ชาวปราจีนเต้น พบสารปรอทตกค้างในปลา-คนรอบพื้นที่อุตสาหกรรม

 

9 ม.ค.56  นักวิจัยพบสารปรอทสะสมในปลาและคนสูงเกินค่าที่ปลอดภัย ในพื้นที่อุตสาหกรรมใหญ่ที่สุดของจังหวัดปราจีนบุรี  ชาวบ้านกว่า 60 คน เดินทางเข้ากรุงเทพฯ ยื่นหนังสือต่ออธิบดีกรมควบคุมมลพิษและกรมโรงงานอุตสาหกรรม เรียกให้ขจัดปัญหามลพิษก่อนสายเกินแก้

นางสาวจุฑามาศ ทรัพย์ประดิษฐ์ นักวิจัยมูลนิธิบูรณะนิเวศ เปิดเผยว่า จากการตรวจวิเคราะห์ตัวอย่างปลาช่อนและเส้นผมของคนที่อาศัยใกล้โรงไฟฟ้าถ่านหินและโรงผลิตเยื่อกระดาษ ต.ท่าตูม อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบสารปรอทปนเปื้อนในห่วงโซ่อาหารและร่างกายมนุษย์  โดยพบปลาทุกตัว (100%) มีปริมาณสารปรอทปนเปื้อนสูงเกินค่ามาตรฐานอาหาร  กระทรวงสาธารณสุขกำหนดให้อาหารมีสารปรอทปนเปื้อนได้ไม่เกิน 0.02 ppm (ส่วนในล้านส่วน) แต่ปลาในคลองชลองแวงซึ่งอยู่ใกล้โรงไฟฟ้าถ่านหินและโรงผลิตเยื่อกระดาษมีสารปรอทปนเปื้อนตั้งแต่ 0.067-0.22 ppm อีกนัยหนึ่ง ปลาในพื้นที่ท่าตูมปนเปื้อนสารปรอทเกินค่าที่ยอมรับได้ 3-11 เท่า

ผลการตรวจตัวอย่างเส้นผมของประชาชนที่บริโภคปลาและอาศัยภายในรัศมี 2 กิโลเมตรของพื้นที่อุตสาหกรรมยังพบว่า เส้นผมของทุกคน (100%) มีสารปรอทสะสมอยู่ในปริมาณที่เกินค่าปริมาณอ้างอิง 1.00 ppm ซึ่งเป็นปริมาณที่อาจก่ออันตรายต่อพัฒนาทางสมอง งานศึกษาครั้งนี้พบสารปรอทในเส้นผมของคนท่าตูมตั้งแต่ 1.628 – 12.758 ppm  ร้อยละ 90 ของปรอทที่สะสมในร่างกายมนุษย์ คือ ปรอทอินทรีย์ชนิดเมทิลเมอร์คิวรี่ ซึ่งมีพิษสูง สะสมในร่างกายและสิ่งแวดล้อมได้ยาวนาน อีกทั้งยังถ่ายทอดได้จากแม่สู่ลูก  ช่องทางหนึ่งที่สารปรอทจะเข้าสู่ปลาและมนุษย์ในพื้นที่ศึกษา ต.ท่าตูม ได้แก่ เถ้าลอยจากโรงไฟฟ้าถ่านหิน ฝุ่นถ่านหินจากลานเก็บถ่านหินแบบเปิด ขี้เถ้าจากโรงไฟฟ้าที่นำมาปรับสภาพดินในแปลงยูคาลิบตัสในพื้นที่โดยรอบ  และยังมีความเป็นไปได้ที่น้ำเสียปนเปื้อนสารปรอทจากโรงผลิตเยื่อกระดาษอาจรั่วซึมลงคลองสาธารณะ  

 

 

 

“ในฐานะผู้ได้รับผลกระทบจากสารปรอทคนหนึ่ง ผมอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาดูแลตรวจสอบมลพิษก่อนที่จะเข้าสู่ร่างกาย อย่าปล่อยให้โรงงานทำอะไรโดยพลการ ไม่ใช่ปล่อยให้ประชาชนดูแลกันเอง มีแต่ร่างกายที่ใช้เป็นเครื่องพิสูจน์มลพิษ” คุณสมบุญ พัชรไพบูลย์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 ต. ท่าตูม อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี กล่าวขณะเดินทางร่วมกับชาวบ้าน 60 คนที่เดือดร้อนจากมลพิษอุตสาหกรรมใน อ.ศรีมหาโพธิ อ.กบินทร์บุรี อ.ศรีมโหสถ อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี และ อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา พร้อมเครือข่ายเพื่อนตะวันออก และวาระเปลี่ยนตะวันออก เพื่อยื่นหนังสือเรียกร้องให้หน่วยงานรัฐแก้ไขปัญหามลพิษก่อนขยายพื้นที่อุตสาหกรรมในภาคตะวันออก

นายวิเชียร จุ่งรุ่งเรือง อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) รับหนังสือร้องเรียนจากชาวบ้านด้วยตนเองและกล่าวว่าจะส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์ปนเปื้อน  ในวันเดียวกัน นายพงษ์เทพ จารุอำพรพรรณ รักษาการแทนอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) รับหนังสือร้องเรียนจากชาวบ้านและกล่าวว่าจะส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่และตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ

นางสาวเพ็ญโฉม แซ่ตั้ง ผู้อำนวยการมูลนิธิบูรณะนิเวศ กล่าวว่า “เราอยากให้ผู้ที่เกี่ยวข้องนำผลการศึกษานี้ไปใช้แก้ไขปัญหามลพิษในพื้นที่ท่าตูมและพื้นที่อื่นๆ  อย่าลืมว่าสัญญาณเตือนจากธรรมชาติ เมื่อเรารับฟัง เรื่องใหญ่จะกลายเป็นเรื่องเล็ก หากแก้ปัญหานี้ได้ ชุมชนก็จะไม่คัดค้านอุตสาหกรรม อย่าปล่อยให้ปัญหามันเรื้อรังเกินกว่าที่จะแก้ไข”

งานศึกษาครั้งนี้เป็นความร่วมมือระหว่างมูลนิธิบูรณะนิเวศและเครือข่ายระหว่างประเทศว่าด้วยการกำจัดสารพิษตกค้างยางนานในสิ่งแวดล้อม (IPEN) โดยเก็บตัวอย่างปลาและเส้นผมกว่า 460 ตัวอย่างใน 29 ประเทศ เพื่อสำรวจแหล่งกำเนิดมลพิษสารปรอท ซึ่งรวมถึงโรงไฟฟ้าถ่านหินและโรงผลิตเยื่อกระดาษ เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการเจรจาอนุสัญญาสารปรอท ซึ่งตัวแทนรัฐบาลไทยจะเข้าร่วมประชุมที่กรุงเจนีวา ประเทศสวิสต์เซอร์แลนด์ วันที่ 13-18 มกราคมนี้

 

Thailand Mercury Hot Spot - EnG by Prachatai Online Newspaper

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท