Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis
 
ในช่วงนี้หนีไม่พ้นการมองเรื่องการเมืองเรื่องแช่แข็งเป็นแน่ ด้วยเทรนด์ของโลกที่เปลี่ยนไป การต่อสู้ทางความคิด ต่อสู้ทางการเมือง การต่อสู้ของสองขั้วอำนาจในสงครามเย็นก็ได้ผ่านพ้นไป หากกล่าวอีกแง่หนึ่งชัยชนะก็ตกเป็นของฝ่ายเสรีนิยมประชาธิปไตยในที่สุด ถามว่าเทรนด์มันสำคัญแค่ไหน สำหรับผู้เขียนแล้วคงขอยกตัวอย่างที่เข้าใจง่ายๆคือ ผมเคยถามนักศึกษาว่า วันนี้คุณใส่กางเกงขาเดฟ ถ้าเช่นนั้นพรุ้งนี้คุณใส่กางเกงขาม้า มาได้ไหม นักศึกษาตอบว่า เดี๋ยวเขาก็หาว่าผมบ้าซิครับอาจารย์
 
สิ่งที่เห็นจากข้างต้นคืออะไร เช่นเดียวกับเทรนด์ระบอบการปกครอง การต่อสู้ได้จบลงพร้อมกับชัยชนะของฝ่ายเสรีประชาธิปไตย ดังนั้นเมื่อเทรนด์ของโลกเป็นเช่นนั้น ถามว่าคุณไม่ทำตามได้ไหม คำตอบคือได้ แต่คุณก็ต้องถูกเรียกว่า เด็กแนว เพี้ยนหรือบ้า ก็เป็นได้
 
ที่กล่าวถึงอย่างนั้นเพราะว่าเอาเข้าจริงผมยังงงไม่หายกับการที่มีแกนนำการชุมนุมท่านหนึ่งไม่เห็นด้วยและไม่ชอบต่อระบอบประชาธิปไตย(ตั้งแต่เด็ก) ไม่มีปัญหาครับกับการไม่ชอบเพียงแต่ว่าอีกแง่หนึ่งคุณก็ต้องยอมรับสิ่งที่คุณจะโดยกดดัน ไม่เห็นด้วย เสียดสี จากสังคม หากคุณเป็นคนที่ยึดมั่นในอุดมการณ์คุณก็คงไม่มีปัญหาอะไรต่อการเจออสิ่งเหล่านั้น แต่เอาเข้าจริงแม้ว่าคุณจะผ่านร้อนผ่านหนาวมาขนาดไหน ท้ายที่สุดคุณก็ต้องยอมรับและคุณก็ไม่สามารถทัดทานต่อเทรนด์ได้ เช่นเดียวกับเด็กที่คงไม่ใส่กางเกงขาม้าเป็นแน่ หากกล่าวอีกแง่หนึ่งในที่สุดแล้วคุณก็ต้องทำตามโลก เพราะคนส่วนมากก็คงไม่ได้อยากที่จะเป็นเด็กแนว หรือ เป็นตัวของตัวเองมากขนาดนั้น
 
จากการเมืองนี้เช่นกันสิ่งที่เรามักจะเห็นและทำให้ผู้เขียนรู้สึกย่ำแย่และไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งนั่นก็คือเรื่อง เพศกับการเมือง
 
เพศกับการเมือง ทำให้ผู้เขียนเห็นอะไรหลายอย่าง ประเด็นที่ใช้ในการเมืองระหว่างชายและหญิงนั้นมีความต่างกัน หรือหากจะคิดอีกแง่ก็อาจกล่าวได้ว่าการเมืองทำให้ชายและหญิงไม่มีความเท่าเทียมกันก็เป็นได้
 
หากเรากล่าวย้อนตั้งแต่อดีต ในช่วงยุคโบราณสตรีก็มักจะถูกมองข้ามทางการเมืองเสมอดังเช่นสมัยกรีกโบราณ การเมืองในสมัยโบราณนั้นมันมีความขัดแย้งกันตลอดเวลา การต่อสู้ฆ่าฟันกัน เป็นสิ่งที่จะทำให้ตนเองอยู่รอด ดังนั้นด้วยเหตุนี้ผู้ชายซึ่งเป็นเพศที่แข็งแรงกว่าที่พระเจ้าสร้างขึ้นจึงมีบทบาทมาก นักรบคือผู้นำ ด้วยเหตุนี้จึงเป็นสิ่งที่ในเวลาต่อมามีคำกล่าวที่เรามักได้ยินเสมอนั่นก็คือ ผู้ที่แข็งแรงกว่าเท่านั้นที่จะอยู่รอด เมื่อเป็นเช่นนั้นสตรีก็จึงมีหน้าที่อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนตามภาษาพูดของคนไทย หรืออีกอย่างก็อยู่ตามหอนางโรมเฉกเช่นเดียวกับในภาพยนตร์จีนกำลังภายใน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหลักของคริสต์ศาสนาแล้วเมื่อการแต่งงานเสมือนหนึ่งการให้ความรักต่อพระเจ้า ดังนั้นการนอกใจภรรยาจึงเป็นสิ่งที่ทำมิได้ (แต่ก็แหกกฎได้เสมอ) นางโรมก็เลยมีความหมายมากเพราะอย่างน้อยมันก็ไม่ได้เกิดจากความรักแต่มันไก้มาเฉกเช่นเดียวกับคุณไปซื้อกับข้าวที่ตลาด
 
ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่าในยุคโบราณสตรีแทบไม่มีบทบาทอะไรมากนักในการเมือง ตัวอย่างที่อยากให้สังเกตอีกแง่หนึ่งก็คือในภาพยนตร์เรื่อง มู่หลาน ที่นำแสดงโดย จ้าวเหว่ย (Zhao Wei) แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าในที่สุดแล้วเรื่องการรบนั้นไม่ใช่หน้าที่ของสตรีแต่มันเป็นเรื่องของผู้ชาย ดังนั้นมู่หลานทำอย่างไรเล่าก็ต้องปลอมตัวเป็นชาย(เพราะเห็นว่าพ่อแก่แล้ว)เพื่อที่จะมารบแทน การที่มู่หลานปลอมตัวก็เท่ากับว่าแม้แต่ตัวเขาเองก็รู้ดีว่าการสงครามนั้นไม่ใช่หน้าที่ของสตรี แม้ว่าเวลาต่อมามู่หลานจะถูกยกย่องเป็นวีรสตรีของจีนแต่ก็ต้องมีฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยแน่ๆเพราะอย่างน้อยเขาก็คงคิดว่าเสียศักดิ์ศรีมากที่สตรีเก่งกว่า
 
หากกล่าถึงการเมืองไทย ก็เช่นกันว่าการดำลงตำแหน่งข้าราชการฝ่ายบริหารก็พึ่งปรับเปลี่ยนวิธีคิดเมื่อไม่นานมานี้เอง หลังเลือกตั้งปี 2535 สตรีเพิ่งเข้ามามีบทบาทในช่วงนี้กล่าวคือ รัฐบาลกลางก็เพิ่งเปิดโอกาสให้สตรีเข้ามาเป็น ปลัดอำเภอ นายอำเภอ และผู้ว่าราชการจังหวัดได้ ดังนั้นก็สะท้องให้เห็นว่าเอาเข้าจริงสตรีก็เพิ่งมีบทบาททางการเมืองแบบเต็มที่เมื่อไม่นานมานี้เอง
 
สตรีกับการเมืองมักทำให้เกิดความเจ็บปวดเสมอในสังคมไทย สิ่งที่เป็นตัวควบคุมนั้นก็คงเป็นจารีต ขนบธรรมเนียม วัฒนธรรม ของสังคมที่มีมาแต่เก่าก่อน คำว่าสตรีต้องเรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้ สตรีเป็นช้างเท่าหลัง ก็คงเป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่าสตรีต้องเป็นแบบไหนเมื่ออยู่ในสังคม
 
จากการที่สตรีเข้ามามีบทบาททางการเมืองในสภาสิ่งที่สะท้องให้เห็นอย่างหนึ่งก็คือว่า เพศมีความสำคัญมากในการทำลายกันทางการเมือง กล่าวคือ การโจมตีและทำลายกันทางการเมืองนั้นมีความแตกต่างกัน หากโจมตีผู้ชายแล้วก็จะเป็นเรื่องหนึ่ง แต่หากจะโจมตีสตรีก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องส่วนตัวหรือเรื่องเกี่ยวกับชู้สาวเป็นต้น
 
เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น ผู้เขียนคิดว่ากรอบคิดของสังคมไทยมีความอนุรักษ์นิยมอยู่ค่อนข้างมากทีเดียว หากเราสังเกตถึงละครตอนเช้าทางช่องสามสี จะพบว่าเป็นเรื่องที่ไม่แปลกอะไรที่ชายจะมีนางสนมกี่คนก็ได้ แต่สตรีนั้นหาทำเช่นนั้นได้ไม่เพราะอย่างน้อยนางวันทองก็เสียคนไปแล้วในสังคมไทย
 
ในช่วงหลังเมื่อเราสังเกตในสภาผู้แทนราษฎรของบ้านเราจะพบว่าสตรีมีบทบาทมากขึ้น มีการต่อสู้ทางการเมืองกันเองของสตรี แต่สิ่งที่ตามมาก็คือว่า การกล่าวหาสตรีในทางการเมืองนั้นกลับเป็นสิ่งที่เลวร้ายอย่างมาก เช่น ส.ส. ท่านหนึ่งของจังหวัดสมุทรสงครามก็ถูกผู้ที่ไม่เห็นด้วย ไม่ชอบ ฝั่งตรงข้ามเล่นงานในเรื่องทางชู้สาวแบบเสียๆหายๆ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าแปลกที่เรื่องอย่างนี้มักไม่เกิดขึ้นกับชายแต่สตรีมีแนวโน้มที่จะโดนมากกว่า
 
ไม่เพียงแต่ในประเทศเท่านั้น ต่างประเทศก็เช่นกันในกรณีของภรรยาผู้นำอย่างสหรัฐอเมริกาแม้ว่าจะไม่ใช่นักการเมืองแต่ก็ถือว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการเมืองมากในระดับหนึ่ง การถูกยกให้เป็นสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐอเมริกาก็ไม่พ้นที่จะถูกจับตามองในเรื่องส่วนตัวโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องเสื้อผ้าหน้าผม ซึ่งเอาเข้าจริงแล้วขนาดในสังคมอเมริกาที่มีความเป็นปัจเจกบุคคลสูงก็ยังมิวายโดนปัญหาเหล่านี้
 
กรณีสุดท้ายก็คงหนีไม่พ้นบนเวทีทางการเมืองเมื่อวันวานนี้ผ่านมา ผู้เขียนนั่งฟังด้วยความตั้งใจเป็นอย่างมากแต่สิ่งที่ได้ยินได้ฟังกลับทำให้ผู้เขียนรู้สึกไม่เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง การพูดบนเวทีกลับเต็มเปี่ยมไปด้วยเรื่องบนเตียง เรื่องชู้สาว และที่น่าสนใจไปกว่านั้นผู้ที่พูดก็ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่มีความรู้กันทั้งนั้น ระดับปัญญาชนทั้งนั้น แต่สิ่งที่ได้ยินกลับพบว่า แม้ว่าคุณจะมีสติปัญญาสูงแค่ไหนสุดท้ายแล้วคุณก็ไม่ได้มีความสูงส่งทางความคิดดังเช่นปัญญา สนุกปากเป็นอย่างมากอาจจะด้วยอารมณ์ที่มีในการอยู่บนเวทีหรืออะไรก็สุดแล้วแต่ แต่สุดท้ายสิ่งที่คุณแสดงออกมามันก็ไม่มีความยุติธรรมเท่าไรกับสตรี
 
สิ่งที่สะท้อนได้จากที่กล่าวไปข้างต้น สตรีมักจะโดนทำร้ายมากกว่าชาย ทำร้ายในเรื่องส่วนตัวมากเป็นพิเศษ เรื่องบนเตียงเป็นสิ่งที่การเมืองไทยหยิบยกมาใช้ทำลายกัน สิ่งที่มองเห็นของผู้เขียนมันสะท้อนว่าในที่สุดแล้วการมองสตรีก็ยังเป็นไปในลักษณะของเพศที่อ่อนแอกว่า มองในลักษณะที่ไม่มีความเท่าเทียมกัน ใช้กรอบของสังคมในเรื่องของขนบธรรมเนียม วัฒนธรรม ที่สั่งสมกันมาเป็นตัวทำลาย เพราะอย่างน้อยเขารู้ว่าสิ่งที่จะทำลายสตรีได้มากที่สุดนั่นก็คือเรื่องความเป็นสตรีในบริบทของสังคมไทย หากกล่าวหาและทำให้คนเชื่อได้ว่าสตรีผู้นั้นเป็นนางวันทองละก็เสร็จไปทุกรายเป็นแน่
 
ดังนั้นในสุดท้ายนี้ผู้เขียนอยากจะเห็นการเมืองที่มีความสร้างสรรค์ ควรมองชายและสตรีให้มีความเท่าเทียมกัน การต่อสู้ทางการเมืองควรที่จะต่อสู้กันในเรื่องของการเมืองมากกว่าเรื่องส่วนตัว เพราะหากคิดอีกแง่เรื่องบนเตียงมันไม่ได้จำกัดอยู่แค่สตรีเท่านั้น ชายเองเอาเข้าจริงมีมากกว่านั้นอีกเป็นไหนๆ ทางที่ดีวัดกันที่ความรู้ ความสามารถดีกว่าวัดกันดัวยน้ำลายซึ่งทำให้สังคมไทยเปียกโชกไปหมดแล้วทุกอณู
 
 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net