40 ส.ว.ค้านโหวตวาระ 3 เสนอแก้รายมาตรา ม.237-117

 

กลุ่ม 40 ส.ว. ค้านลงมติเดินหน้าแก้ รธน. โหวตวาระ 3 เสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 237 เกี่ยวกับการยุบพรรค และรัฐธรรมนูญมาตรา 117 เกี่ยวกับการจำกัดวาระในการสมัครเป็นสมาชิกวุฒิสภาเลือกตั้ง เพราะการจำกัดให้ ส.ว.เลือกตั้งดำรงตำแหน่งเพียงวาระเดียว เป็นการกีดกันบุคลากรที่มีคุณภาพ ด้านเพื่อไทยยันไม่เร่งโหวตแก้ รธน.วาระ 3
 
6 ธ.ค. 55 - กลุ่ม 40 ส.ว. นำโดย นายไพบูลย์ นิติตะวัน นายประสาร มฤคพิทักษ์ น.พ.เจตน์ ศิรธรานนท์ และนายนิรันดร์ ประดิษฐกุล ส.ว.สรรหา ร่วมกันแถลงข่าวหลังจาก ที่สมาชิกรัฐสภาบางส่วนเสนอให้มีการลงมติเดินหน้าโหวตวาระ 3 เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ โดย นายไพบูลย์ กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งที่จะมีการเดินหน้าโหวตวาระ 3 เพราะจะทำให้ประเทศเข้าสู่วังวนเดิมของความขัดแย้ง เกิดวิกฤตทางการเมืองรอบใหม่ จนอาจนำไปสู่สงครามกลางเมือง เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจและสังคม และท้ายที่สุด การแก้ไขรัฐธรรมนูญก็จะต้องล้มเลิกไป 
 
นายไพบูลย์ระบุว่ารัฐสภาควรมีมติไม่ให้ความเห็นชอบในวาระ 3 ตนในฐานะ ส.ว. อยากเสนอทางออกเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ดังนี้ คือจะริเริ่มรวบรวมรายชื่อ ส.ว.และ ส.ส.บางส่วน ไม่น้อยกว่า 128 รายชื่อ ซึ่งไม่น้อย 1 ใน 5 ของสมาชิก 2 สภา เพื่อเสนอญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 237 เกี่ยวกับการยุบพรรค และรัฐธรรมนูญมาตรา 117 เกี่ยวกับการจำกัดวาระในการสมัครเป็นสมาชิกวุฒิสภาเลือกตั้ง เพราะการจำกัดให้ ส.ว.เลือกตั้งดำรงตำแหน่งเพียงวาระเดียว เป็นการกีดกันบุคลากรที่มีคุณภาพ ซึ่งญัตติดังกล่าวจะนำเข้าพิจารณาหลังจากที่รัฐสภามีมติไม่เห็นชอบการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ 
 
ทั้งนี้ตนจะเริ่มรวบรวมรายชื่อในวันที่ 10 ธ.ค. โดยหวังว่าจะได้รับความร่วมมือจากสมาชิกวุฒิสภา โดยเมื่อรวบรวมรายชื่อได้ครบ จะเสนอญัตติดังกล่าวต่อประธานรัฐสภาเพื่อบรรจุเป็นระเบียบวาระเมื่อเปิดประชุมสมัยนิติบัญญัติทันที โดยญัตติดังกล่าวจะอยู่ลำดับหลังจากการลงมติวาระ 3 แก้ไขรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตาม แนวทางที่ตนริเริ่มนั้นจะไม่สำเร็จ
 
ด้านนายประสาร กล่าวว่า เป้าหมายของรัฐบาลที่จะแก้รัฐธรรมนูญ คือ มาตรา 309 เพื่อแก้เงื่อนไขที่เป็นปัญหาให้กับคนเพียงคนเดียว ซึ่งหากเดินหน้าและมีจังหวะให้รัฐสภาลงมติช่วงเดือนมีนาคม 2556 อาจทำให้เกิดความขัดแย้ง และเมื่อดูจังหวะของการตรวจสอบเรื่องทุจริตโครงการรับจำนำข้าวทุกเมล็ดของรัฐบาล ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รับตรวจสอบและอาจมีมติในช่วงเดียวกัน อาจทำให้รัฐบาลต้องเผชิญหน้ากับระเบิดถึง 2 ลูก ดังนั้นช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน 2556 ต้องระวังให้ดี ส่วนการเสนอแก้ไขในมาตรา 237 และมาตรา 117 ก็อาจจะมีข้อครหาว่าแก้เพื่อประโยชน์ตนเอง แต่ยืนยันว่าไม่ได้แก้เพื่อประโยชน์ของตัวเอง ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน แต่เป็นการปลดชนวนความขัดแย้ง เนื่องจากมองว่าปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากนักการเมือง เมื่อปลดล็อกตรงนี้ได้ก็จะเกิดการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน สังคมโดยรวมก็จะได้ประโยชน์
 
ประธานวิปฯ ฝ่ายค้านเชื่อรัฐบาลลังเลแก้ รธน.วาระ 3
 
6 ธ.ค. 55 - นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาลว่า ขณะนี้รัฐบาลยังไม่ชัดเจนว่าจะกล้าเดินหน้าลงมติ ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 3 หรือไม่ เพราะสุ่มเสี่ยงต่อการกระทำขัดรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยแล้วว่าถ้าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ จะเป็นการฉีกรัฐธรรมนูญทิ้งและเขียนขึ้นใหม่ทั้งหมด ดังนั้นจะต้องขอประชามติจากประชาชนก่อน ส่วนตนก็ยังไม่แน่ใจว่าส.ส.ฝ่ายรัฐบาลจะกล้าลงมติตามที่คณะทำงานพรรคร่วมรัฐบาลแนะนำหรือไม่ ส่วนกรณีที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ระบุว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องของรัฐสภานั้น ตนเห็นว่านายกฯ ยังไม่เปลี่ยนพฤติกรรมบริหารราชการแผ่นดิน ยังลอยตัวตัดความรับผิดชอบ และเป็นการพูดโกหกกับประชาชน ทั้งที่ข้อเท็จจริงคณะรัฐมนตรี(ครม.) เสนอให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ จึงเป็นเรื่องของรัฐบาล และรัฐบาลจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อผลที่จะตามมา
 
นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้รัฐบาลพยายามเร่งรัดผลักดันให้เดินหน้าจัดเวทีประชาเสวนา เพื่อหาเสียงสนับสนุนให้กับการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการออกกฎหมายล้างผิด เพื่อเดินไปสู่เป้าหมายเดียวคือการคืนทรัพย์สิน และสิ่งเลวร้ายที่สุดคือการนำเงินภาษีกว่า 100 ล้านบาทไปจัดเวทีประชาเสวนาเพื่อสนับสนุนการคืนทรัพย์สินให้กับตัวบุคคล ซึ่งเป็นเรื่องไม่ถูกต้องและไม่สมควร ขณะที่รัฐบาลจะปฏิเสธว่าไม่รู้เห็นไม่ได้ เพราะเป็นมติครม.เมื่อถามว่าร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ยังมีท่าทีคัดค้านการเดินหน้าลงมติวาระ 3 เพราะห่วงว่าจะมีการชุมนุมคัดค้าน นายจุรินทร์ กล่าวว่า คิดว่าจนถึงวันนี้ประชาชนรู้เท่าทันมากขึ้นว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญกับการออกกฎหมายล้างผิดเป็นเรื่องเดียวกัน ที่ทำเพื่อวัตถุประสงค์ของคนคนเดียวกัน จึงคิดว่าจะมีกระแสออกมาต่อต้าน นำไปสู่ความแตกแยกในประเทศอีกครั้งหนึ่ง ส่วนสถานการณ์การเมืองจะเป็นอย่างไรนั้น เป็นสิ่งที่พวกเราเป็นห่วงและเคยเตือนรัฐอยู่แล้วว่าไม่ควรเอาผลประโยชน์ส่วนตัวไปแลกกับความสงบสุขของบ้านเมือง ยกเว้นคนเห็นแก่ตัวเท่านั้นที่จะทำแบบนี้ได้เมื่อถามว่านายสามารถ แก้วมีชัย ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ระบุว่าหากไม่ลงมติวาระ 3 ก็อาจจะเข้าข่ายละเว้นปฏิบัติหน้าได้ นายจุรินทร์ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวไม่เข้าข่ายละเว้นปฏิบัติหน้าที่ แต่ที่ไม่เดินหน้าลงมติเพราะเกิดจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ต้องผูกพันทุกองค์กร ซึ่งอาจจะอ้างว่าเข้าข่ายละเว้นปฏิบัติหน้าที่ เพื่อหาเหตุผลในการเดินหน้าต่อไปเท่านั้น
 
