Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมานี้ เกาหลีเหนือได้รับความสนใจจากชาวโลกอีกครั้งโดยการทดลองระเบิดนิวเคลียร์เป็นหนที่ 3 อันส่งผลให้สหประชาชาติได้ประณามเกาหลีเหนืออย่างรุนแรงเพราะความหวาดหวั่นว่าจะเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศในย่านเอเชียตะวันออกรวมไปถึงทั่วโลก เพราะมีการเชื่อกันว่าในอนาคตเกาหลีเหนือจะสามารถพัฒนาได้ถึงระดับขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์ที่สามารถยิงได้ถึงชายฝั่งตะวันตกของอเมริกา  สำหรับครั้งนี้มีความโดดเด่นอย่างเห็นได้ชัดเพราะจีนซึ่งเป็นลูกพี่ใหญ่และพันธมิตรที่ใกล้ชิดกับเกาหลีเหนือที่สุดได้ร่วมประณามด้วยหลังจากสกัดกั้นไม่ให้สหประชาชาติดำเนินการใดๆ กับเกาหลีเหนือมานาน  จึงเป็นเรื่องน่าสนใจว่าภายหลังใต้แรงกดดันจากชาวโลกมาร่วม 2 ทศวรรษทำไมเกาหลีเหนือจึงคงเพียรพยายามพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์และเหตุใดจีนถึงมีท่าทีที่เปลี่ยนไป

สาเหตุที่เกาหลีเหนือต้องการพัฒนาระเบิดนิวเคลียร์ได้มีการวิเคราะห์กันมากมาย การจะบอกว่าเกิดจากความทะเยอทะยานและความชั่วร้ายของรัฐบาลเผด็จการเกาหลีเหนือเองก็ไม่ผิดแต่เหตุผลน่าจะมีความซับซ้อนมากกว่านั้น ประโยชน์ของเกาหลีเหนือจากการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ในปัจจุบันก็เป็นที่ประจักษ์ได้ชัดเจนเช่นปัจจัยทางการเมืองในประเทศซึ่งผู้นำสูงสุดไม่ว่าคิม  จ็อง อิล หรือคิม จ็องอึนจำเป็นต้องพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ เพื่อเอาใจกลุ่มผลประโยชน์ในกองทัพตามนโยบาย "กองทัพมาก่อน" (ซองกุง) เช่นมีการบรรจุอาวุธนิวเคลียร์ไว้ในรัฐธรรมนูญของเกาหลีเหนือเพื่อประกาศว่าตัวเองเป็นรัฐนิวเคลียร์และตอกย้ำความเป็นรัฐทหารอันแข็งแก่งกล้าหาญต่อศัตรูภายนอกและที่สำคัญยังช่วยเบี่ยงเบนความสนใจของประชาชนจากความล้มเหลวของรัฐในด้านเศรษฐกิจและนโยบายพัฒนาคุณภาพชีวิต 
 
ส่วนปัจจัยความสัมพันธ์ระหว่างประเทศนั้น การสิ้นสุดของสงครามเย็นในต้นทศวรรษที่ 90 ทำให้เกาหลีเหนือรู้สึกโดดเดี่ยวเพราะปราศจากสหภาพโซเวียตที่ช่วยคุ้มครองและสนับสนุนมาตั้งแต่การก่อตั้งประเทศมา ดังนั้นเพื่อความอยู่รอดของตัวรัฐเกาเหลีเหนือซึ่งเป็นเผด็จการเบ็ดเสร็จหรือรัฐอันธพาลตามสายตาของอเมริกา จึงต้องอาศัยอาวุธนิวเคลียร์เพื่อปกป้องและสร้างอำนาจให้กับตัวเอง  การพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ยังเป็นตัวคอยสร้างสมดุลทางอำนาจระหว่างเกาหลีและจีนซึ่งเป็นพันธมิตรที่สนิทที่สุดของเกาหลีเหนือเพราะจีนนั้นให้การช่วยเหลือและมีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจการค้ากับเกาหลีเหนืออย่างมหาศาล และเมื่อเกาหลีใต้ยุตินโยบายตะวันทอแสง (Sunshine Policy) ซึ่งให้การช่วยเหลือเกาหลีเหนืออยู่ร่วมทศวรรษ เกาหลีเหนือจึงจำเป็นต้องพึ่งพาจีนมากขึ้นไปพร้อมๆ กับความไม่ไว้วางใจของกรุงเปียงยางว่าจีนอาจพยายามครอบงำและยึดครองประเทศตนในที่สุดดังนั้นเกาหลีเหนือจึงมักเพิกเฉยต่อการเรียกร้องของจีนให้หยุดพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์เพื่อสะท้อนว่าตนมีความเป็นอิสระทางการเมืองและการทหารจากจีน 
 
นอกจากนี้ท่าทีที่เปลี่ยนไปของจีนต่อเกาหลีเหนือเกิดจากความต้องการปรับปรุงภาพพจน์ของจีนในสายตาชาวโลกระหว่างที่จีนมีความขัดแย้งกับประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมไปถึงการการเผชิญกับการโอบล้อมของอเมริกา และยังเป็นการต้องการปรามเกาหลีเหนือซึ่งมีท่าทีแข็งข้อโดยที่แท้จริงแล้วกรุงปักกิ่งไม่ได้เดือดร้อนกับการมีอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ มีการเรียกร้องให้นายสี จิ้นผิง ว่าที่ประธานาธิบดีของจีนสร้างแรงกดดันเช่นหยุดส่งน้ำมันเพื่อให้เกาหลีเหนือยุติการพัฒนาอาวุธ ถ้าเกาหลีกระทำตามจีนก็แสดงว่าตัวเองตกอยู่ภายในอำนาจของจีน   นอกจากนี้อเมริกาซึ่งมีเสียงดังที่สุดในการกดดันเกาหลีเหนือได้ทำให้รัฐบาลกรุงเปียงยางอยู่ในภาวะลำบากมากขึ้น
 
ปัจจุบันเกาหลีเหนือกำลังอยู่ในภาวะเหนือเสือปะจระเข้ดังนี้
 
1.ถ้าเกาหลีเหนือยุติโครงการอย่างถาวรด้วยแรงกดดันที่ไม่ได้จากจีนเช่นจากสหประชาชาติหรืออเมริกาไม่ว่าเวทีใดๆ   อเมริกาก็จะได้แสดงว่าตนเพิ่มอำนาจแทรกแซงในการเมืองของเอเชียเหนืออีกระดับหนึ่งและเกาหลีเหนือก็ได้รับการช่วยเหลือเพิ่มขึ้นรวมไปถึงการยุติการคว่ำบาตรจากนานาประเทศ แต่เกาหลีเหนือก็อาจประสบปัญหาจากการเมืองในประเทศดังที่ได้กล่าวมา นอกจากนี้ถ้าเกาหลีเหนือยอมให้อเมริกาเข้ามามีความสัมพันธ์อย่างลึกซึ้งทางการทูตและการค้าในอนาคตเพื่อหนีออกจากอิทธิพลของจีน เกาหลีเหนือก็อาจเข้าสู่กระบวนการเป็นประชาธิปไตยเหมือนพม่า และนำไปสู่การรวมประเทศกับเกาหลีใต้ อันจะทำให้ตระกูลคิมซึ่งสืบทอดอำนาจมาหลายทศวรรษหมดอำนาจไป แต่จีนจะไม่มีวันปล่อยให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นได้เป็นอันขาดเพราะจะทำให้ตนสูญเสียประเทศพันธมิตรและผลประโยชน์ทางธุรกิจไป
 
2.ถ้าเกาหลีเหนือทดลองอาวุธนิวเคลียร์ไปอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้อเมริกาไม่โจมตีเกาหลีเหนือ แต่เกาหลีใต้และญี่ปุ่นซึ่งหวาดระแวงเกาหลีเหนือก็เลือกที่จะร่วมมือกับอเมริกาในการสร้างเครือข่ายป้องกันขีปนาวุธ อันสร้างความวิตกกังวลให้กับจีนตามแผนการมีอิทธิพลในเอเชีย (Pivot towards Asia) ขออเมริกา เกาหลีเหนือดูเหมือนจะใช้กรณีนี้ในการต่อรองกับจีนได้ เพราะยิ่งข่มขู่โลกและอเมริกาในเรื่องระเบิดนิวเคลียร์มากเท่าไร อเมริกาก็จำเป็นต้องพึ่งพิงหรือกดดันจีนในการกดดันเกาหลีเหนือมากขึ้น (ซึ่งอาจทำให้ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศดีหรือไม่ดีก็ได้ อันนี้แล้วแต่การเจรจาระหว่างจีนและอเมริกาว่าจะทำให้สถานการณ์เป็นแบบแพ้หรือชนะทั้งคู่) แต่การคว่ำบาตรของอเมริกาและนานาประเทศยิ่งซ้ำเติมเศรษฐกิจอันเปราะบางของประเทศและจะทำให้เกาหลีเหนืออยู่ภายใต้อิทธิพลของจีนยิ่งขึ้นไปอีก
 
ดังนั้นเกาหลีเหนือจึงพยายามหาเลือกทางที่ 3 คือทั้งพัฒนาระเบิดนิวเคลียร์และประกาศว่าเพื่อเป็นไปด้านสันติภาพหรือแม้แต่เพียงปกป้องตัวเองเหมือนกับอินเดียและปากีสถานซึ่งเหมือนเกาหลีเหนือคือไม่ได้อยู่ใต้สนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ (Nuclear Non-Proliferation Treaty) หรือหยุดทดลองเป็นพักๆ เพื่อแสดงให้ชาวโลกรู้ว่าเพียงต้องการให้อาวุธนิวเคลียร์เป็นเพียงการต่อรองผลประโยชน์เท่านั้น แต่สื่อของตะวันตกกลับนำเสนอภาพพจน์ของเกาหลีเหนือว่าเป็นภัยคุกคามของต่อชาวโลกหรือแม้แต่ความพยายามในการปรับปรุงภาพพจน์ของประเทศเช่นเปิดให้ต่างชาติได้เข้าไปเยี่ยมชมประเทศหรือประชาสัมพันธ์ประเทศมากขึ้นก็อาจกลายเป็นดาบสองคมหรือสำหรับเกาหลีเหนือเพราะจะเป็นการเปิดเผยความล้มเหลวของรัฐบาลหรืออาจเปิดช่องให้ต่างชาติส่งสายลับเข้ามาจารกรรมความลับ แม้แต่การทำให้ประเทศมีความประชาธิปไตยมากขึ้นแม้จะเพียงผิวเผินเช่นให้มีการเลือกตั้งหรือให้เสรีภาพแก่สื่ออยู่บ้างก็เสี่ยงต่อความมั่นคงของรัฐบาล หรือการที่เกาหลีเหนือหันไปหาความช่วยเหลือประเทศที่ 3 เช่นรัสเซียหรือกลุ่มสหภาพยุโรปซึ่งก็ได้ให้ความช่วยเหลือในระดับหนึ่ง แต่กลุ่มประเทศเหล่านั้นก็มีเงื่อนไขเช่นเดียวกับอเมริกาคือต้องการให้เกาหลีเหนือยุติการทดลองอาวุธนิวเคลียร์ซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นไม่ได้ด้วยเหตุผลดังที่ได้กล่าวมาแล้วนั้นเอง              
 
ดังนั้นจึงเป็นงานหนักของคิม จ็องอึนว่าจะหาทางออกจากทางตันเหล่านี้อย่างไร  
 
 
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net