Skip to main content
sharethis

ตั้ง 'สุวิจักขณ์ นาควัชระชัย' เลขาธิการสภาผู้แทนราษฏร เป็นหัวหน้าคณะทำงานสอบเสนอราคาประมูล ด้านประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กสทช.เสียงข้างน้อย ทำหนังสือด่วนที่สุดให้ประธาน กสทช.พิจารณาอำนาจหน้าที่ในการรับรองผลการประมูลคลื่น 3G

(26 ต.ค.55) ฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า สำนักงาน กสทช.ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบพฤติกรรมการเสนอราคาของผู้ร่วมการประมูลคลื่นความถี่ 2.1 GHz เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2555 ที่ผ่านมา เพื่อตรวจสอบพฤติกรรมการเสนอราคาของผู้เข้าร่วมการประมูล บนพื้นฐานข้อเท็จจริงให้เกิดความชัดเจนก่อนพิจารณาการออกใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ 2.1 GHz ให้แก่ ผู้ชนะการประมูลเพื่อให้เป็นไปโดยถูกต้องตามกฎหมาย

คณะทำงานดังกล่าวมี นายสุวิจักขณ์ นาควัชระชัย เลขาธิการสภาผู้แทนราษฏร เป็นหัวหน้าคณะทำงาน  ในส่วนของผู้ร่วมทำงานประกอบด้วย นายอภิชาต อาสภวิริยะ และนายจิตรนรา นวรัตน์ เป็นผู้แทนจากสำนักงานอัยการสูงสุด รศ.อรพรรณ พนัสพัฒนา นักวิชาการคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายมงคล แสงหิรัฐ ผู้แทนจากสำนักนายกรัฐมนตรี และดร.พัชรสุทธิ สุจริตตานนท์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบการประมูลคลื่นความถี่

นายฐากร ระบุด้วยว่าเพื่อความโปร่งใส ในการพิจารณาในคณะทำงานชุดนี้จะมีพนักงาน กสทช. เป็นคณะทำงานเพียงคนเดียว คือ นายชัยยุทธ มังศรี และมีนางสาวพรพักตร์ สถิตเวโรจน์  นายโสรัจจ์ ศรีพุธ และนางสาวณัฐสุดา อัคราวัฒนา เป็นเลขานุการและผู้ช่วยเลขานุการ

ทั้งนี้ คณะทำงานชุดนี้จะมีกรอบระยะเวลาในการทำงานอยู่ที่ 15 วัน ผลการพิจารณาจะนำเสนอคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาอนุญาตการออกใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ 2.1 GHz ให้แก่ผู้ชนะการประมูลต่อไป

อนึ่ง จากการตรวจสอบพบว่า  จิตนรา นวรัตน์ ดำรงตำแหน่งอนุกรรมการด้านกฏหมาย กทค. อรพรรณ พนัสพัฒนา ดำรงตำแหน่งอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคด้านกิจการโทรคมนาคม กทค.  ดร.พัชรสุทธิ สุจริตตานนท์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบการประมูลคลื่นความถี่ เป็นผู้ที่เคยร่วมให้ความรู้เรื่องการประมูลคลื่นความถี่แก่ประชาชนทั่วประเทศของ กสทช.ก่อนการประมูลที่ผ่านมา
   

'ประวิทย์' ร่อนหนังสือถาม ปธ.กสทช. บอร์ดไหนมีอำนาจรับรองผลประมูลคลื่น 3G
วันเดียวกัน ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) ได้ส่งหนังสือถึงพลอากาศเอกธเรศ ปุณศรี ประธาน กสทช. เรื่องขอให้พิจารณาอำนาจหน้าที่ในการรับรองผลการประมูลคลื่นความถี่ย่าน 2.1 GHz โดยนายประวิทย์มีความเห็นว่า การรับรองผลการประมูลเป็นคนละขั้นตอนกับการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่หรือการอนุญาตประกอบกิจการตามมาตรา 27 แห่ง พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ แต่เป็นขั้นตอนกระบวนการตามมาตรา 45 ซึ่งเป็นคนละกรณีกับมาตรา 40 ที่บัญญัติให้ กทค.มีอำนาจนหน้าที่ปฏิบัติการใดๆ แทน กสทช.ตามมาตรา 27

บันทึกของนายประวิทย์ ระบุว่า "ผมพิจารณาแล้วมีความเห็นว่า อำนาจหน้าที่ของ กทค.ตามมาตรา 40 แห่ง พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ นั้น เป็นการพิจารณาอนุญาตและกำกับดูแลการใช้คลื่นความถี่ และกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการอนุญาต เงื่อนไข หรือค่าธรรมเนียมการอนุญาตดังกล่าว ตามมาตรา 27

"อย่างไรก็ตาม การประมูลคลื่นความถี่ย่าน 2.1 GHz ดังกล่าว เป็นการดำเนินการตามมาตรา 45 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ ที่บัญญัติให้ผู้ใดประสงค์จะใช้คลื่นความถี่เพื่อกิจการโทรคมนาคมต้องได้รับใบอนุญาตตาม พ.ร.บ.นี้ ซึ่งต้องดำเนินการโดยวิธีการประมูลคลื่นความถี่ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ ระยะเวลาและเงื่อนไขที่ กสทช. ประกาศกำหนด ประกอบกับต่อมา กสทช. ได้ออกประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมเคลื่อนที่สากล (International Mobile Telecommunications - IMT) ย่าน 2.1 GHz พ.ศ. 2555 โดยกำหนดให้คำนิยามของคณะกรรมการ หมายความว่าคณะกรรมการ กสทช. นอกจากนี้ในข้อ 18 ยังได้บัญญัติให้ประธานกรรมการ กสทช. เป็นผู้รักษาการตามประกาศ และในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามประกาศนี้ให้คณะกรรมการเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาด และคำวินิจฉัยของคณะกรรมการถือเป็นที่สุด"

อนึ่ง ก่อนหน้านี้ สุภิญญา กลางณรงค์ หนึ่งในคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ทำหนังสือถึง พลอากาสเอกธเรศ ปุณศรี ประธาน กสทช. เรื่อง ขอให้นัดประชุม กสทช. วาระเร่งด่วนเรื่องการรับรองผลการประมูลคลื่นความถี่ IMT ย่าน 2.1 GHz เนื่องจากการประมูลคลื่นความถี่ที่ผ่านมาเป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์สาธารณะอย่างมหาศาลและเป็นเรื่องที่ได้รับความสนใจติดตามจากสาธารณชนอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งการตัดสินใจดำเนินการใดๆ ยังมีผลทางกฎหมายต่อคณะกรรมการ กสทช. ทั้งคณะ 11 คน ขณะที่ประธาน กสทช. ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ขอเวลาพิจารณาถึงความจำเป็นในการเรียกประชุมเนื่องจากในขณะนี้บอร์ดแต่ละคนติดภารกิจ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net