Skip to main content
sharethis
หลังสุขุมพันธ์ชนะเลือกตั้ง ผู้ที่ถูกสื่อโจมตีเย้ยหยันน้องๆ พรรคเพื่อไทยและมวลชนเสื้อแดง ก็คือสำนักโพลล์ต่างๆ ที่ชี้ว่าพงศพัศจะชนะ
 
บทวิเคราะห์ พาดหัวข่าว แทบทุกฉบับปลุกความเกลียดชัง กระทืบซ้ำไม่มียั้ง ชี้นำให้ผู้อ่านคล้อยตามว่าที่โพลล์ผิดเป็นเพราะถูกซื้อ หรือรับใช้การเมือง
 
สว.ฝ่ายขวา ประสาร มฤคพิทักษ์ สมชาย แสวงการ ก็ฉวยโอกาสกระหน่ำว่า อย่ารับใช้ผลประโยชน์ทางการเมือง อย่าให้การเมืองและเงินเข้ามาแทรก
 
นักวิชาการบางราย โผล่มาจากไหนไม่ทราบ เกรี้ยวโกรธยังกะพ่อแม่โดนโพลล์ฆ่าตาย ชี้หน้าว่าคนทำโพลล์ผิดควรมีโทษปรับหรือติดคุก สถาบันการศึกษาต้นสังกัดต้องถูกปรับด้วย กกต.ต้องสั่งห้ามเผยแพร่โพลล์ในสื่อ ฯลฯ ทั้งที่ถ้าจะเอากันอย่างนั้น นักวิเคราะห์ หมอดูหมอเดา โหร พราหมณ์ รวมทั้งสื่อ (และนักวิชาการเอง) ก็ควรติดคุกระนาว
 
การโจมตีให้ร้ายสำนักโพลล์ดังกล่าวเป็นไปโดยปราศจากเหตุผล ไม่มีแม้แต่สมมติฐานรองรับ เพียงเพราะโพลล์ผิด ซึ่งมีปัจจัยให้ต้องวิเคราะห์กันหลายประการ แต่คนเหล่านี้ตีขลุมว่า “ถูกซื้อ” สถานเดียว
 
สำนักโพลล์ที่ผิด มีทั้งดุสิตโพลล์ เอแบคโพลล์ กรุงเทพโพลล์ รวมถึงบ้านสมเด็จโพลล์ ที่มาทำ exit poll วันสุดท้าย แม้แต่นิด้าโพลล์อวดอ้างว่าแน่ ช่วงหนึ่งก็ชี้ว่าพงศพัศนำ ถ้าคิดอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ มันก็ต้องมีสาเหตุตัวแปรที่ทำให้โพลล์ผิด ซึ่งต้องไปไล่เรียงกัน ไม่ว่าจะเป็นความบกพร่องของระเบียบวิธีการทำโพลล์ การไม่ตอบหรือไม่กล้าตอบตามความจริงของคนไทย หรือเป็นเพราะคนที่ตอบโพลล์ไปแล้ว เปลี่ยนใจใน 1-2 วันสุดท้าย
 
แต่ถ้าคิดอย่างนักข่าว ซึ่งเชื่อ “ข่าวซีฟ” ที่สอดคล้องกับทัศนะตัวเอง มากกว่าใช้เหตุผล ก็จะมองอย่างที่เป็นมาว่าไอ้นั่นถูกซื้อ ไอ้นี่ถูกซื้อ (ตามที่ซุบซิบมา)
 
จุดอ่อนที่สื่อเอามาโจมตีคือ ดุสิตโพลล์ โดยอ้างเหตุที่มานิจ สุขสมจิตร์ ลาออกจากนายกสภามหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต แล้วตำหนิว่าดุสิตโพลล์ตั้งคำถามที่อ่านออกว่าเพื่อเอาใจ (ฝ่ายการเมือง) เช่น ถ้าโลกแตกอยากให้ใครมีชีวิตอยู่ (ถ้าโพลล์ตอบว่าอภิสิทธิ์ คงไม่มีปัญหามั้ง)
 
แต่อันที่จริง สาเหตุที่มานิจ อดีตนายกสมาคมนักข่าวหลายสมัย ผู้ได้รับการยกย่องเป็นปูชนียบุคคลวงการสื่อ ผู้นำการต่อสู้จนยกเลิก ปร.42 กฎหมายเผด็จการ ฯลฯ (สรรพคุณยาวเหยียดอยู่ข้างซอง) ลาออกจากนายกสภามหาวิทยาลัย ก็บอกอยู่ว่าเพราะจุดยืนต่างกัน ไม่เห็นด้วยที่มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิตไปรับจัดเวทีสานเสวนาแก้ไขรัฐธรรมนูญ 108 เวทีของรัฐบาล
 
“รัฐธรรมนูญปี 2550 ผมมีส่วนร่างมากับมือ และผมคิดว่า เป็นรัฐธรรมนูญที่ดีฉบับหนึ่ง เพราะไปอุดช่องโหว่ของรัฐธรรมนูญปี 2540 ไม่ให้นายทุนเข้ามากอบโกย หรือเข้ามาโกงประเทศ หรือหลายสิ่งหลายอย่างที่นักการเมืองจะเข้ามาล้วงลูก มีการห้ามเอาไว้หมด ฉะนั้น การล้มเลิกรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ผมคงเห็นด้วยไม่ได้”
 
นี่แกพูดชัดเจน จุดยืนต่างกัน เพราะแกยืนข้างรัฐธรรมนูญเผด็จการ
 
บร๊ะเจ้า ตอนแรกที่รู้ว่ามานิจ สุขสมจิตร์ เป็น สสร.2550 ผมยังคิดว่าแกเป็นไปงั้นๆ เพราะตามปกติมีใครตั้งคณะกรรมการอะไรแล้วต้องการตัวแทนสื่อเป็นไม้ประดับ ก็มักจะเป็นมานิจ สุขสมจิตร์ อยู่นั่นแหละ ในฐานะที่หนึ่ง อาวุโส สอง อยู่ไทยรัฐ แกไปนั่งเป็นกรรมการอะไรเพียบไปหมดโดยตัวเองก็นับไม่ถูก ผมก็นึกว่าแกเป็น สสร.พอเป็นพิธี เป็นเจว็ด เสียไม่ได้ เกรงใจรัฐประหาร
 
ที่ไหนได้แกไม่ได้กินเงินเดือนฟรี แกมีส่วนร่วมร่าง “รัฐธรรมนูญโจร” อย่างจริงจัง
 
กลับมาที่ทำไมว่าดุสิตโพลล์เป็น “จุดอ่อน” เพราะผมเองก็รู้สึกว่าการทำโพลล์ของสวนดุสิต ตั้งประเด็นที่ “มักจะง่าย” หรือจับฉ่ายอยู่บ่อยครั้ง แบบตั้งใจจะให้เป็นข่าวหวือหวา และการทำแบบสอบถามในประเด็นเหล่านั้นก็ชวนให้คิดว่าทำกันง่ายๆ แบบให้เด็กไปถามตามห้างหรือฟาสต์ฟู้ด แบบทำโพลล์ดารายอดนิยม ละครหลังข่าวยอดฮิต
 
ผมเองก็ตะหงิดๆ กับการทำโพลล์สวนดุสิตมาตลอด แต่ดุสิตโพลล์ก็เป็นอย่างนี้มาหลายปีแล้ว เป็นทุกรัฐบาล ไม่ใช่เพิ่งเป็นในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ (มานิจเพิ่งตื่น เพิ่งรู้สึกรับไม่ได้)
 
กระนั้นโพลล์เลือกตั้งครั้งนี้จะบอกว่าสวนดุสิตมั่วก็มักง่ายไป เพราะทั้งเอแบคโพลล์ กรุงเทพโพลล์ ผลออกมาเหมือนกัน จะเหมาเอาว่าทุกสำนักเอาใจรัฐบาลอย่างนั้นหรือ
 
เอแบคโพลล์ไม่เหมือนสวนดุสิตนะครับ ไม่ใช่มหา’ลัยของรัฐ หนำซ้ำยังเคยเป็นไม้เบื่อไม้เมากับรัฐบาลทักษิณ เคยทำโพลล์สำรวจความนิยมแล้วรัฐบาลไม่พอใจ ให้ตำรวจไปค้น ขอดูแบบสำรวจ คำถาม คำตอบ เหมือนที่ กกต.ทำกับสวนดุสิตเปี๊ยบ ตอนนั้นสื่อด่ากันขรมว่ารัฐบาลแทรกแซงเสรีภาพทางวิชาการ แต่ตอนนี้กลับกันเป็นโพลล์เชลียร์ควรถูกตรวจสอบ
 
แล้ว กกต.ก็เอาแบบสำรวจของสวนดุสิตไปให้จุฬาตรวจข้อสอบ โอ้ จุฬาเป็นใครมาจากไหนไม่ทราบ แปลว่าเราแบ่งชนชั้นกันแล้ว จุฬาเป็นมหาลัยเกรดเอ สวนดุสิตเป็นมหาลัยเกรดบี หรือเกรดซี จุฬาเชื่อถือได้ สวนดุสิตเชื่อถือไม่ได้
 
ผมเคยสัมภาษณ์ อ.นพดล กรรณิการ์ ผอ.เอแบคโพลล์ ลงไทยโพสต์แทบลอยด์ 2 ครั้ง ครั้งแรกตอนถูกรัฐบาลไทยรักไทยคุกคาม ครั้งหลังราวปี 50-51 ทั้งสองครั้งแกพูดกลางๆ แต่อ่านนัยและอากัปกิริยา เห็นๆ อยู่ว่าไม่ชอบทักษิณ ตอนสัมภาษณ์ครั้งหลังแกยังหวังว่าเมื่อศาลตัดสินคดีทักษิณแล้วสังคมไทยจะกลับสู่ความสงบ (โพลล์ผิด-ฮา)
 
กรุงเทพโพลล์ มหา’ลัยกรุงเทพ สื่อเคยทำการบ้านหรือเปล่าครับ ม.กรุงเทพฯ ก่อตั้งโดยตระกูลโอสถานุเคราะห์ อธิการบดีคนแรกที่เป็นมา 25 ปีตั้งแต่สมัยเรียกว่าครูใหญ่ ชื่อเจริญ คันธวงศ์ ประธาน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ปัจจุบันยังเป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัย และได้รับการยกย่องเป็นอธิการบดีกิตติคุณก่อตั้ง อธิการคนที่สอง เป็นมา 20 ปี ธนู กุลชล ก็เข้าไปเป็น สว.สรรหา ค้นปูมยังไงก็โยงรัฐบาลหรือตระกูลชินวัตรไม่ได้
 
ถ้าเอา Agenda มาจับผิดกันแบบนี้ ผมก็กล่าวหาได้ว่านิด้าโพลเอียง เพราะเอียงถึงถูกอย่างฟลุคๆ เพราะนิด้าในยุคสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ (และบรรเจิด) ผมมักจำชื่อผิด คิดว่าเป็นสถาบันบัณฑิตพัฒนรัฐประหารศาสตร์อยู่เรื่อย
 
ผมฟังวิธีทำโพลล์ของนิด้า ก็ไม่ได้คิดว่าจะช่วยให้แม่นยำกว่ากันเลย เพราะนิด้าบอกเองว่าเป็น “โพลล์มือถือ” มีฐานข้อมูลอายุ อาชีพ รายได้ ที่อยู่ เพศ แล้วโทรไปสอบถาม อ้างว่าทำให้คนกล้าพูด แต่เอาเข้าจริง คนไม่รู้จักกันโทรถามทางมือถือ เราก็โกหกซะเยอะ การถามซึ่งหน้า ถ้าผู้สอบถามฝึกมาดี จะดูออกว่าพูดจริงหรือโกหก
 
ถ้าคิดอย่างนี้สำนักโพลล์ทุกสำนักก็ต้องหันมาใช้การสอบถามทางมือถือหมดสิครับ
 
ตรงนี้ต้อง ป.ล.ว่าการทำโพลล์จริงๆ แล้วเป็นธุรกิจ ที่สำนักต่างๆ แข่งขันกัน ทำโพลล์สังคมการเมืองให้มีชื่อเสียง ก็เพื่อสร้างเครดิตรับงานทำโพลล์สบู่ ยาสีฟัน ฉะนั้นอย่าแปลกใจที่มีการฉวยโอกาสทับถมกันเมื่อโพลล์ใดพลาด
 
นี่ยิ่งเป็นเหตุผลตอกย้ำว่าไม่มีสำนักโพลล์ไหนอยากเอาใจการเมืองหรือเห็นแก่เงินเฉพาะหน้าหรอก ผลประโยชน์ระยะยาวของเขาสำคัญกว่า
 
อย่าเชื่อโพลล์เชื่อสื่อเหอะ
 
ทำไมโพลล์ผิด ความเป็นไปได้มากที่สุดคือ คนที่ยังไม่ได้ตัดสินใจตอนตอบโพลล์ หันมาเลือกสุขุมพันธ์ด้วยความกลัวพรรคเพื่อไทยจะผูกขาดอำนาจ เลือกเพื่อคานอำนาจ โดยตัดสินใจใน 1-2 วันสุดท้ายเท่านั้น
 
เสรี วงษ์มณฑา ก็บอกเองว่านี่เป็นการ Vote Against ทักษิณ ไม่ใช่เลือกเพราะรักประชาธิปัตย์ ชอบสุขุมพันธุ์ เห็นพูดกันอย่างนี้ให้เซ็งแซ่ไม่ใช่หรือ ผู้นำทางความคิดที่ออกมาเรียกร้องให้เลือกสุขุมพันธ์ในโค้งสุดท้ายก็บอกโต้งๆว่าเลือก ปชป.เพราะ “เลวน้อยกว่า” (ไม่ได้อยากเลือกเล้ย ว่างั้นเถอะ)
 
สาเหตุรองลงมาคือ คนเลือกเพื่อไทยมักตอบอย่างตรงไปตรงมา แต่คนเลือก ปชป.ส่วนหนึ่งยังอ้อมแอ้ม นี่เป็นมาตั้งแต่หลัง พ.ค.2553 ทำให้โพลล์ผิดในการเลือกตั้งใน กทม.ทั้ง 2 ครั้ง เปล่า ไม่ได้โทษคนเลือก ปชป.ทำให้โพลล์ผิด นิสัยคนไทยรักชอบใครมักไม่บอกอยู่แล้ว เพียงแต่เหตุการณ์ปี 2553 ทำให้คนที่เลือกเพื่อไทยกลายเป็นคนที่กล้าแสดงออกมากขึ้น
 
ส่วนการทำ exit poll มีหลายปัจจัยทำให้ผิดพลาดง่ายอยู่แล้ว อย่าลืมว่าเอแบคก็ไม่ทำ exit poll เพราะเห็นแล้วว่าทำตามหลักวิชาได้ยาก เจ้าหน้าที่ไม่ให้ความร่วมมือ ไล่ไปทำไกลๆ ไม่สามารถสุ่มตัวอย่างตามหลักสถิติซึ่งต้องนับคนที่ 1,10,20 ฯลฯ โดยเฉพาะการให้คนตอบหน้าหน่วย ในสถานการณ์การเมืองขัดแย้งสูง เป็นไปได้ยากที่จะตอบตามจริง
 
ในภาพรวม โพลล์ต่างหากที่กลายเป็นพิษกับพงศพัศและพรรคเพื่อไทย เพราะการที่โพลล์ตีปี๊บว่าพงศพัศชนะ ทำให้ ปชป.ปลุกความกลัวเป็นผลสำเร็จ ถ้าโพลล์บอกว่าพงศพัศเป็นรอง เผลอๆ อาจชนะ หรือแพ้เฉียดฉิวยิ่งกว่านี้
 
แต่พรรคเพื่อไทยไม่ยักโกรธหรือโทษโพลล์ ฐานหลอกให้เชื่อแล้วผิดหวัง กลับเป็นสื่อกระแสหลัก ที่อยู่ตรงข้ามรัฐบาล พากันรุมกระทืบทำลายเครดิตโพลล์
 
โพลล์เป็นสื่ออย่างหนึ่งในระบอบประชาธิปไตย เป็นเครื่องมือสะท้อนความคิดเห็นของประชาชนคนธรรมดา โดยไม่ต้องผ่านผู้นำทางความคิด สื่อมวลชน หรือนักวิชาการ ซึ่งมักสะท้อนเพียงทัศนะคนชั้นกลาง โพลล์เป็นสื่อใหม่ที่มีอิทธิพลอย่างสูงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ต่อการตัดสินใจของสังคมในประเด็นต่างๆ วัดคะแนนนิยมรัฐบาล ฝ่ายค้าน
 
ถามว่าก่อนหน้านี้ที่ไม่มีโพลล์ ใครสะท้อนความคิดเห็นของประชาชน ก็สื่อไงครับ อ้างตัวว่าสะท้อนความคิดเห็นประชาชน สะท้อนอารมณ์สังคม ผ่านการพาดหัวข่าว เขียนข่าว เขียนคอลัมน์ บทวิเคราะห์
 
แต่พอมีโพลล์ โดยเฉพาะเมื่อโพลล์เริ่มมีเครดิตสูง ในขณะที่เครดิตสื่อตกต่ำ สังคมเริ่มตระหนักว่าสื่อชี้นำตามอารมณ์ โพลล์ก็กลายเป็นตัวขัดขวางความคลั่งของสื่อ
 
ยกตัวอย่าง สื่อเชียร์ม็อบแช่แข็งกันแสนเหนื่อยยาก อุตส่าห์ตีปี๊บตีหม้อตีไห ปั้นน้ำเป็นน้ำแข็ง กลับต้องตีอกชกหัว เพราะเอแบคโพลล์ดันบอกว่ามีประชาชนสนับสนุนแค่ 3%
 
ยกตัวอย่าง สื่อด่ารัฐบาลแทบเป็นแทบตายมาปีครึ่ง จำนำข้าว รถคันแรก ค่าแรง 300 ทำอะไรผิดหมด กรุงเทพโพลล์ดันบอกว่ารัฐบาลได้คะแนน 4.87 เต็ม 10 แต่ฝ่ายค้าน โดยเฉพาะ ปชป.ได้ 3.86 คะแนน ในขณะที่เพื่อไทยได้ 5.44 คะแนน ยิ่งลักษณ์ได้ 5.42 คะแนน (สื่อยังเอาไปพาดหัวว่า โพลล์ชี้รัฐบาลสอบตก)
 
เพราะอย่างนี้ ถึงอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้ ยิ่งในสถานการณ์ต่อไป จะมีการนิรโทษกรรม แก้ไขรัฐธรรมนูญ ขืนปล่อยให้โพลล์บอกว่าประชาชนเห็นด้วย ขณะที่สื่ออ้างว่าประชาชนไม่เห็นด้วย สังคมจะเชื่อใคร
 
ถ้าคิดจะทำอาชีพโพลล์ต่อไป ก็ต้องเห็นแก่หน้าสื่อบ้าง
 
 
 
ใบตองแห้ง
10 มี.ค.56
 
...................................
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net