สมศักดิ์ โพสต์แจ้งเลื่อนการรายงานตัวไปเดือนหน้า แกนนำปฏิญญาหน้าศาลชี้การดำเนินคดีนี้ คุกคามเสรีภาพประชาชนและเป็นสัญญาณหยุดการเคลื่อนเพื่อ ปชต. ย้ำถ้า กม.เป็นธรรมคงไม่มีใครหวาดกลัวที่จะเข้าศาล
18 พ.ย.55 ที่บริเวณบาทวิถี หน้าศาลอาญา รัชดา กลุ่มปฏิญญาหน้าศาล ประมาณ 100 คน ได้จัดกิจกรรมให้กำลังใจ สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พนักงานสอบสวนได้มีความเห็นสั่งฟ้องเขาด้วยข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ(ม.112)แล้ว และเดิมมีหมายให้ไปรายตัวกับพนักงานอัยการในวันอังคารที่จะถึงนี้ (20 พ.ย.) ก่อนที่ สมศักดิ์ จะได้โพสต์แจ้งผ่านเฟซบุ๊กของตัวเองในเวลาต่อมา(19 พ.ย.)ว่า ได้ทำเรื่องขอเลื่อนการรายงานตัวกับ เจ้าพนักงานสอบสวน ตามหมายเรียกผู้ต้องหา ออกไปเป็นเดือนหน้าและทางเจ้าพนักงานสอบสวนก็ได้อนุญาตตกลง
การกล่าวให้กำลังใจ สมศักดิ์
สำหรับกลุ่มปฏิญญาหน้าศาลซึ่งได้จัดกิจกรรมเรียกร้องปฏิรูปศาล-ปล่อยนักโทษการเมือง บริเวณบาทวิถีหน้าศาลอาญา รัชดา มากว่า 8 เดือน แล้ว(ตั้งแต่ 5 มี.ค.) โดยกิจกรรมให้กำลังใจ สมศักดิ์ ในครั้งนี้ ดร.สุดา รังกุพันธ์ อาจารย์ประจำคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะแกนนำกลุ่มฯ กล่าวว่า อาจารย์สมศักดิ์ เป็นผู้ที่นำเสนอความคิดอันแหลมคมเกี่ยวกับการวิเคราะห์โครงสร้างสังคมไทยและเสนอแนวทางต่างๆ เพื่อออกจากวิกฤติการเมืองไทย แต่กลับถูกกองทัพบกแจ้งความด้วยกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และล่าสุด พนักงานสอบสวนได้มีความเห็นสั่งฟ้องไปยังอัยการ ถือเป็นการคุกคามเสรีภาพประชาชนและเป็นสัญญาณหยุดการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยอย่างชัดเจน และผ่ามาคดี ม.112 หากพนักงานสอบสวนส่งฟ้องมีโอกาสที่จะเข้าสู่ศาลและถูกตัดสินว่ามีความผิดจริงมีสูง โอกาสยกฟ้องเป็นไปได้ยาก
สุดา รังกุพันธ์
อาจารย์ประจำคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ ยังมองว่านักวิชาการต้องสามารถติชมโดยสุจริตได้ ตามข้อเสนอของคณะนิติราษฎร์ที่มองว่าการติชมโดยสุจริตน่าจะได้รับการคุ้มครองโดยรัฐธรรมนูญ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นแม้แต่เป็นนักวิชาการที่มีความระมัดระวังในการสื่อสาร แล้วประชาชนโอกาสในการที่จะวิพากษ์วิจารณ์ปัญหาต่างๆในสังคมไทยยิ่งยากลำบาก ไม่สามรถที่จะร่วมพูดคุยถกเถียงหาทางออกร่วมกัน กระบวนการเหล่านี้ถูกจำกัดอยู่แล้วยังถูกกฎหมายมาตรานี้ปิดกันอีก ดังนั้นอาจะนำไปสู่วิกฤติมากขึ้น
การมาแสดงออกในวันนี้ก็เพื่อแสดงให้สังคม ทราบว่าเราต้องการเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น และต้องการให้อาจารย์สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ที่จะแสดงทัศนะหรือความคิดเห็นจะได้รับการคุ้มครองตามหลักสิทธิมนุษยชนสากล
“ถ้ากฎหมายและกระบวนการยุติธรรมมีความเป็นธรรมจริงๆ คงไม่มีใครหวาดกลัวที่จะเข้าไปพิสูจน์ตัวเองในชั้นศาล แต่ที่ผ่านมากรณีของอากง SMS กรณีของคุณหนุ่ม ธันย์ฐวุฒิ กรณีของทุกคนที่ไม่ได้รับสิทธิการประกันตัว เป็นเครื่องบ่งชี้อย่างชัดเจนว่าโอกาสที่จะได้รับความเป็นธรรมในการพิสูจน์ตนเองมีโอกาสน้อยมากหรือแทบจะไม่มีเลย” แกนนำกลุ่มปฏิญญาหน้าศาล กล่าว
อีกทั้งในช่วงนี้ที่มีการเคลื่อนไหวขององค์การพิทักษ์สยาม ที่มีข้อเรียกร้องที่สร้างการยั่วยุอ้างอิงสถาบันเป็นเครื่องมีอีกครั้ง หลังจากที่ ในปี 53 ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.) ได้กล่าวหาประชาชนว่ามีขบวนการล้มเจ้าจาก “ผังล้มเจ้า” ในครั้งนี้องค์การพิทักษ์สยามก็มีการนำเสนอกับสังคมเพื่อทำให้เข้าใจผิดอีก การดำเนินคดีต่อ อ.สมศักดิ์ จึงมีความสอดคล้องกัน รวมทั้งยังเป็นการคุกคามและสัญญาณที่อาจเป็นการจุดชนวนใช้ความรุนแรงโดยข้ออ้างเหล่านี้ อย่างที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ในสมัย ศอฉ.
แกนนำกลุ่มปฏิญญาหน้าศาลยังฝากถึงรัฐบาลด้วยว่า ควรใช้กลไกของรัฐในการขจัดปัญหาตั้งแต่ต้นมือและจะได้ให้ประชาชนได้รับความเป็นธรรม เพราะขณะนี้กระบวนการยุติธรรมมีปัญหาอย่างน้อยก็ในเรื่อง 2 มาตรฐานและไร้มาตรฐาน โดยเฉพาะคดีที่เกี่ยวกับการเมืองเพราะมีเพียงฝ่ายเสื้อแดงฝ่ายเดียวที่ไม่ได้รับสิทธิการประกันตัวในขณะที่ฝ่ายอื่นไม่ถูกดำเนินคดีหรือแม้ถูกดำเนินคดีก็ได้รับการประกันตัวอย่างง่ายดาย แสดงให้เห็นว่าเรายังไม่ได้กรรมการที่เป็นกลาง ประชาชนก็ไม่อาจหวังกับกระบวนการยุติธรรมในระบบได้ จึงต้องออกมาเคลื่อนไหวที่บาทวิถีหน้าศาลอย่างนี้
เรื่องที่เกี่ยวข้อง :
'สมศักดิ์ เจียมฯ' ถูกตำรวจส่งฟ้องม. 112 เตรียมรายงานตัวกับอัยการอังคารนี้
'สมศักดิ์ เจียมฯ' รับทราบข้อกล่าวหา 112 เบื้องต้นปฏิเสธ-พร้อมสู้คดี
นักกิจกรรมประกาศยุติอดอาหาร เดินหน้าร้องปฏิรูปศาล-ปล่อยนักโทษการเมือง