เพื่อไทยยันไม่เร่งโหวตแก้ รธน.วาระ 3
 
6 ธ.ค. 55 - นายสามารถ แก้วมีชัย ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย และคณะทำงานพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 กล่าวถึงกรณีที่ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี คัดค้านกรณีการเร่งดำเนินการโหวตแก้รัฐธรรมนูญวาระ 3 เพราะเกรงว่าจะเกิดความไม่เข้าใจในสังคมขึ้นอีกว่า เชื่อว่าคงไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น หน้าที่ของคณะทำงานฯคือรวบรวมข้อเท็จจริงทั้งหมดเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้วส่งให้พรรคร่วมรัฐบาลพิจารณา ขึ้นอยู่กับพรรคร่วมรัฐบาลว่าจะนำเรื่องเข้าสภาฯ เพื่อโหวตวาระ 3 เมื่อไหร่ แต่คงไม่จำเป็นต้องเร่งยื่นเข้าสภาฯ เพื่อโหวตวาระ 3 ทันที เพราะคณะทำงานพรรคร่วมรัฐบาลมีคำแนะนำในช่วงท้ายด้วยว่า ก่อนโหวตวาระ 3 นั้นควรรณรงค์ทำความเข้าใจกับประชาชนให้เข้าใจถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่า การโหวตวาระ 3 ไม่ใช่การดำเนินการที่ขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งต้องทำความเข้าใจประเด็นเหล่านี้ให้ชัดเจนก่อน คาดว่าจะใช้เวลารณรงค์ประมาณ 2 เดือน รวมถึงต้องดูกระแสสังคมประกอบด้วย เพราะเราไม่ต้องการสร้างปัญหา ไม่ต้องเร่งรีบโหวต อาจจะเป็นช่วงเดือนมี.ค.หรือเม.ย.ก็ได้ เพราะยังอยู่ในช่วงสมัยประชุมสภาฯ
 
นายสามารถ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า การเร่งโหวตวาระ 3 อาจทำให้เกิดสงครามมวลชนได้นั้น เป็นการตื่นเต้นไปเองของฝ่ายค้าน เราคงไม่รีบยื่นโหวตวาระ 3 แต่หากฝ่ายค้านจะยื่นตีความตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 อีกครั้งก็เป็นสิทธิที่ทำได้ แต่คณะทำงานพรรคร่วมรัฐบาลพิจารณาแล้วเห็นว่า การโหวตวาระ 3 ไม่ขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ มั่นใจว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะไม่ส่งผลให้รัฐบาลอายุสั้นลง 
 
ส่วนกรณีที่นายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย เรียกร้องให้เร่งโหวตรัฐธรรมนูญวาระ 3 พร้อมกับออกกฎหมายนิรโทษกรรมด้วยนั้น นายสามารถระบุว่าเป็นความเห็นส่วนตัวของนายวรชัย แต่ขณะนี้ควรแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างเดียวไปก่อน เพราะเป็นการทำตามนโยบายรัฐบาล ไม่ควรนำเรื่องกฎหมายนิรโทษกรรมมาเกี่ยวข้อง อย่าเอาเรื่องอื่นมาปน เพราะเราเคยมีประสบการณ์มาแล้ว
 
ที่มาเรียบเรียงจาก: เนชั่นทันข่าว, บ้านเมือง
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท