Skip to main content
sharethis

ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งไม่รับคำร้องวินิจฉัย กรณีการชุมนุมขององค์การพิทักษ์สยามล้มล้างการปกครองฯ ชี้คำร้องไม่ปรากฏมูลเหตุ พล.อ.บุญเลิศ ไม่ได้มีการกล่าวเกี่ยวกับแนวคิดปิดประเทศหรือแช่แข็งประเทศ แต่แช่เพียงนักการเมืองเลว

22 พ.ย. 55 สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เผยแพร่ผลการพิจารณามีคำสั่งไม่รับคำร้องกรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ นายหนึ่งดิน วิมุตตินันท์ และนายสิงห์ทอง บัวชุม ยื่นคำร้อง ขอให้พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 ว่า พลเอกบุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ได้กระทำการโดยใช้สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งไม่ได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้

ผลการพิจารณาจากการสอบถามผู้แทนพลเอกบุญเลิศ และผู้แทนพลอากาศโท วัชระ ฤทธาคนีแล้ว ยืนยันว่า ไม่ได้มีการกล่าวเกี่ยวกับการแนวคิดการปิดประเทศหรือแช่แข็งประเทศ แต่หมายความว่า เป็นการแช่แข็งนักการเมืองเลว นักการเมืองชั่ว ไว้สักระยะ 5 ปี เพื่อป้องกันมิให้เข้ามากอบโกยหาผลประโยชน์ และตามคำชี้แจงได้ความว่าการนัดชุมนุมในวันที่ 24 พ.ย.55 เป็นการชุมนุมเพื่อแสดงพลังขับไล่รัฐบาล หากไม่เป็นผลก็จะยุติการชุมนุม และตามคำร้องยังไม่ปรากฏมูลเหตุว่า จะมีการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ  หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งไม่ได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 68 วรรคหนึ่ง

ศาลจึงมีคำสั่งไม่รับคำร้องทั้ง 3 ไว้พิจารณา

"เสธ.อ้าย" พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธานองค์การพิทักษ์สยาม

แนวหน้าออนไลน์ รายงานด้วยว่า นายพิมล ธรรมพิทักษ์พงษ์ หัวหน้าโฆษกศาลรัฐธรรมนูญ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ ไม่รับคำร้องของนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต สว.สรรหา  นายสิงห์ทอง บัวชุม สมาชิกพรรคเพื่อไทย และนายหนึ่งดิน วิมุตตินันท์ ทนายความชมรมผู้รักความเป็นธรรม รวม 3 คำร้อง ตามมาตรา 68 กล่าวหาว่า  พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธานองค์การพิทักษ์สยาม และพล.อ.ท.วัชระ ฤทธาคนี โฆษก อพส.  กระทำการตามสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ เพื่อล้มล้างระบอบการปกครอง อันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข ให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ โดยวิธีการซึ่งไม่ได้เป็นไปตามวิถีทางรัฐธรรมนูญ หรือไม่

ทั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า พล.อ.บุญเลิศ และพล.อ.ท.วัชระ ไม่ได้มีการกล่าวเกี่ยวกับแนวคิดปิดประเทศ หรือแช่แข็งประเทศ แต่หมายว่าเป็นการแช่แข็งนักการเมืองเลว นักการเมืองชั่วไว้ระยะเวลา 5 ปี เพื่อป้องกันไม่ให้เข้ามากอบโกยหาผลประโยชน์   อีกทั้งการชุมนุมในวันที่ 24-25 พ.ย.นี้ เป็นการชุมนุมเพื่อแสดงพลังขับไล่รัฐบาล หากขับไล่แล้วไม่เป็นผลก็จะยุติการชุมนุม และไม่ได้มีเจตนาเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจรัฐโดยมิชอบจากการชุมนุมในครั้งนี้

อย่างไรก็ตาม ตามคำร้องยังไม่ปรากฏมูลเหตุว่า จะมีการใช้สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ เพื่อล้มล้างการปกครอง หรือให้ได้มาซึ่งอำนาจการปกครองประเทศ ที่ไม่ได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 วรรคหนึ่ง

นายพิมล กล่าวอีกว่า องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้รับทราบเหตุผลของการชุมนุมทางสื่อมวลชนแล้ว อีกทั้ง มีการส่งตัวแทนมาชี้แจงต่อศาลจึงไม่จำเป็นต้องสั่งให้พล.อ.บุญเลิศ เข้าจี้แจงด้วยตัวเอง ทั้งนี้ หากการชุมนุมที่เกิดขึ้นเข้าข่ายมาตรา 68 ผู้ร้องสามารถยื่นเรื่องได้ตลอดตามขั้นตอน แต่ขึ้นอยู่กับศาลรัฐธรรมนูญจะใช้ดุลพินิจอย่างไรต่อจากนี้

ASTVผู้จัดการออนไลน์ รายงานถึงก่อนการไต่สวน นายประยงศ์ ไชยศรี ทนายความองค์การพิทักษ์สยาม ได้กล่าวว่าในวันนี้จะเป็นการชี้แจงข้อซักถามต่อคณะตุลาการ เพื่อประกอบการตัดสินใจว่าจะรับคำร้องของผู้ถูกร้องไว้พิจารณาหรือไม่ โดยยืนยันว่าการชุมนุมขององค์กรพิทักษ์สยามเป็นการชุมนุมภายใต้สิทธิ์ที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ และประชาชนเองมีสิทธิ์ที่จะแสดงออกเพื่อปกป้องประเทศชาติ ตามที่เห็นพ้องร่วมกันใน 3 ข้อที่เคยประกาศไว้ในเรื่องการปล่อยให้มีการจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ การบริหารราชการไม่มีประสิทธิภาพ เป็นหุ่นเชิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ และการปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตคอร์รัปชั่น

ทนายความองค์การพิทักษ์สยามยังกล่าวอีกว่า ในการชุมนุมได้มีการประเมินมวลชนไว้ต่อเนื่อง และมั่นใจว่าจะสามารถควบคุมมวลชนได้ ไม่มีการก่อเหตุรุนแรงจากผู้ชุมนุม ยืนยันว่าจะไม่มีการเคลื่อนมวลชนปิดล้อมรัฐสภา พร้อมมองว่า การที่รัฐบาลจะออก พ.ร.บ.ความมั่นคง ควบคุมการชุมนุม จะไม่สามารถยับยั้งเจตนาของประชาชนที่ทนไม่ไหวกับการบริหารราชการของรัฐบาล ซึ่งการมาชี้แจงในวันนี้จะมีผลต่อการชุมนุมหรือไม่นั้น ต้องรอคำสั่งศาลว่าจะออกมาอย่างไร แต่ในเรื่องมือที่ 3 ที่มีกระแสข่าวว่าจะก่อเหตุความรุนแรง ก็เป็นเรื่องของรัฐบาลที่ต้องดูแล

ขณะเดียวกัน การไต่ส่วนในวันนี้ ฝ่ายผู้ร้อง ทั้งนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.สรรหา นายสิงห์ทอง บัวชุม สมาชิกพรรคเพื่อไทย และนายหนึ่งดิน วิมุตตินันท์ ทนายความชมรมผู้รักความเป็นธรรม ได้เข้าชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญด้วย โดยยืนยันว่าการชุมนุมของกลุ่มองค์การ พิทักษ์สยามเข้าข่ายล้มล้างการปกครองตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 68

อย่างไรก็ตามในการไต่สวนของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้ใช้เวลาไต่สวนประมาณ 15 นาทีเท่านั้น โดยมีการซักถามจากนายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ประธานตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เกี่ยวกับแนวทางของ พล.อ.บุญเลิศ ในการแช่แข็งประเทศไทย และมีเจตนาล้มล้างรัฐบาลเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ นอกวิถีทางรัฐธรรมนูญหรือไม่ โดยนายประยงศ์ ไชยศรี ทนายความองค์การพิทักษ์สยาม ชี้แจงว่า แนวคิดการแช่แข็งประเทศไทย เป็นแนวคิดของ พล.อ.บุญเลิศ ที่ระบุว่า เป็นการแช่แข็งนักการเมืองเลวเป็นเวลา 5 ปี ไม่ได้มีเจตนาที่จะแช่แข็งประเทศ เพื่อหยุดระบบและการบริหารแผ่นดิน พร้อมยืนยันว่าการชุมนุมเป็นไปตามสิทธิ์ภายใต้รัฐธรรมนูญเพื่อขับไล่รัฐบาล โดยไม่มีการข่มขู่ใช้กำลัง และไม่ได้มีความต้องการให้ได้มาซึ่งอำนาจรัฐโดยวิธีนอกรัฐธรรมนูญ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net