Skip to main content
sharethis

ประชาไทสัมภาษณ์อานดี้ โฮลล์ ผู้เชี่ยวชาญด้านแรงงานย้ายถิ่น สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล กรณีที่นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานก็ออกมายืนยันว่าหลังจากนี้จะไม่ขยายเวลาการพิสูจน์สัญชาติแรงงาน และจะดำเนินการขั้นตอนผลักดันแรงงานที่ไม่ได้พิสูจน์สัญชาติกลับประเทศ

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 14 ธันวาคมที่ผ่านมาเป็นวันสุดท้ายของการพิสูจน์สัญชาติแรงงานจากประเทศพม่า ลาว และกัมพูชา โดยข้อมูลจากกรมการจัดหางานในเดือนพฤศจิกายนพบว่า มีแรงงานต่างชาติที่จะต้องเข้ารับการพิสูจน์สัญชาติ จำนวน 8 แสน 6 หมื่นคน มีการพิสูจน์สัญชาติไปแล้วประมาณ 5 แสน 3 หมื่นคน

อย่างไรก็ตามหลังเส้นตายวันที่ 14 ธันวาคม ก็ยังมีแรงงานหลายแสนคนที่ไม่สามารถรับการพิสูจน์สัญชาติได้ทันเวลาที่กำหนด และยังมีแรงงานต่างชาติที่อยู่นอกระบบอีกนับล้านคนที่ไม่มีเอกสาร

โดยล่าสุด เมียว อ่อง ผู้อำนวยการกรมแรงงาน กระทรวงแรงงานพม่า ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์เมียนมาร์ไทม์ว่าเขาวางแผนจะเดินทางมาเจรจากับฝ่ายไทย และหวังว่ารัฐบาลไทยจะเปิดศูนย์พิสูจน์สัญชาติอีกครั้งและให้แรงงานได้เข้าสู่กระบวนการพิสูจน์สัญชาติต่อไป

ในการให้สัมภาษณ์ประชาไท อานดี้ โฮลล์ กล่าวว่า นโยบายของกระทรวงแรงงานที่จะไม่ขยายเวลาพิสูจน์สัญชาติให้กับแรงงานข้ามชาติ จะกระทบกับทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายแรงงานในเรื่องสิทธิมนุษยชน เรื่องความมั่นคงของประเทศ และความมั่นคงทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะการขาดแคลนแรงงาน เพราะฉะนั้นมาตรการนี้จะไม่ส่งเสริมความมั่นคงของประเทศ ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และความมั่นคงของมนุษย์

โดยผลกระทบทันที่เกิดขึ้นหลังประกาศของรัฐมนตรีกระทรวงแรงงานว่าจะใช้นโยบายผลักดันแรงงานที่ไม่มีเอกสารกลับ จะทำให้ตำรวจหรือคนที่บังคับใช้กฎหมายไปจับแรงงานที่ไม่มีเอกสาร โดยจะเป็นการจับแบบอายัดตัว และมักเกิดการรีดไถเงิน เมื่อมีเงินมาให้ก็จะปล่อยตัวแรงงาน ส่วนคนที่จะถูกส่งกลับประเทศจริงๆ คือคนที่ไม่มีเงินมาประกันตัว

นอกจากนี้หากส่งกลับแรงงานไปแล้ว จะจะกลับเข้ามาทำงานใหม่ตามช่องทางการนำเข้าแรงงาน แรงงานต่างชาติที่จะมาทำงานจะต้องเสียค่าใช้จ่ายราว 18,000 - 21,000 บาท ซึ่งถ้าแรงงานก็ไม่มีเงินก็ต้องไปยืมจากคนอื่น และทำให้ต้องเป็นหนี้ และต้องทำงานจนกว่าจะใช้หนี้หมด

ผู้เชี่ยวชาญด้านแรงงานย้ายถิ่นกล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมากระบวนการพิสูจน์สัญชาติเพื่อออกหนังสือเดินทางเป็นนโยบายที่ดีและเขาสนับสนุน แต่จนถึงทุกวันนี้นโยบายล้มเหลวเพราะยังมีการรีดไถ และมีการเก็บค่าใช้จ่ายพิสูจน์สัญชาติสูงเกินไป และมีกรณีที่แรงงานได้หนังสือเดินทางปลอม จึงทำให้ยังคงต้องทำงานในประเทศอย่างผิดกฎหมาย โดยการทุจริต การมีเงินใต้โต๊ะ ทำให้การจดทะเบียน และกระบวนการการพิสูจน์สัญชาติ เป็นไปด้วยความล่าช้า แพง และไม่มีความโปร่งใส

อานดี้ โฮลล์ มีข้อเสนอทิ้งท้ายว่า "รัฐบาลไทยต้องมีนโยบายที่ทำให้ทุกคนที่อยู่ในประเทศอย่างผิดกฎหมายกลายเป็นคนที่อยู่อย่างถูกต้องตามกฎหมาย มีการออกหนังสือเดินทางให้ทุกคน ต้องเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านพม่า ลาว กัมพูชา ทำให้เจ้าหน้าที่ของประเทศนั้นๆ มาในประเทศเพื่อออกหนังสือเดินทาง ไม่ต้องมีการจดทะเบียนหรือพิสูจน์สัญชาติอะไรก็ต้องมีการออกหนังสือเดินทางทันที ถ้าจะมีการส่งแรงงานกลับประเทศ ก็ต้องทำอย่างจริงจัง ไม่ใช่จับแล้วเอามารีดไถ รัฐบาลต้องมีนโยบายระยะยาวเรื่องการย้ายถิ่น ที่เคารพสิทธิมนุษยชน ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และความมั่นคงประเทศ ทั้งนี้เศรษฐกิจไทยต้องการแรงงานข้ามชาติประมาณ 5-10% ของตลาดแรงงาน ประเทศไทยต้องยอมรับในจุดนี้ว่าขาดแคลนแรงงาน และต้องวางแผนระยะยาวให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่ดำเนินอยู่"

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net