Skip to main content
sharethis

 

เหมืองแร่อีสานยังคุกรุ่น ศูนย์ข้อมูลสิทธิฯ อีสาน เผย จ.กาฬสินธุ์ มีการยื่นขออาชญาบัตรพิเศษเพื่อสำรวจ แร่โปแตช จำนวน 2 แสนไร่ ขณะที่เวทีพับลิค สโคปปิ้งเหมืองทอง จ.เลย ถูกชาวบ้านค้านหนักจนต้องล่มเป็นครั้งที่ 5
 
เมื่อวันที่ 22 พ.ย.55 เวลาประมาณ 15.00 น. นายสุวิทย์  กุหลาบวงษ์ ผู้ประสานงานศูนย์ข้อมูลสิทธิมนุษยชนและสันติภาพ (ศสส.) อีสาน ซึ่งได้ติดตามข้อมูลนโยบายการทำเหมืองแร่และโครงการพัฒนาที่จะส่งผลกระทบต่อชุมชนท้องถิ่น ตลอดจนปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนในพื้นที่ภาคอีสานมาอย่างต่อเนื่อง ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าขณะนี้กำลังมีการยื่นขออาชญาบัตรพิเศษสำรวจ ประเมินศักยภาพแหล่งแร่โปแตช เพื่อทำการผลิตในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ จำนวน 12 แปลง รวมเนื้อที่ประมาณ 2 แสนไร่
 
ทั้งนี้ บริษัท แปซิฟิก มิลเดอรัล จำกัด ยื่นขออาชญาบัตรพิเศษครอบคลุม 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง ในตำบลโพนทอง, ตำบลเหนือ, ตำบลม่วงนา, ตำบลดอนจาน, ตำบลนาจำปา และตำบลเชียงเครือ อำเภอกมลาไสย และอำเภอดอนจาน
 
โดยยื่นคำขอที่สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ และส่งต่อไปให้กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อทำเรื่องเสนอให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประกาศยกเลิกมาตรา 6 ทวิ วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ.แร่ 2510 ในเขตพื้นที่ที่กำหนดให้เป็นเขตสำหรับดำเนินการสำรวจ การทดลอง การศึกษา หรือการวิจัยเกี่ยวกับแร่ได้เป็นกรณีพิเศษ เพื่อเปิดให้เอกชนสามารถยื่นคำขออาชญาบัตรเพื่อประกอบการเชิงพาณิชย์ และทำการผลิตแร่โปแตช ได้
 
“จากการติดตามข้อมูลล่าสุดพบว่ามีการยื่นคำขอใน จ.กาฬสินธุ์ รวมทั้งในหลายพื้นที่ของภาคอีสานที่ได้มีการยื่นไปแล้ว ซึ่งเห็นได้ว่าจะมีเหมืองแร่โปแตชเต็มแผ่นดินอีสานไม่ว่าจะเป็น นครราชสีมา ขอนแก่น ชัยภูมิ สกลนคร อุดรธานี มหาสารคาม หนองคาย และยโสธร คิดเป็นเนื้อที่รวมกว่า 1.3 ล้านไร่ โดยจะส่งผลกระทบต่อคนอีสานทั้งภาค” นายสุวิทย์ กล่าว
 
นายสุวิทย์กล่าวต่อว่า โดยเฉพาะในพื้นที่ จ.อุดรธานี ที่กำลังอยู่ระหว่างการยื่นคำขอประทานบัตรเพื่อทำการผลิตแร่โปแตช ของบริษัท เอเชีย แปซิฟิค โปแตช คอร์ปอเรชั่น จำกัด (APPC) และชาวบ้านในพื้นที่คัดค้านต่อเนื่องอย่างหนัก แต่ก็ไม่ได้รับการแก้ไขจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
 
“คณะกรรมการที่อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ แต่งตั้งขึ้นมาเพื่อติดตามกระบวนการประทานบัตรก็ถูกฉีกทิ้งไปเมื่อเปลี่ยนอธิบดีคนใหม่ หรือแม้แต่ชาวบ้านขอเข้าพบเพื่อชี้แจงให้ข้อมูล กับผู้ว่าฯ อุดร คนใหม่ก็ยังเมินเฉย” นายสุวิทย์กล่าวทิ้งท้าย
 
 
ขณะเดียวกันในวันนี้ (22 พ.ย.55) เวลาประมาณ 08.00 น. ชาวบ้านกลุ่มรักษ์บ้านเกิดจากพื้นที่ ต.เขาหลวง อ.วังสะพุง จ.เลย ร่วมด้วยเครือข่ายประชาสังคมจังหวัดเลย และกลุ่มนักศึกษาเฝ้าติดตามผลกระทบจากการทำเหมืองแร่ จำนวนกว่า 400 คน ได้เดินทางไปที่ศาลาประชาคม องค์การบริหารส่วนจังหวัดเลย เพื่อคัดค้านการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้มีส่วนได้เสียในการกำหนดขอบเขตและแนวทางการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (ค.1) หรือพับลิค สโคปปิ้ง (Public scoping) ซึ่งเป็นขั้นตอนเริ่มต้นแรกสุดของการทำ EHIA เพื่อประกอบการขอประทานบัตรทำเหมืองแร่ทองคำส่วนขยายบนภูเหล็ก ตามคำขอประทานบัตรที่ 104/2538 ของบริษัททุ่งคำ จำกัด
 
แต่ทว่าเวทีดังกล่าว ได้ถูกยกเลิกและเลื่อนไปจัดในวันที่ 21 ธันวาคม 2555 ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 5 แล้วที่มีการเลื่อน ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าบริษัทฯ ได้จัดเตรียมกำลังมวลชนจากหลายอำเภอในจังหวัดเลย เพื่อจะมาปะทะขัดขวางกับกลุ่มชาวบ้านที่คัดค้านเหมืองไม่ให้เข้าร่วมและให้การจัดเวทีประสบความสำเร็จ
 
หลังจากทราบข่าวการเลื่อนการจัดเวที กลุ่มชาวบ้าน เครือข่ายประชาสังคม และนักศึกษา จึงร่วมกันรณรงค์ให้ข้อมูลถึงผลกระทบจากการทำเหมืองแร่ทองคำ ให้กับประชาชนในเมืองเลยและผู้ที่สัญจรผ่านไปมา
 
น.ส.วัชราภรณ์  วัฒนขำ ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนเฝ้าระวังผลกระทบจากนโยบายการทำเหมืองแร่กล่าวว่า เหมืองแร่ทองคำ จ.เลย มีปัญหามาก ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของชาวบ้านในพื้นที่ โดยเฉพาะบ่อกักเก็บไซยาไนด์แตก จนกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่มีคำสั่งปิดเหมือง แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างการยื่นอุทธรณ์ของบริษัทผู้ประกอบการ
 
นอกจากนี้ก็ยังมีปัญหาโรงประกอบโลหะกรรมหมดอายุไปเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ผลการไต่สวนการรังวัดอันเป็นเท็จโดยระบุว่าพื้นที่ขอประทานบัตรทำเหมืองแร่ทองคำส่วนขยายบนภูเหล็กไม่มีบ่อน้ำสาธารณะ และไม่มีป่าสาธารณะประโยชน์ แต่ในข้อเท็จจริงพื้นที่ดังกล่าวเป็นแหล่งน้ำซำ น้ำซับ และมีป่าไม้อุดมสมบูรณ์
 
“บริษัทฯ อยู่ในสถานการณ์หลังชนฝา และถ้าหากจัดเวทีขึ้นก็เท่ากับเป็นการประจานความผิดพลาดของตนเอง อีกทั้งกลุ่มมวลชนที่เตรียมเอาไว้รวมทั้งเจ้าหน้าที่ของทางจังหวัดก็ต้องไปดูแลเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมืองที่จะมีขึ้นในวันที่ 24 พ.ย.นี้ เมื่อเห็นท่าจะเพลี่ยงพล้ำเขาจึงเลื่อนเวทีออกไป” น.ส.วัชราภรณ์กล่าว

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net