สกต.วอนรัฐฯ เร่งช่วยเหลือความปลอดภัยชาวบ้าน หวั่นอิทธิพลมืดก่อเหตุเพิ่ม

ร้องช่วยดูเงินเยียวยาญาติ 2 เหยื่อความขัดแย้ง ก่อนเดินหน้าขอความเป็นธรรมศาลฎีกา หลังทุเลาบังคับคดีบริษัทสวนปาล์มสุราษฎร์รุกที่ ส.ป.ก.จนความขัดแย้งหนักทำชาวบ้านถูกยิงดับในพื้นที่ พร้อมเผยมีการตัดแบ่งที่ขายแล้วนับสิบแปลง

 
 
สืบเนื่องมาจากเหตุการณ์รุนแรงกรณี นางปรานี บุญรักษ์ และนางมลฑา ชูแก้ว ชาวบ้านในชุมชนคลองไทร ต.ไทรทอง อ.ชัยบุรี จ.สุราษฎร์ธานี ถูกยิงเสียชีวิตด้วยอาวุธสงคราม ในบริเวณชุมชนห่างจากบ้านพักอาศัย 800 เมตร และจนบัดนี้เวลาล่วงเลยมา 1 เดือน กับ 6 วันแต่ก็ยังจับผู้กระทำความผิดมาลงโทษไม่ได้
 
เมื่อวันที่ 24 ธ.ค.55 เวลา 10.00 น.ตัวแทนสหพันธ์เกษตรกรภาคใต้กับทายาทผู้เสียชีวิตจึงร่วมกับตัวแทนเครือข่ายขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) จากภาคเหนือ อีสาน และเครือข่ายสลัม 4 ภาค เดินได้เดินทางเข้าพบ นายสุพร อัตถาวงศ์ รองเลขาการฝ่ายการเมืองนายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และ พ.ต.ตเสงี่ยม สำราญรัตน์
 
วัตถุประสงค์เพื่อเจรจาประเด็นเร่งด่วน 3 เรื่อง คือ 1.ต้องการพบหรือกำหนดการที่ชัดเจนในการเข้าพบนายกรัฐมนตรีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 2.เรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของชาวบ้านในชุมชนคลองไทร เพราะเป็นเรื่องของกลุ่มอิทธิพลที่ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดกระบี่และสุราษฎร์ธานี จึงต้องการขอกำลังเจ้าหน้าที่จากกองปราบเข้าไปดูแลด้านคดีและความปลอดภัยในชุมชน
 
3.เรื่องเงินชดเชยเยียวยาแก่ทายาทผู้เสียชีวิตทั้งสองคนจากกรมคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ซึ่งเรื่องที่ 2 และ 3 ได้รับการตอบรับที่จะช่วยติดตามดูแลและสั่งการให้ ส่วนเรื่องเข้าพบนายกรัฐมนตรีฯ ไม่มีการรับปากแต่ขอให้มาฟังคำตอบในวันที่ 25 ธ.ค.55
 
 
วันนี้ (25 ธ.ค.55) เวลา 10.10 น.ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรมและสมาชิกสหพันธ์เกษตรกรภาคใต้ก็ได้เคลื่อนขบวนไปที่หน้าประตูทำเนียบอีกครั้งหนึ่ง เพื่อขอคำตอบและเวลาที่ชัดเจนในการเข้าพบนายกรัฐมนตรีฯแต่ไม่มีคำตอบจากนายสุพร โดยเจ้าหน้าที่บอกว่าให้กลับบ้านไปก่อน
 
หลังจากนั้นเวลา 11.00 น.ชาวบ้านก็ได้ตั้งขบวนเดินทางไปที่ศาลฎีกา เพื่อยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อท่านประธานศาลฎีกา กรณีบริษัทจิวกังจุ้ยพัฒนา จำกัด ที่ขอทุเลาการบังคับคดีในชั้นศาลฎีกาและศาลอนุญาต การพิจารณาคดีที่ใช้เวลานานเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดความรุนแรง ทั้งๆ ที่บริษัทฯ บุกรุกที่ดิน สปก.ปลูกปาล์มน้ำมันมานานกว่า 20 ปีและยังสร้างความเสียหายโดยการตัดแบ่งที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นแปลงย่อยนับสิบแปลงเพื่อขายอย่างผิดกฎหมาย ทั้งที่ตามระเบียบสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ได้กำหนดให้เกษตรกรที่รับสิทธิเข้าทำประโยชน์เพื่อเกษตรกรรมเท่านั้น ห้ามซื้อขายหรือถ่ายโอนเด็ดขาด
 
ด้านนายกลภัทย์ แสงบรรจง เลขาธิการประธานศาลฏีกา ผู้ออกมารับหนังสือรับปากกับชาวบ้านว่าจะยื่นหนังสือถึงท่านประธานศาลฏีกาอย่างเร่งด่วน
 
 
สำหรับพื้นที่ที่เกิดเหตุ มีเนื้อที่จำนวน 1,374 ไร่ ตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ 2 ต.ไทรทอง อ.ชัยบุรี จ.สุราษฎร์ธานี และพื้นที่หมู่ 6 ต.เขาดิน อ.เขาพนม จ.กระบี่ ซึ่งสำนักงานปฏิรูปที่ดินได้ประกาศเป็นเขตปฏิรูปเมื่อปี 2531 และได้ยื่นฟ้องขับไล่ บริษัทจิวกังจุ้ยพัฒนา จำกัด ซึ่งเข้าครอบครองที่ดินโดยไม่ถูกต้อง หลังไม่สามารถพิสูจน์สิทธิ์การถือครองได้เมื่อปี 2547 ต่อศาลจังหวัดกระบี่ แต่บริษัทจิวกังจุ้ยพัฒนาได้ฟ้องแย้ง
 
ล่าสุดเมื่อ 29 เม.ย.54 ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายืนว่าที่ดินที่พิพาทเป็นของรัฐ ไม่จำต้องเวนคืนก่อนฟ้องขับไล่ สปก.เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ มีอำนาจฟ้องขับไล่ ซึ่งปัจจุบันคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา โดยภายหลังศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืน ทาง ส.ป.ก.ได้ดำเนินการเข้าติดประกาศ แจ้งให้ทราบว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ดินของรัฐ ห้ามมีการจำหน่าย ถ่ายโอน แต่ก็พบว่ามีการซื้อขายกันอย่างต่อเนื่อง

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท