ้าหน้าที่แต่งกายนอกเครื่องแบบและใช้อาวุธสงครามหรือไม่ เนื่องจากหลายภาพปรากฏให้เห็นว่ากลุ่มคนที่ถืออาวุธอยู่ใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่ จึงตั้งข้อสงสัยว่าอาจเป็นการจัดฉากของรัฐบาลเพื่อสร้างความชอบธรรมในการใช้อาวุธปราบปรามประชาชน นอกจากนี้ ยังต้องการให้ดีเอสไอนิยามคำว่าชายชุดดำให้ชัดเจนว่าหมายถึงบุคคลกลุ่มใด และหากตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วปรากฏว่าชายชุดดำไม่เป็นความจริงคอป.จะรับผิดชอบต่อสังคมอย่างไร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการสอบปากคำ นพ.เหวง ทางพนักงานสอบสวนซักถามในประเด็นที่ นพ.เหวงกล่าวปราศรัยบนเวทีเกี่ยวกับแนวทางสันติวิธี โดย นพ.เหวงอธิบายว่า เป็นการชุมนุมโดยสันติ ปราศจากอาวุธ และเป็นไปตามแผนที่วางเอาไว้ จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงขึ้นช่วงที่รัฐบาลนายภิสิทธิ์ สั่งเจ้าหน้าที่ขอคืนพื้นที่ และกระชับพื้นที่ ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก นอกจากนี้ นพ.เหวง ยังอธิบายภาพถ่ายชายฉกรรจ์ถืออาวุธปืน และภาพถ่ายกลุ่มชายชุดดำที่เดินอยู่ในห้างเซ็นทรัลเวิลด์ โดยตั้งข้อสังเกตว่า ชายกลุ่มดังกล่าวน่าจะเป็นฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐ จึงต้องการให้พนักงานสอบสวนสอบหาข้อเท็จริงว่าเป็นใคร จากนั้นมอบภาพถ่ายและซีดีการปราศรัยให้พนักงานสอบสวน

ด้านพ.ต.อ.ประเวศน์กล่าวถึงกรณีการเสียชีวิตของนายกิตติชัย พยานปากสำคัญคดี 6 ศพวัดปทุมฯ ว่า สั่งการให้พนักงานสอบสวนที่รับผิดชอบสำนวนคดี 6 ศพวัดปทุมฯ รีบตรวจสอบข้อเท็จจริง รวมทั้งสาเหตุของการเสียชีวิตจากทางญาติของนายกิตติชัยอย่างเร่งด่วนว่าเสียชีวิตจากสาเหตุใด นายกิตติชัยเป็นพยานสำคัญคนหนึ่งในคดี แต่ก็ยังมีพยานสำคัญอีกหลายคนที่ยังมีชีวิตอยู่ ดังนั้น การเสียชีวิตของนายกิตติชัยนับเป็นรายที่ 99 แล้ว แต่คงไม่ทำให้คดีวัดปทุมฯ ได้รับผลกระทบอะไรเพราะยังมีพยานอีกเยอะที่ให้การไว้ก่อนหน้านี้

ส่วนนายโชคชัย อ่างแก้ว ทนายความคดี 6 ศพวัดปทุมฯ กล่าวถึงเรื่องเดียวกันว่า เมื่อทราบข่าวการเสียชีวิตของนายกิตติชัยก็ประสานไปทางญาติ โดยแนะนำให้ชะลอการฌาปนกิจศพออกไปก่อน จากเดิมที่กำหนดไว้เป็นวันที่ 5 ต.ค.นี้ เนื่องจากเชื่อว่าสาเหตุการเสียชีวิตน่าจะสืบเนื่อง จากการที่นายกิตติชัยถูกยิงเข้าที่ปอดและมือ จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 19 พ.ค.2553 ที่วัดปทุมฯ ได้รับบาดเจ็บสาหัส ต้องเข้ารับการรักษาตัวที่ร.พ.ศิริราช หลังออกจากร.พ.นายกิตติชัยต้องพบแพทย์เป็นประจำ พร้อมกันนี้ทีมทนายยังแจ้งให้พนักงานสอบสวนทราบเพื่อให้ส่งศพคืนมาผ่าพิสูจน์ใหม่ เพราะตอนเสีย ชีวิตที่ร.พ.ศิริราชยังไม่ได้ผ่าพิสูจน์

"เท่าที่ทราบเขาเจ็บป่วยรักษาตัวมาตลอด ทางกฎหมายถือว่าเป็นเหตุเชื่อมโยงทำให้อ่อนแอ เพราะจากการถูกยิงอาจทำให้มีโรคอื่นแทรกซ้อนเข้ามาจึงอยากให้ผ่าพิสูจน์ก่อน เพราะอาจจะเป็นศพที่ 99 ในการสลายการชุมนุมเมื่อปี 2553? ทนายความคดี 6 ศพวัดปทุมฯ กล่าว

นายโชคชัยกล่าวอีกครั้งว่า แต่ล่าสุดทราบว่าญาติทำพิธีฌาปนกิจศพไปแล้ว อย่างไรก็ตาม การเสียชีวิตของนายกิตติชัยไม่ส่งผลกระทบต่อรูปคดี เพราะนายกิตติชัยให้การในชั้นพนักงานสอบสวนอย่างละเอียดชัดเจนแล้ว ดังนั้น เมื่อให้การไว้แล้วจึงไม่มีอะไรต้องห่วง อีกทั้งทนายได้แถลงต่อศาลไปแล้วเมื่อวันที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมาว่าขอนำคำให้การของนายกิตติชัยมาพิจารณาในศาลด้วย นอกจากนี้ ยังมีประจักษ์พยานอีกหลายปากที่รอให้การในศาล จึงไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อคดี 6 ศพวัดปทุมฯ แต่อย่างใด

ต่อมาผู้สื่อข่าวตรวจสอบไปยังญาติพี่น้องของนายกิตติชัยที่อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น โดยนายไวพจน์ ปะวะสาเท น้องเขยของนายกิตติชัยเปิดเผยว่า เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 5 ต.ค. ญาติพี่น้องได้ร่วมกันทำพิธีฌาปนกิจศพนายกิตติชัยเป็นที่เรียบร้อยแล้วที่วัดศิลาอาสน์ บ้านหินลาด ต.พังทุย อ.น้ำพอง แต่ก่อนหน้านี้ทางญาติพี่น้องได้รับการติดต่อจากทนายความคดีวัดปทุมฯ ว่าอย่าเพิ่งฌาปนกิจศพ พร้อมทั้งแนะนำว่าให้นำศพผ่าพิสูจน์ก่อน แต่ทางพ่อแม่ของนายกิตติชัยไม่ติดใจการเสียชีวิต เพราะได้ดูศพแล้วไม่เห็นว่ามีร่องรอยบาดแผลใด จึงอยากประกอบพิธีกรรมทางศาสนาให้เสร็จสิ้นไป

ด้านนางธิดากล่าวเพิ่มเติมกรณีนายกิตติชัยเสียชีวิตว่า ทราบข่าวจากพล.ต.อ.วิรุฬ ฟื้นแสน ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ว่านายกิตติชัยเสียชีวิตจากเส้นเลือดอุดตัน จึงประสานงานไปที่ภรรยาของนายกิตติชัยเพื่อจะส่งเงินช่วยเหลือ ในตอนแรกคาดว่าจะไปร่วมงานศพแต่ไปไม่ทัน ส่วนสาเหตุของการเสียชีวิตนั้นยังตอบไม่ได้ว่ามาจากสาเหตุอะไร แต่เป็นที่น่าสงสัยว่านายกิตติชัยยังมีสภาพร่างกายแข็งแรงอยู่ ทำไมถึงได้เสียชีวิตอย่างรวดเร็วกะทันหัน คงต้องตรวจสอบรายละเอียดจากแพทย์ที่ดูแลรักษา

วันเดียวกัน (5 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 21 หมู่ 7 บ้านหินลาด ต.พังทุย อ.น้ำพอง บ้านของนายปราณี แข็งขัน นางเหรียญทอง แข็งขัน พ่อแม่ของนายกิตติชัย โดยนางเหรียญทองกล่าวว่า ลูกชายไปทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ มีอาชีพเป็นช่างก่อสร้างรับจ้างทั่วไป และไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มเสื้อแดง จนกระทั่งวันที่ 19 พ.ค.2553 ลูกชายถูกยิงขณะหลบอยู่ใต้ท้องรถในวัดปทุมฯ ถูกยิงเข้าที่สะโพกด้านหลังและฝ่ามือขวา บาดเจ็บสาหัส นำส่งร.พ.กลาง รักษาตัวอยู่ 25 วัน อาการบาดเจ็บค่อยยังชั่ว จึงกลับมาพักฟื้นที่บ้าน ระหว่างนั้นมีกลุ่มคนเสื้อแดงมาเยี่ยมให้กำลังใจ ส่วนค่ารักษาทางพรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดงช่วยเหลือ

นางเหรียญทองกล่าวว่า ก่อนเสียชีวิตนายกิตติชัยทำงานเป็นหัวหน้ารปภ.อยู่ที่หมู่บ้านฮันนี่วิว พุทธมณฑลสาย 2 เขตตลิ่งชัน หลังจากเลิกงานออกเวรนอนพักผ่อนอยู่ในป้อมยาม ระหว่างนั้นมีอาการนอนสะดุ้งหลายครั้ง เพื่อนๆ จึงปลุกและถามว่าเป็นอะไร ต่อมามีอาการปวดหัวจึงให้เพื่อนไปซื้อยาแก้ปวดมาให้กินแล้วนอนต่อ จนกระทั่งเวลาประมาณ 03.00 น. วันที่ 1 ต.ค. เพื่อนมาปลุกแต่ไม่ตื่นและมารู้ว่าเสียชีวิตแล้ว จึงแจ้งให้ตำรวจมาดู และนำศพส่งร.พ.ศิริราช ผลการตรวจทางแพทย์บอกว่าหัวใจล้มเหลว ทางพ่อแม่และญาติพี่น้องไม่ติดใจและทำพิธีฌาปนกิจศพไปแล้ว โดยมีกลุ่มคนเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทยมอบเงิน 120,000 บาทช่วยเหลือ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net